โบรกฯผสานเสียงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ โอกาสเกิด Window Dressing สูง เหตุหุ้นไทยลงแรงทำ Valuation หลายบริษัทถูกจนน่าช้อน คาดกองทุนในประเทศเป็นความหวังนำทีม"ซื้อ" แต่มองแรงซื้ออาจไม่มากหลังยังไม่มั่นใจเม็ดเงิน - ความเชื่อมั่นไม่แน่นอน อาจทำดัชนีพุ่งไกลสุดได้แค่ 15 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน เน้น Selective Buy หุ้นลงลึกพื้นฐานแกร่ง - ปันผลสูง - แนวโน้มกำไรโต !
*** ใกล้จบ Q2/67 ลุ้นเกิด Window Dressing
ในช่วงก่อนปิดงบการเงินทุกสิ้นไตรมาสหรือสิ้นปี นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนรวมมักใช้กลยุทธ์การทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานออกมาดูดี หรือทำให้สัดส่วนการลงทุนเป็นไปตามที่ประกาศไว้ในนโยบายกองทุน หรือให้นักลงทุนรู้สึกดีเมื่อเห็นว่ากองทุนนี้มีการลงทุนในหุ้นที่ดี มีอนาคตสดใส
เช่น เพิ่มการซื้อหุ้นที่นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนนั้น ๆ ถืออยู่แล้ว เพื่อพยายามให้ราคาปิดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อกองทุนคำนวณมูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาดที่ปิด ณ สิ้นวัน ก็ส่งผลให้ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนสูงขึ้นไปด้วย
ส่วนอีกแนวทาง คือ นักลงทุนสถาบันอาจขายหุ้นตัวที่ขาดทุนมาก ๆ ออกไป พร้อมกับซื้อหุ้นตัวที่มีแนวโน้มราคาจะปรับตัวสูงขึ้นมาก ๆ มาเข้าพอร์ตแทน หรือระหว่างทางกองทุนนี้อาจมีการลงทุนที่ต่างไปจากนโยบายที่จัดตั้งบ้าง ช่วงนี้จึงถือเป็นช่วงที่จะเข้ามาปรับปรุงพอร์ตการลงทุนให้กลับมาสอดคล้องกับนโยบายการลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี้มักถูกเรียกว่า "Window Dressing"
โดยปกติเมื่อเกิด "Window Dressing" มักส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น คือ ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) หรือราคาหุ้นบางบริษัทในตลาดหลักทรัพย์อาจปรับตัวสูงขึ้น เพราะมีปริมาณซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้ามา โดยเฉพาะหุ้นที่ Outperform มีแนวโน้มราคาหรือผลประกอบการที่ดีอยู่แล้ว ราคาก็จะยิ่งปรับขึ้นไปอีกในช่วงสิ้นไตรมาสหรือสิ้นงวดนั้น และค่อย ๆ ลดลงมาสู่ราคาปกติในช่วงต้นเดือนถัดไป
*** โบรกฯชี้สิ้นเดือน มิ.ย. ยังมีลุ้นเกิด Window Dressing
"กรรณ์ หทัยศรัทธา" นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงสิ้นไตรมาส 2/67 มีโอกาสที่จะเกิด Window Dressing สูงเหมือนกัน เนื่องจากหุ้นหลาย ๆ บริษัทขณะนี้มีมูลค่า (Valuation) อยู่ในโซนที่ถูกมาก หลังราคาหุ้นปรับตัวลงค่อนข้างมากในปีนี้ จึงทำให้นักลงทุนรายใหญ่มีโอกาสที่จะเข้าไปซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโต
อย่างไรก็ตาม มองว่า นักลงทุนรายใหญ่ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในช่วงสิ้นไตรมาส 2/67 มีโอกาสที่จะเป็นกลุ่มกองทุนในประเทศเป็นหลัก ขณะดียวกันมองว่า ยังไม่น่าใช่นักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ที่เข้ามาซื้อ เนื่องด้วยน่าจะยังมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองอยู่ในขณะนี้
เช่นเดียวกับ "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ ที่กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/67 มีโอกาสที่จะเกิด Window Dressing ได้เช่นกัน หากอ้างอิงตามสถิติในอดีตที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และ 4 ของทุกปีเสมอ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศด้วย ว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ได้มากน้อยแค่ไหน
ขณะที่ หากพิจารณา Valuation ของหลาย ๆ บริษัทในขณะนี้ ก็พร้อมที่จะเกิด Window Dressing ได้เช่นกัน สะท้อนจากราคาหุ้นของหลาย ๆ บริษัทในตลาดหุ้นไทยปีนี้ ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากทำให้อยู่ในโซนที่ค่อนข้างถูก และน่าเข้าซื้อหุ้นเพื่อรอจังหวะเด้งกลับจากผลการดำเนินงานของบางบริษัทที่จะเติบโตได้ต่อเนือง อีกทั้งสตอรี่ช่วงครึ่งปีหลังก็ยังมีปัจจัยที่เป็นความหวังรออยู่ อย่างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เป็นต้น
สอดคล้องกับ "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ที่มองว่า ในช่วงสิ้นไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มที่จะเกิด Window Dressing ได้เช่นกัน สะท้อนจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ที่ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลงมาจนอยู่ในโซนที่ถูกมากแล้ว ประกอบกับ สถิติการเกิด Window Dressing มักนิยมทำกันในช่วงไตรมาส 2 และ 4 ของทุกปีอีกด้วย
*** ตลาดยังไม่ฟื้นเชื่อมั่น - กองทุนเงินน้อย อาจรบกวน Window Dressing
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" กลับมากล่าวต่อว่า สิ่งที่ยังคลุมเครือทำให้นักลงทุนรายใหญ่อาจยังไม่เข้ามาทำ Window Dressing มากนักในช่วงดังกล่าว คือ ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเรียกความเชื่อมั่นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และภาครัฐที่ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ มาตรการ Uptick ที่เป็นความหวังของนักลงทุนยังไม่ชัดเจนว่าจะนำมาใช้เมื่อไร ประกอบกับ ขณะนี้กองทุนมีเม็ดเงินอย่างจำกัดด้วย
"ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันฟันด์เมเนเจอร์ไม่ได้ซื้อเพราะ Window Dressing อีกแล้ว เพราะจะทำให้เขาเจ็บตัวหนักเหมือนกัน เนื่องด้วยเข้าไปซื้อก็เสี่ยงจะถูกถล่มขาย ดังนั้นถ้าเขาจะซื้อมันต้องมีปัจจัยเรื่องความเชื่อมั่นให้กับเขา ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯควรต้องรีบทำให้เห็น เพราะนั่นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้กองทุนเชื่อมั่นและกลับมาซื้อ หุ้นก็จะขึ้นแรงได้ไม่ยาก" วิจิตร อารยะพิศิษฐ กล่าว
ด้าน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้จะมองว่าสิ้นไตรมาส 2/67 มีโอกาสเกิด Window Dressing สูง แต่ก็ยังมีปัจจัยที่เป็นความกังวลต่อการทำ Window Dressing อยู่เหมือนกัน นั่นคือความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยยังไม่ดีเท่าที่ควร สะท้อนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดเดาผลการตัดสินคดีสำคัญได้ หรือถ้ามีปัจจัยลบรุนแรงเข้ามาแทรกซ้อนในช่วงดังกล่าว ก็อาจทำให้ Window Dressing ไม่เกิดขึ้นได้เช่นกัน ทั้งหมดแล้วจึงขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นเป็นหลัก
*** คาดเกิด Window Dressing ดันดัชนีสูงสุดได้แค่ 15 จุด
"กรรณ์ หทัยศรัทธา" ประเมินว่า หากมีการทำ Window Dressing ในช่วงสิ้นไตรมาส 2/67 นี้ อาจจะทำให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวขึ้นได้ไม่มากเท่าไร เนื่องด้วยอาจจะเป็นแรงซื้อที่ไม่ได้มีจำนวนมากนัก สะท้อนจากที่เราคาดว่าจะเป็นกลุ่มกองทุนในประเทศกลุ่มเดียว จึงทำให้คาดการณ์ว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ราว 10 - 15 จุด เท่านั้น
ด้าน "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" เสริมว่า กรณีถ้าเกิด Window Dressing ในช่วงปิดไตรมาส 2/67 จริง จะดันดัชนีขึ้นไปได้เท่าไรยังเป็นเรื่องที่ตอบยากมาก เนื่องด้วยขณะนี้เรายังไม่รู้ว่ากองทุนมีเม็ดเงินที่จะเข้ามาใหม่มากน้อยเท่าไร ส่วนการจะนำสถิติในอดีตมาอ้างอิงก็ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะตั้งแต่มีการนำโรบอทเทรดเข้ามาใช้กันอย่างแพร่หลายก็ทำให้สถิติอ้างอิงต่าง ๆ ผิดเพี้ยนไปหมด
แต่เบื้องต้นมองว่า กองทุนน่าจะเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นแบบ Selective Buy ไม่น่าจะเป็นการหว่างซื้อเหมือนในอดีต จึงอาจทำให้ SET Index ไม่ได้ปรับตัวขึ้นแรงมากนัก
ฟาก "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เสริมว่า ด้วยภาวะตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ไม่ดีมากนัก ประกอบกับ นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่องราว 9 หมื่นล้านบาทแล้วในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนสถาบันมีการลดพอร์ตลงมาเหลือแค่ราว 3 พันล้านบาท จึงทำให้ช่วงนี้อาจยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้ามาทำ Window Dressing ถึงมีการทำจริง ก็คงจะเป็นจำนวนน้อย ซึ่งอาจดันดัชนีได้ไม่มากเท่าไรนัก
*** กลยุทธ์ลงทุนส่วนใหญ่แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี - กำไรโต
"กรรณ์ หทัยศรัทธา" กลยุทธ์การลงทุน สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเก็งกำไรจากการเกิด Window Dressing แนะนำทยอยเข้าดักซื้อหุ้นในกลุ่มการส่งออก เนื่องด้วยคาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ อีกทั้ง ยังมีแรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าช่วยสนับสนุนอีกแรงด้วย เราชอบ TU, ASIAN, HANA, KCE เป็นต้น
ขณะที่ "วิจิตร อารยะพิศิษฐ"กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนทำการบ้านหนักขึ้น เพราะช่วงนี้ Valuation หลาย ๆ บริษัทถูกมาก จึงเป็นจังหวะในการซื้อที่ดี แต่ต้อง Selective Buy เป็นรายตัว ที่นักลงทุนเข้าใจในธุรกิจเขาจริง ๆ ว่าจะสามารถสร้างกำไรได้ในระยะถัดไป จึงจะเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนในช่วงนี้
ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ระบุว่า กลยุทธ์ลงทุน ยังคงแนะนำ Selective Buy เป็นรายตัว โดยแนะนำให้นักลงทุนพยายามมองหาหุ้นที่พื้นฐานดี แนวโน้มกำไรข้างหน้ายังเป็นทิศทางขาขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นกลยุทธ์ลงทุนที่ปลอดภัยใวงเวลาแบบนี้
ส่วน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" กล่าวปิดท้ายว่า กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อแบบแบ่งไม้ เลือกหุ้นแบบ Selective Buy หุ้นลักษณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกแล้ว ประกอบกับ ให้ผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ระดับสูง และผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง