efinancethai

ประเด็นร้อน

มหากาพย์ "จำนำหุ้น" จนถูกฟอร์ซเซล พบ 23 หุ้น ถูกใช้วางมาร์จิ้นสูงถึง 20%

มหากาพย์

มาอีกแล้ว ! หุ้นดิ่งฟลอร์ เพราะบิ๊ก บจ.นำไปตึ้งแล้วโดน "Forced sell" ล่าสุดเกิดกับ RS ฉุดราคาหุ้นร่วงหนัก 4 วันติด ต่อเนื่องจากปีก่อนที่โดนหางเลขกันเพียบ ตลท.จ่อเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเพื่อเตือนนักลงทุน คาดสรุปปลายเดือนนี้ ล่าสุดข้อมูล ณ 30 พ.ย.67 มีถึง 23 บริษัทที่หุ้นถูกใช้เป็นหลักประกันสัดส่วนเกิน 20% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นหุ้น กลาง-เล็ก กูรูแนะศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุน เพราะหากราคาลงแล้วเติมเงินไม่ทัน มักจบไม่สวย

 

*** มาอย่างต่อเนื่อง หุ้นดิ่งฟลอร์จากเหตุ "Forced sell"


ประเด็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) นำหุ้นของบริษัทตนเองออกไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วถูกบังคับขายหุ้น (Forced sell) จนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ถือว่าเป็นหาใหญ่ที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย


ล่าสุด เกิดขึ้นกับ บมจ.อาร์เอส (RS) ฉุดราคาหุ้นปรับตัวลงแตะระดับฟลอร์ 4 วันต่อเนื่อง (7- 10 ม.ค.67) จนตลาดหลักทรัพย์ฯต้องเปิดเผยข้อมูลว่า พบการนำหุ้น RS ไปวางเป็นหลักประกันมาร์จิ้นโลนจำนวน 222 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท


ทั้งนี้ RS ชี้แจงว่า เกิดจากธุรกรรมทางการเงิน ส่วนบุคคลของผู้บริหาร ซึ่งใช้หุ้นจํานวนหนึ่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสําหรับธุรกรรมทางการเงินส่วนบุคคล เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลง จึงเกิดการขายหลักทรัพย์ตามเงื่อนไข Forced sell โดย RS ระบุว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อออกมาตรการและทบทวนนโยบายการกํากับดูแลกิจการตามหลักธรรมาภิบาล รวมถึงการปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในอนาคต


ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้นรายย่อที่ไม่รู้เรื่องด้วย ได้รับความเสียหายจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง คล้ายกับกรณีเดียวกับหลาย บจ.ในปีก่อน อาทิ บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF), บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG), บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS), บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM), บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ไม่เว้นแม้กระทั่ง บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่ต่างก็เคยประสบปัญหาดังกล่าวมาแล้วกันถ้วนหน้า

 

*** ตลท. จ่อเปิดข้อมูลจำนำหุ้น TSD หวังช่วยบรรเทาปัญหา

ฟาก "รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล" รองผู้จัดการ ในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะรวบรวมข้อมูลการจำนำหุ้นผ่านระบบศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD มาเปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ ซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับการรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิน ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดเผยแบบรายเดือน


โดยข้อมูลเรื่องการจำนำหุ้น ถือเป็นปัญหาที่ ตลท.และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หารือกันมาอย่างต่อเนื่อง แม้การเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้นอาจไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด แต่เป็นการช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนมากขึ้น 


ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอต่อบอร์ดเพื่อทำการพิจารณาในการประชุมปลายเดือน ม.ค.นี้ และจะแถลงถึงความคืบหน้าต่อไปในช่วงกลางเดือน ก.พ.68

 

*** ข้อมูลล่าสุด มี 23 บจ.ถูกใช้วางมาร์จิ้นเกิน 20%

ขณะเดียวกัน "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้สำรวจข้อมูลทรัพย์ที่วางเป็นประกัน การชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีการอัปเดทข้อมูลล่าสุดถึงแค่เดือน พ.ย.67 พบว่า ในเดือนดังกล่าวมี 23 บริษัท ที่ถูกนำหุ้นไปวางค้ำประกัน คิดเป็นสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่วางมาร์จิ้น ต่อ หุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท มากกว่า 20% ประกอบด้วย
 

23 หุ้นถูกวางมาร์จิ้นเกิน 20%

ชื่อย่อหุ้น

จำนวน (ลห.)

%สัดส่วนต่อหุ้นทั้งหมด

%Free float

SCM

314.75

52.04

24.55

GPI

299.84

49.98

42.12

SAAM

135.47

45.16

25.64

TFG

2,556.24

43.99

17.35

A5

521.42

43.12

20.76

SA

472.83

39.44

17.50

JSP

151.57

31.94

32.64

KUN

230.45

29.25

24.67

CGD

2,249.34

27.21

55.65

UKEM

300.19

25.83

54.88

FVC

138.33

24.48

63.79

APCS

158.35

23.99

45.22

SAMART

237.17

23.56

57.98

AQUA

1,345.02

23.55

49.17

BM

142.79

23.49

32.82

TAKUNI

187.43

23.43

80.45

TRITN

2,499.30

22.46

79.47

SSP

275.86

21.49

49.11

III

172.22

21.32

54.85

READY

25.03

20.86

16.69

ACE

2,101.29

20.65

22.48

WARRIX

120.12

20.02

40.84

PJW

124.92

20.02

50.40

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)


23 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 17 บริษัท โดยบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) มีจำนวน 6 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ติดโผมากที่สุดจำนวน 7 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคที่ติดโผ จำนวน 3 บริษัท 

 

*** เดือน พ.ย.67 มีถึง 7 บริษัท ถูกวางมาร์จิ้นเกิน 30%

โดยในเดือนดังกล่าว มีถึง 7 บริษัท ที่นำหุ้นวางมาร์จิ้น คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% นำโดย บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) ที่นำหุ้นวางมาร์จิ้นทั้งหมด 314.75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 52.04% รองลงมา คือ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) ที่นำหุ้นวางมาร์จิ้น 299.84 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 49.98%


ด้าน บมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) นำหุ้นวางมาร์จิ้น 135.47 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 45.16%, บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) นำหุ้นวางมาร์จิ้น 2,556.24 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 43.99%, บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5) นำหุ้นวางมาร์จิ้น 521.42 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 43.12%


ขณะที่ บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) นำหุ้นวางมาร์จิ้น 472.83 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 39.44% และ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JSP นำหุ้นวางมาร์จิ้น 151.57 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 31.94%

 

*** กูรูแนะระวังหุ้นเล็ก-สภาพคล่องน้อย แต่มีสัดส่วนวางมาร์จิ้นสูง

"กรรณ์ หทัยศรัทธา" นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่มีการวางค้ำประกันในจำนวนสัดส่วนสูง ๆ แน่นอนเมื่อเวลาเกิดผลกระทบเชิงลบจะส่งผลต่อราคาหุ้นรุนแรง ดังนั้น จึงแนะนำนักลงทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น 


ต้องพิจารณาข้อมูลเบื้องต้นเสียก่อนว่า หุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นกลาง - เล็ก หรือไม่ ถ้าเป็นหุ้นประเภทดังกล่าว ความน่าสนใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติก็จะมีน้อยในระยะถัดไป รวมทั้ง ข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกของบริษัท ต้องพิจารณาว่า มีนักลงทุนสถาบันถือหุ้นอยู่ด้วยหรือไม่ 


ถ้าปรากฎว่าไม่มีเลย มีแต่เป็นชื่อคนเท่านั้น ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นประเภทดังกล่าวออกไปก่อน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาลึกแค่ไหนก็ตาม ประเมินว่า ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะข้างหน้า


ทั้งนี้ สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจยับวกเข้ามาหนุนอย่างโดดเด่น ทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนยังน้อยลง ส่งผลให้หุ้นขนาดเล็กจะ Underperform หุ้นขนาดใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นหุ้นขนาดเล็กที่มีการวางมาร์จิ้นในสัดส่วนสูง และเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงลึก และนานกว่าหุ้นขนาดใหญ่  ดังนั้น ในแง่การลงทุน ณ ปัจจุบัน มองว่า ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีนักสำหรับตลาดหุ้นไทยเพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุนเข้ามา แต่ถ้านักลงทุนต้องการจะลงทุนช่วงนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) เป็นนตัวเลือกแรก ๆ  


ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เสริมว่า อยากให้นักลงทุนทำความเข้าใจกับคอนเซปท์ของการที่ผู้บริหารนำหุ้นมาวางค้ำประกันเสียก่อน ว่า เป็นเรื่องปกติ แล้วโดยมากก็มักทำกัน แต่เงินที่ผู้บริหารได้ไปนั้น จะนำไปใช้ทำอะไร หรือ จะไปซื้อหุ้นตัวเอง หรือหุ้นตัวเอง สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ขอแค่นำเงินมาคืนตามกำหนดเท่านั้น



"ถ้าพูดถึงการ Forced sell สำหรับหุ้นบิ๊กแคปที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อาทิ PTT จะไม่มีความน่ากังวลเลย เพราะเห็นอยู่แล้วว่าธุรกิจมีความมั่นคง รวมทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก็มีความน่าเชื่อถือ ถ้าหุ้นแบบ PTT โดน Forced sell ราคาก็ไหลลงไม่ไกล เพราะใคร ๆ ก็ต่างต้องอยากเข้าไปซื้อเพราะมองว่าเป็นโอกาส"


"แต่ถ้าเป็นหุ้นขนาดเล็ก ที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี แถมมีสภาพคล่องในการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ ถ้ามีการนำไปวางมาร์จิ้นไว้จะอันตรายกว่า เพราะถ้าถูก Forced sell ขึ้นมา โอกาสที่หุ้นจะไหลลงลึกยาวนั้นมีสูงกว่าหุ้นดี ๆ อย่าง PTT ดังนั้นเมื่อนักลงทุนเห็นว่าหุ้นขนาดเล็กถูกวางมาร์จิ้นในสัดส่วนที่สูง ต้องเฝ้าระวังให้ดี และถ้าเกิดถูก Forced sell ขึ้นมาจริง ราคาปับตัวลงมา ก็ยังไม่ใช่จังหวะที่ดี ที่จะเข้าไปเก็บเพราะมองว่าถูกแล้ว"  ณรงค์เดช กล่าว 


ขณะที่ "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวปิดท้ายว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานกำกับดุแล ทั้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. พยายามแก้ปัญหาดังกล่าวมาตลอด สะท้อนจากปีที่ผ่านมาที่พยายามออกกฏควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น อันดับแรก คือ นักลงทุนต้องหมั่นตรวจสอบข้อมูลประจำเดือนของหุ้นที่วางมาร์จิ้นตามที่ตลาดหลักทรัพย์แจ้งให้ทราบสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการป้อกันการลงทุนเบื้องต้น


อย่างไรก็ตาม การที่ ก.ล.ต.ออกกฎควบคุมเข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็มีความเข้มงวดในการปล่อยมาร์จิ้นให้ลูกค้ามากขึ้น เพียงแต่เกณฑ์ควบคุมใหม่ของ ก.ล.ต.ที่ใช้มาในช่วงนี้เป็นช่วงแรก ทำให้ผู้วางมาร์จิ้นต้องนำหลักทรัพย์มาวางค้ำประกันสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการ Forced sell ได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ถ้าผ่านช่วงการปรับเปลี่ยนสมดุลนี้ไปได้ สถานการณ์จะดีขึ้น 
 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด