ฉาวอีกแล้ว ! "หมอบุญ" แห่ง THG ตกเป็นผู้ต้องหาหลอกตุ๋นเงินกว่า 7.5 พันล้านบาท กรณีชวนลงทุนโรงพยาบาล ก่อนเชิดเงินหนี ซึ่งก่อนหน้านี้ "บุญ วนาสิน" ก็เคยโดน ก.ล.ต.ลงดาบมาแล้ว หลังกุข่าวนำเข้าไฟเซอร์ทิพย์ในปี 64 ด้าน THG แจงการหลอกตุ๋นเงินไม่เกี่ยวข้องบริษัท หนุนราคาหุ้นล่าสุดปรับตัวขึ้นราว 12% นับจากมีข่าว แต่โบรกฯส่วนใหญ่ยังแนะเลี่ยงลงทุน รับความไม่แน่นอนสูง ด้านหมอตัวแสบยังหลบหนีในจีน แต่มีแผนเผ่นยุโรปต่อ !
*** "หมอบุญ" ทำช็อค ! เปิดโครงการทิพย์ หลอกตุ๋นเงินกว่า 7.5 พันลบ.
กลายเป็นกระแสข่าวร้อนแรงระดับชาติ หลังสำนักข่าวใหญ่ต่างพากันตีข่าว "บุญ วนาสิน" อดีตผู้ก่อตั้ง-ผู้ถือหุ้นใหญ่-ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) มีพฤติการณ์ร่วมกับโบรกเกอร์ติดต่อนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุนธุรกิจการแพทย์ 5 โครงการ ดังนี้
1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็งย่านปิ่นเกล้า พื้นที่ 7 ไร่ งบประมาณลงทุน 4,000 ล้านบาท
2.โครงการเวลเนสเซ็นเตอร์ ย่านพระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างที่พักอาคารสูง 52 ชั้น รองรับผู้สูงอายุ 400 ห้อง งบประมาณลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท
3.โครงการโรงพยาบาลในสปป.ลาว 3 แห่ง แบ่งเป็นเวียงจันทน์ 2 แห่ง และจำปาสัก 1 แห่ง
4.โครงการเข้าร่วมทุนกับโรงพยาบาลในเวียดนาม งบประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
5.โครงการสร้าง Medical intelligence ทำหน้าที่ด้านไอที ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท
โดย "บุญ วนาสิน" อ้างว่า การระดมทุนนี้จะให้ค่าตอบแทนมากกว่าสถาบันการเงินทั่วไป ทำให้มีผู้หลงเชื่อและร่วมลงทุน โดยทำสัญญากู้ยืมเงินและให้ดอกเบี้ยด้วยการสั่งจ่ายเช็คให้ผู้เสียหาย เพื่อชำระหนี้เงินกู้ รวมทั้งจ่ายเช็คล่วงหน้าเป็นค่าดอกเบี้ย ลงชื่อโดย "บุญ วนาสิน" ส่วนด้านหลังเช็คลงลายมือชื่อภรรยาและลูกเป็นผู้ค้ำประกัน
ในช่วงแรกพบว่ามีการชำระดอกเบี้ยให้ผู้เสียหายบางส่วน แต่ต่อมาไม่มีการจ่ายเงิน, ไม่คืนเงินต้น และเช็คเด้ง ทำให้ผู้เสียหายตัดสินใจทยอยเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ "บุญ วนาสิน" โดยข้อมูลล่าสุด (27 พ.ย.67) มีการประเมินความเสียหายราว 7,500 ล้านบาท
ด้าน "เอนก อยู่ยืน" รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โบรกเกอร์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงดังกล่าว อาจเข้าข่ายกระทำผิดด้วย ซึ่ง ก.ล.ต.อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำมาพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
*** แถมมีข่าวใบค้ำประกันหุ้นปลอมว่อน ด้าน ตลท.ยันไม่พบ แต่กระทบเชื่อมั่น
นอกจาก "บุญ วนาสิน" จะไม่ชำระหนี้ให้กับนักลงทุนแล้ว ยังมีประเด็นใบหุ้นที่นำไปค้ำประกัน มีทั้งใบหุ้นจริงและเป็นใบหุ้นปลอมระบาดในธุรกิจโบรกเกอร์ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมาจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดเป็นประเด็นปลอมแปลงลายเซ็นและเอกสารตามมาด้วย
โดยมีการรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีการนำใบหุ้น THG ที่รับจำนำมาขอเปลี่ยนแปลงเจ้าของจำนวนมากกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (TSD) ราว 10 ราย จำนวนหุ้นเกิน 1 ล้านหุ้นขึ้นไป ซึ่งพบว่ามีข้อมูลเอกสารไม่ครบถ้วนรวมอยู่ด้วย เนื่องจากการบังคับจำนำต้องมีกระบวนการบังคับขายทอดตลาดประกอบ ปรากฏว่าไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ทำให้ต้องปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงเจ้าของหุ้น
ล่าสุด "รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล" รองผู้จัดการ ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวนำใบหุ้นปลอมของหุ้น THG ใช้เป็นหลักประกันระบาดหนักนั้น จากการตรวจสอบไม่พบใบหุ้นปลอมดังที่เป็นข่าวนำมายื่นกับ TSD แต่อย่างใด มีเพียงกรณีเอกสารไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น
โดยในช่วงที่ผ่านมามีบุคคลที่รับจำนำหุ้น THG มายื่นขอแจ้งจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อในใบหุ้นกับนายทะเบียน หรือ TSD จำนวนมากกว่า 10 ราย คิดเป็นจำนวนหุ้นรวมมากกว่า 1 ล้านหุ้น และมีผู้ถือหุ้น THG ทั้งรายเล็กและรายใหญ่นำใบหุ้นมาจำนำหลายรายเช่นกัน เพียงแต่ไม่สามาถตอบชัดเจนได้ว่าชื่ออะไร
ทั้งนี้ การรับจํานําที่อยู่ในรูปของ Scripless ที่ไม่มีใบหุ้น อยากย้ำเตือนว่าการจํานําควรจะต้องมีการจดแจ้งและบันทึกในระบบ โดยให้ประสานกับทางโบรกเกอร์ที่เปิดบัญชี โดยโบรกเกอร์จะเป็นคนดําเนินการจดแจ้งเข้ามาในระบบหากมีการรับจํานําในหุ้นที่เป็น Scripless นี่คือสิ่งที่อยากย้ำเพราะนี่คือการดูแลปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
"ต้องยอมรับว่ากรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งการตกแต่งบัญชี หรือการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในตลาดทุน ทุกกรณีที่เกิดขึ้นย่อมกระทบความเชื่อมั่นทั้งนั้นไม่ว่าจะมากหรือน้อยแล้วแต่กรณี" รองรักษ์ กล่าว
*** ส่องประวัติ "หมอบุญ" ความน่าเชื่อถือสูง ใครจะเชื่อจะมาถึงจุดนี้ !
จากวีรกรรมฉาวล่าสุดของ "บุญ วนาสิน" ถ้าเรื่องไม่แดงขึ้นมาก็คงจะมีน้อยคนนักที่จะเชื่อ เนื่องด้วย "บุญ วนาสิน" เป็นนายแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะมีดีกรีจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้นเดินทางไปสหรัฐฯ เป็นอินเทิร์นที่ School of Medicine ของ Virginia Commonweath University รัฐ Virginia อีก 1 ปี ต่อด้วยแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาล Sinai Hospital รัฐ Maryland อีก 2 ปี
อีกทั้งยังศึกษาต่อด้านระบบทางเดินอาหาร มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์อีก 3 ปี เป็น Fellow อีก 2 ปี จบการศึกษาภายใน 5 ปี และเริ่มงานในตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์ มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ก่อนกลับมาทำงานที่ประเทศไทยในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ และอาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จนขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ก่อนที่ปี 2519 "บุญ วนาสิน" จะร่วมกับกลุ่มแพทย์ที่ตนรู้จัก ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี และผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อ 7 ธ.ค.2560 โดยเสนอราคาขาย IPO ที่ 38 บาท/หุ้น พาร์ 1 บาท ซึ่งขณะนั้นมีกลุ่ม "วนาสิน" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ภายใต้การบริหารของ "บุญ วนาสิน" ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารในขณะนั้น
*** แต่ถ้าจำได้ ! ก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องฉาววัคซีน"ไฟเซอร์"มาแล้ว !
แม้ "บุญ วนาสิน" จะมีความน่าเชื่อถือสูงมาก ก่อนจะเกิดกรณีหลอกลงทุนโครงการโรงพยาบาลล่าสุด แต่ถ้าย้อนอดีตไปราวแค่ 2 ปีเศษ ก็จะพบว่าเริ่มมีสัญญาณอันตรายเกี่ยวกับ "บุญ วนาสิน" ให้นักลงทุนต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะถ้ายังจำกันได้ในปี 2564 "บุญ วนาสิน" ก็เคยตกเป็นจำเลยสังคมกรณีกุข่าวนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ จนทำให้ราคาหุ้น THG ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาแล้ว
เรื่องนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ 14 ก.ค.2564 "บุญ วนาสิน" ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวแห่งหนึ่งว่า 15 ก.ค.2564 ทาง THG จะลงนามสัญญาเพื่อนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 (ไฟเซอร์ จำนวน 20 ล้านโดส) จาก บริษัท บิออนเทค ที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศเยอรมนี โดยจะมีหน่วยงานรัฐที่มีสิทธินำเข้าวัคซีนร่วมลงนามด้วย
ซึ่งหลังข่าวดังกล่าวถูกตีแพร่ให้แวดวงตลาดทุนรับรู้ ก็ได้มีโบรกเกอร์ออกมาประเมินว่า หาก THG สามารถนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดสเข้ามาได้จริงในขณะนั้น จะสามารถสร้างกำไรก่อนหักภาษีให้ THG ได้ราว 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8 บาท/หุ้น เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คล้อยหลังแค่วันเดียวหลังจาก "บุญ วนาสิน" ปล่อยข่าวเตรียมนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส คู่ค้าที่ถูกอ้างถึงอย่าง บริษัท บิออนเทค ก็ได้ส่งอีเมลถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ทันทีว่า บิออนเทคไม่เคยมีการเจรจาธุรกิจกับ THG หรือ บริษัทในประเทศไทยแม้แต่รายเดียว
หลังสำนักข่าวรอยเตอร์ตีข่าวดังกล่าวออกมา ทำให้นักลงทุนที่หลงเข้าไปลงทุนในหุ้น THG เริ่มเกิดความกังวลต่อการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ของ THG ขึ้นมาทันที ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องให้ "บุญ วนาสิน" ออกมาชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวทันที
แต่ "บุญ วนาสิน" ก็ชี้แจงแบบบ่ายเบี่ยงมาเรื่อย ๆ จนทำให้ราคาหุ้น THG นับตั้งแต่วันประกาศจะนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นมาตลอด โดยราคาหุ้น THG ปรับตัวขึ้นไปทำจุงสูงสุดตลอดกาลเมื่อ 21 เม.ย.2565 ที่ราคา 99.50 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ประกาศข่าวดังกล่าวถึง 234.45%
และเมื่อความชัดเจนการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ของ THG ดูเลือนรางลง ราคาหุ้น THG ก็ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ 26 ส.ค.65 ทาง ก.ล.ต.จะลงโทษ "บุญ วนาสิน" จากการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จในการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้น THG ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ด้วยการสั่งปรับเงินแค่ 2.3 ล้านบาท เท่านั้น แต่ก็ยังห้ามให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ - ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นเวลา 42 เดือน พ่วงท้ายแถมมาด้วย
*** แม้โดน ก.ล.ต.ลงดาบก็ไม่หวั่น ขอสู้ต่อที่ศาลแพ่งอีกด้วย !
แม้การให้ข้อมูลอันเป็นเท็จของ "บุญ วนาสิน" ต่อการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ จะถูก ก.ล.ต. สั่งลงโทษตามมาตรการข้างต้น แต่ "บุญ วนาสิน" ก็ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ก.ล.ต.กำหนดไว้ในตอนแรก แสดงถึงการไม่ยินยอมที่จะระงับคดีดังกล่าวในชั้น ก.ล.ต.
ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดี "บุญ วนาสิน" ต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ชำระเงินรวมทั้งสิ้น 2.34 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มเติม
อนึ่ง ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย
*** THG จ่อฟ้อง RTD หลังร่วมรับประโยชน์รายการต้องสงสัย 105 ลบ.
ทีนี้ กลับมาที่กรณีการหลอกลงทุนธุรกิจการแพทย์ 5 โครงการ ของ "บุญ วนาสิน" อีกครั้ง โดยล่าสุด THG ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่บริษัทฯได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการตรวจพบรายการอันควรสงสัย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 105 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ย)
THG ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จํากัด (RTD) ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์จากรายการอันควรสงสัย ได้ทําหนังสือรับสภาพหนี้กับบริษัทฯ เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 112.79 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย ซึ่งคํานวณจนถึงวันที่ทําหนังสือรับสภาพหนี้) บริษัทฯจะใช้หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องให้ RTD ชําระเงินให้แก่บริษัทฯ
โดยปัจจุบัน THG อยู่ระหว่างการเตรียมฟ้องร้องดําเนินคดีกับ RTD ตามหนังสือรับสภาพหนี้ และกับอดีตผู้บริหารและพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องสําคัญกับการทํารายการอันควรสงสัย
*** พบรายการต้องสงสัยอีก 63 ลบ. แต่ตั้งสำรองฯในงบฯ Q3/67 แล้ว
นอกจากนี้ THG ได้พบรายการอันควรสงสัยเพิ่มเติมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ซึ่งรายการดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 66 รายการอันควรสงสัยดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินแก่บริษัทฯ และบริษัทย่อย รวมมูลค่าทั้งสิ้น 63 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มูลค่าความเสียหายดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินหรือความสามารถในการดําเนินงานของกลุ่มบริษัทฯแต่อย่างใด
ดังนั้น เพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น บริษัทฯจะดําเนินการแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และดําเนินการทางกฎหมายต่ออดีตผู้บริหารและพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องสําคัญกับการกระทําที่เป็นเหตุให้เกิดรายการอันควรสงสัยดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯและผู้ถือหุ้น
โดยความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นกับบริษัทฯ และบริษัทย่อยจากรายการอันควรสงสัยทั้งหมด THG ได้บันทึกบัญชีโดยตั้งสํารองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจํานวนในงบการเงินรวม สําหรับไตรมาสที่ 3/67 แล้ว เป็นจํานวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 172 ล้านบาท ซึ่งการตั้งสํารองฯดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้งบการเงินรวมของบริษัทฯ สะท้อนถึงฐานะทางการเงินและผลการดําเนินงานที่แท้จริง รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
*** THG จ่อเพิ่มทุน - ขายทรัพย์ เติมสภาพคล่องฟื้นความเชื่อมั่น
สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว เบื้องต้น THG ระบุว่า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย และเพื่อแก้ไขข้อกังวลที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้มีการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ
ซึ่งแนวทางการปรับโครงสร้างทางการเงินที่กําลังพิจารณารวมถึงการ พิจารณาเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงินและรองรับการดําเนินงานในอนาคต และการพิจารณาจําหน่ายสินทรัพย์บางประเภทที่ไม่ได้ใช้ในการประกอบธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯจะดําเนินการแจ้งให้ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียให้ทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าของแนวทางการดำเนินการดังกล่าวต่อไป
*** แม้ราคาหุ้นพุ่งกว่า 12% จากวันมีข่าว แต่โบรกฯยังแนะเลี่ยงลงทุน
ราคาหุ้น THG ล่าสุดอยู่ที่ 17.50 บาท/หุ้น ปรับตัวขึ้น 12.90% นับตั้งแต่ออกมาปฏิเสธข่าวความเสียหายที่ "บุญ วนาสิน" ก่อขึ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ THG เป็นเพียงการหลอกลวงส่วนบุคคลของ "บุญ วนาสิน" เพียงคนเดียวเท่านั้น
ด้าน "มินทรา รัตยาภาส" นักวิเคราะห์อาวุโส บล.กรุงศรี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังไม่แนะนำลงทุน THG เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการใหม่ ประกอบกับปัญหาการควบคุมภายในบริษัทที่เกิดขึ้น มองเป็นความเสี่ยงต่ออันดับเครดิตองค์กร ซึ่งอาจกระทบต้นทุนเงินทุนสูงขึ้นในอนาคตได้ด้วย
เช่นเดียวกับ บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ที่เสริมว่า THG ยังมีความไม่แน่นอนท่ามกลางข่าวที่เกี่ยวข้องกับ "บุญ วนาสิน" ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนที่ส่งผลมาถึง THG โดยในช่วงนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงการลงทุน THG ออกไปก่อน อีกทั้งผลการดำเนินงานของ THG ยังไม่ฟื้นตัวกลับมา ทำให้ทิศทางผลการดำเนินงานของ THG ยังมีโอกาสอ่อนแอต่อเนื่อง
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ให้คำแนะนำ "ขาย" THG จากกำไรติดลบ เนื่องจากการตั้งสำรองจำนวนมาก สำหรับลูกหนี้ UCEP ที่เหลือ และยังมีข้อสังเกตว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้รายได้ของหลายหน่วยธุรกิจอ่อนแอ และยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารายได้จะฟื้นตัว เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจยังไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับกรรมการของบริษัทที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีความ
*** ล่าสุด "หมอบุญ" ยังหลบหนีในจีน แต่เตรียมเผ่นไปยุโรปต่อ
ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวล่าสุด หลัง "บุญ วนาสิน" เดินทางออกจากประเทศไทยไปที่ฮ่องกงเมื่อ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีต่อเข้าประเทศจีน ซึ่งทางการไทยได้ทำหนังสือไปยังตำรวจสากล ให้ออกหมายแดงเพื่อช่วยติดตามตัว "บุญ วนาสิน"มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งประเทศจีน มีนโยบายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นคดีอุกฉกรรณ์เท่านั้น ส่วนคดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ยังมีความหมิ่นเหม่ที่จะสามารถส่งตัวกลับมาได้หรือไม่ ?
โดยล่าสุด (27 พ.ย.67) มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า "บุญ วนาสิน" เตรียมหลบหนีออกจากประเทศจีน โดยมีเป้าหมายเดินทางสู่ประเทศในทวีปยุโรป ที่ไม่มีนโยบายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน...