efinancethai

ประเด็นร้อน

คาด SET พ.ย.ผันผวนรอดูผลเลือกตั้งสหรัฐฯ - งบฯ บจ. Q3 อ่อนแอ ให้เป้าดัชนี 1,400 - 1,500 จุด

คาด SET พ.ย.ผันผวนรอดูผลเลือกตั้งสหรัฐฯ - งบฯ บจ. Q3 อ่อนแอ ให้เป้าดัชนี 1,400 - 1,500 จุด

โบรกฯผสานเสียง SET เดือน พ.ย.เคลื่อนไหวผันผวนสูงในกรอบ 1,400 - 1,500 จุด เหตุรอดูผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถมคาด Fed อาจไม่เร่งลดดอกเบี้ยเร็วเหมือนที่ตลาดคาด แถมปัจจัยในประเทศ ยังมีการรายงานงบฯ Q3/67 ของ บจ. ที่คาดอ่อนแอตามปัจจัยฤดูกาลถ่วง ส่วนใหญ่แนะกลยุทธ์สะสมหุ้นกำไร Q3/67 แกร่ง พบกลุ่มอาหาร - ขนส่งฯ ติดโผเพียบ แถมมีอัปไซด์สูงสุดถึง 61%

 

*** จับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ กด SET ผันผวนต้นเดือน พ.ย.

"สรพล วีระเมธีกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เดือน พ.ย.นี้ ที่ 1,428 - 1,490 จุด โดยมองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวไร้ทิศทางในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน เพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 


ประเมินว่า หาก"กมลา แฮร์ริส" ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นไทย และหุ้นโลกมากกว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่มีนโยบายเศรษฐกิจเป็นลบกับต่างประเทศ ซึ่งหาก "กมลา แฮร์ริส" ชนะเลือกตั้ง SET Index มีแนวโน้มจะทำจุดต่ำสุดของเดือนได้ที่บริเวณ 1,420 จุด และจะสามารถรีบาวด์กลับขึ้นไปได้ที่บริเวณ 1,480 - 1,500 จุด แต่ถ้า "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวหลุดระดับ 1,400 จุด ได้เช่นกัน 


เช่นเดียวกับ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่านวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ที่ประเมินแนวรับ SET Index เดือน พ.ย.ไว้ที่ 1,438 - 1,400 จุด ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1,460 - 1,500 จุด โดยมองว่า ในเดือน พ.ย.นี้ ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวนเพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุน 


สำหรับเดือนนี้ ต้องติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้า"กมลา แฮร์ริส" ชนะการเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) ไหลเข้ามาหนุนเพิ่ม แต่ถ้า "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะการเลือกตั้ง จะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียมีความผันผวนมากขึ้น 


เพราะคาดว่าจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อหลบภัยจากนโยบายเศรษฐกิจของ "โดนัลด์ ทรัมป์" อีกทั้ง ยังเตรียมใช้การขาดดุลลบประมาณของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ทำให้อาจเห็นการออกพันธบัตรใหม่ ซึ่งอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาได้เร็วเหมือนดังที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เป็นปัจจัยที่จะกดดันไม่ให้เม้ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย


ด้าน บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า SET Index เดือน พ.ย.นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนก่อนเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐฯ อาทิ การเลือกตั้งประธานาธิบดี และการประชุม FOMC โดยมุมมองล่าสุดของตลาด คาดว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" มีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งดังกล่าวมากกว่า ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นเข้าสู่โหมดลดความเสี่ยง ก่อนจะทราบผลเลือกตั้งจริง ทั้งนี้ หาก "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยด้วย


ขณะที่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมิน SET Index เดือน พ.ย.นี้ เคลื่อนไหวกรอบ 1,430 - 1,500 จุด โดยมองว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯวันที่ 5 พ.ย.นี้ อาจทำให้เกิดความผันผวนกับตลาดหุ้นทั่วโลกได้ เนื่องจากนโยบายของทั้ง 2 พรรค มุ่งตรงไปยังจีนชัดเจน ทำให้อาจเกิดการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากจีนสู่ไทย และอาเซี่ยน แต่ถ้า "โดนัลด์ ทรัมป์" ชนะการเลือกตั้ง อาจทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯเร่งตัวในระยะกลาง - ยาว ซึ่งจะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯด้วย 


ฟาก บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน SET Index เดือน พ.ย.67 เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,400 - 1,500 จุด เนื่องจากสถานการณ์ล่าสุด ตลาดกำลังจับตาดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งสัญญาณทิศทางของตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย จากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ 

 

*** แนะติดตาม ทิศทางลดดอกเบี้ยเฟด 7 พ.ย.นี้

"ณรงค์เดช จันทรไพศาล" กลับมากล่าวต่อว่า นักลงทุนยังต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) 7 พ.ย.นี้ โดยตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวกได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังต้องตามต่อเรื่องท่าทีของ Fed ว่าจะมีทิศทางดอกเบี้ยเช่นไรหลังจากการประชุมรอบดังกล่าว ถ้าหากยังส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง จะหนุนตลาดหุ้นได้นานมากขึ้น แต่ถ้าเกิดขึ้นตรงกันข้าม จะเป็นบวกได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น


ขณะที่ "สรพล วีระเมธีกุล" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือน พ.ย.นี้ ตลาดได้รับรู้ต่อประเด็นการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ไปก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้น จึงมองว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SET Index อย่างมีนัยสำคัญมากนัก หากเกิดการลดดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวขึ้นจริง แต่ต้องติดตามสัญญาณการลดดอกเบี้ยรอบต่อไปว่าจะเป็นไปในทิศทางเช่นไร 


ส่วน บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เสริมว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อีกทั้ง คระกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นนี้ 

 

*** ปัจจัยในประเทศยังไม่เด่น รับกำไรบจ. Q3/67 ส่อแย่

"สรพล วีระเมธีกุล" ระบุว่า สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนยังคงต้องติดตามการรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ว่า จะออกมาเป็นเช่นไร แต่จากการประเมินจากสถานการณ์ล่าสุด มีแนวโน้มที่งบการเงินช่วงดังกล่าวของบริษัทจดทะเบียนจะไม่โดดเด่น หรืออาจแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ได้เหมือนกัน ทำให้มองประเด็นนี้ยังคงเหนื่อยที่จะเข้ามากระตุ้น SET Index ในเดือน พ.ย.นี้


สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มไม่แข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกรอดูสถานการณ์ไปก่อน อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า SET Index เดือน พ.ย.นี้ ยังไม่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวหลุดระดับ 1,420 จุด ขณะที่แนวต้านของเดือนนี้ มองไว้ที่บริเวณ 1,500 จุด


เช่นเดียวกับ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ระบุว่า การประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่บอกถึงแนวโน้มการเติบโตของ EPS ในระยะถัดไป เบื้องต้นประเมินว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงดังกล่าว มีแนวโน้มลดลง 19% จากปีก่อน และลดลง 12% จากไตรมาสก่อน ทำให้ประเมินว่า ในระยะสั้น SET Index จะอยู่ในช่วงย่อตัวลดความร้อนแรง หลังปรับตัวขึ้นมาราว 15% ในช่วงก่อนหน้านี้


ขณะที่ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" กล่าวว่า การรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 ของบริษัทจดทะเบียน หากแย่กว่าที่ตลาดคาดก็มีโอกาสสูงที่จะกดดันหุ้นไทยได้เช่นกัน แต่หากงบการเงินรวมที่ประกาศออกมาดีกว่าตลาดคาด จะนำไปสู่การปรับประมาณการ EPS ปีนี้ขึ้น ซึ่งจะหนุนให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ อีกทั้ง ยังต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยด้วย ว่ามีพัฒนาการเช่นไร 

 

*** พบ 23 หุ้นเด่น พ.ย. ส่วนใหญ่เน้นธีมงบฯ Q3/67 แกร่ง
 
ขณะเดียวกัน "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจหุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย.นี้ ของทั้ง 5 โบรกเกอร์ พบว่า มีหุ้นรวมกันทั้งหมด 23 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ถูกคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง ประกอบด้วย 

 

5 โบรกฯชี้เป้า 23 หุ้นเด่นเดือน พ.ย.67

บล.

ชื่อย่อหุ้น

เหตุผล

ราคาเหมาะสม (บ.)

%อัปไซด์*

ฟินันเซียฯ

SFLEX

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

5.1

61.39

VIH

Valuation ถูก

15

44.23

OSP

งบฯฟื้นตัวระยะกลาง - ยาว

28

35.27

MAGURO

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

22

23.60

MTC

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

62

22.17

ดาโอ

BEM

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

11.4

44.30

SCGP

งบฯ Q4/67 ฟื้นเด่น

33

29.41

MOSHI

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

58

28.18

SJWD

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

14.5

22.88

SISB

ครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซั่น

40

15.94

KTB

งบฯ Q4/67 โตแกร่ง

23

12.20

CBG

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

88

10.34

กสิกรฯ

OSP

งบฯ Q4/67 ฟื้นเด่น

29.1

40.58

SHR

งบฯ Q4/67 ฟื้นเด่น

2.96

30.97

AMATA

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

33.5

14.53

ITC

งบฯ Q4/67 ฟื้นเด่น

28.5

12.87

เคจีไอ

CPN

งบฯ Q4/67 ฟื้นเด่น

80

27.55

AAV

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

3.6

22.45

BH

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

318

16.91

AMATA

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

34

16.24

SYNEX

ถึงวัฏจักรเปลี่ยน Smartphone - อุปกรณ์ IT

17.2

8.18

ไอร่า

PCE

งบฯ Q3/67 โตแกร่ง

3.5

26.81

IVL

งบฯผ่านจุดต่ำสุด - ราคาลงลึก

31

19.23

PTTGC

งบฯผ่านจุดต่ำสุด - ราคาลงลึก

31

19.23

SCC

งบฯผ่านจุดต่ำสุด - ราคาลงลึก

226

7.62

*อัปไซด์เทียบราคาปิด 31 ต.ค.67

 

*** เดือน พ.ย.นี้ หุ้นอาหาร - ขนส่งติดโผเพียบ !

23 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 15 บริษัท ขณะที่ บริษัทนอกดัชนี SET100 ติดโผ จำนวน 8 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ติดโผมากที่สุด จำนวน 4 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ติดโผจำนวน 3 บริษัท

 

*** พบ "AMATA" - "OSP" มีโบรกฯแนะนำตรงกันมากที่สุด 

โดยในเดือน พ.ย.นี้ พบว่า บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) และ บมจ.โอสถสภา (OSP) เป็นหุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันมากที่สุดถึง 2 โบรกเกอร์ เท่ากัน

 

*** "SFLEX" ราคาหุ้นมีอัปไซด์สูงสุดถึง 61%

ทั้งนี้ บมจ.สตาร์เฟล็กซ์  (SFLEX) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นล่าสุด มีอัปไซด์สูงสุด 61.39% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 5.1 บาท/หุ้น รองลงมา คือ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่ราคาหุ้นล่าสุดมีอัปไซด์ 44.30% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 11.4 บาท/หุ้น 


นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 บริษัท ที่ราคาหุ้นซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัปไซด์มากกว่า 30% ประกอบด้วย บมจ.ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ (VIH) ที่ราคาหุ้นล่าสุดมีอัปไซด์ 44.23% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 15 บาท/หุ้น, บมจ.โอสถสภา (OSP) ที่ราคาหุ้นล่าสุดมีอัปไซด์ 35.27 - 40.58% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 28 - 29.1 บาท/หุ้น 


ปิดท้ายด้วย บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) ที่ราคาหุ้นล่าสุดมีอัปไซด์ 30.97% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 2.96 บาท/หุ้น 







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด