efinancethai

ประเด็นร้อน

SET เข้าช่วงพักฐาน แนวรับ 1,410-1,370 จุด แนะสะสมรอเม็ดเงินวายุภักษ์ดันฟื้น

SET เข้าช่วงพักฐาน แนวรับ 1,410-1,370 จุด แนะสะสมรอเม็ดเงินวายุภักษ์ดันฟื้น

โบรกฯ ผสานเสียง SET Index เข้าสู่ช่วงพักฐานชั่วคราว หลังพุ่งแรงกว่า 12% ภายในเดือนเดียว ทำให้มีแรงขายทำกำไร ประเมินแนวรับ 1,410 - 1,370 จุด แต่มองแค่ชะลอช่วงสั้น แนะเป็นจังหวะสะสม มีปัจจัยบวกในประเทศหลายเรื่องพาเหรดดันดัชนีฯ ไปต่อ หุ้นเด่นชั่วโมงนี้ต้องกลุ่มที่เป็นเป้าหมาย กองทุน "วายุภักษ์" - "ThaiESG"

 

*** SET เริ่มแผ่ว หลังบวกกว่า 12% ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) พุ่งแรงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ SET Index ปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดของปีที่บริเวณ 1,273 จุด จากนั้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนขึ้นไปทำจุดสูงสุดรอบกว่า 5 เดือนที่ 1,438 จุด เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดถึง 165 จุด หรือ 12.96% มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยถึง 5.09 หมื่นล้านบาท/วัน เทียบกับก่อนหน้านั้นที่ทั้งปีเฉลี่ยเพียง 4.23 หมื่นล้านบาท/วัน แถมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายสูงจนทะลุ 1 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่องช่วง 4 วันทำการหลัง สูงสุดระดับ 1.07 หมื่นล้านบาท 


อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา SET Index กลับคลายความร้อนแรง โดยดัชนีหุ้นไทยพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ 2 วันทำการต่อเนื่อง โดยลบ 17 จุด หรือ -1.18%

 

*** โบรกฯมอง SET เข้าโหมดพักฐานชั่วคราว หลังพุ่งแรง

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส มองว่า SET Index ในช่วงนี้กำลังเข้าสู่โหมดพักฐานชั่วคราว หลังก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดภาวะดังกล่าวขึ้น เพื่อกลบกระแสเข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป (Overbought) แต่มองว่า เป็นเพียงการพักฐานระยะสั้น และจะสามารถกลับมาปรับตัวขึ้นได้ต่อ เนื่องจากในระยะอันใกล้ยังมีปัจจัยหนุนที่รออยู่อีกค่อนข้างมาก


เช่นเดียวกับ "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มีมุมมองว่า SET Index กำลังเข้าสู่โหมดพักฐานชั่วคราว หลังก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นาน อีกทั้ง ยังเป็นช่วงที่นักลงทุนกำลังรอดูความชัดเจนของปัจจัยนอกประเทศ อาทิ การดีเบตระหว่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" กับ "กมลา แฮร์ริส" ในเวทีท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งความชัดเจนของนโยบายดอกเบี้ยของต่างประเทศด้วย 


ขณะที่ "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เสริมว่า ในช่วงการปรับตัวขึ้นของ SET Index ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดรับรู้ข่าวเชิงบวกไปมากแล้ว จึงทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีการพักตัวบ้างในช่วงนี้ แต่เป็นการพักตัวในขาขึ้น ทำให้ SET Index อาจไม่สาสามารถเคลื่อนไหวทดสอบแนวต้าน 1,460 จุด ของสัปดาห์นี้ได้ 


ด้าน บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยพักตัว คือ เมื่อ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายเร่งด่วนต่อรัฐสภา โดยให้ความสำคัญว่าต้องเร่งออกมาตรการเพื่อลดค่าพลังงานและสาธารณูปโภค สำหรับลดค่าครองชีพของประชาชน ทำให้มีแรงกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาด้วย

 

*** แนวรับแรกที่ 1,410 จุด หากหลุดมีโอกาสทดสอบ 1,370 จุด

บทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า SET Index ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่แนวต้านสำคัญ 1,430 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างแข็งแกร่ง ทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่บริเวณ 1,370 จุด ขึ้นไป ซึ่งคาดว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,430 จุด มีโอกาสถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับแรกที่ 1,410 จุด ซึ่งถ้า SET Index เคลื่อนไหวผ่านจุดแนวรับดังกล่าว มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทย จะเคลื่อนไหวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,370 จุด 


เช่นเดียวกับ "ณัฐพล คำถาเครือ" ที่ประเมินแนวรับของ SET Index ในระยะสั้นนี้ไว้ที่ 1,410 จุด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,440 จุด อย่างไรก็ตาม หากดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวลงผ่านแนวรับแรกที่ 1,410 จุด ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,370 จุด อย่างไรก็ตาม มองว่า ดัชนีหุ้นไทยยังไม่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวหลุดแนวรับ 1,410 จุด ในระยะใกล้นี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยที่แข็งแกร่งพยุง SET Index อยู่อีกมาก


ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า SET Index ที่กำลังเคลื่อนไหวในแดนลบขณะนี้ หากไม่หลุดตํ่ากว่าระดับ 1,417, 1,412 และ 1,406 จุด ดัชนีหุ้นไทยจะพักฐานไม่นาน แต่ถ้า SET Index เคลื่อนไหวหลุดตํ่ากว่าระดับดังกล่าว จะเป็นการพักฐานที่มีนัยสำคัญมากขึ้น 

 

*** ลุ้น "วายุภักษ์" เป็นพระเอก ดัน SET ขึ้นได้ต่อ

บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อกองทุนวายุภักษ์มากขึ้น ภายหลังที่เริ่มเห็นความชัดเจนในหลาย ๆ ด้าน ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทนในช่วงไตรมาส 4/67 อย่างมีนัยสำคัญราว 1.7 - 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจัยดังกล่าว จะช่วยหนุน SET Index กลับมาปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง และจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวถึงดัชนีเป้าหมาย ณ สิ้นปีที่ประเมินไว้ที่ 1,540 จุด


อ้างอิงจากสถิติในอดีต ที่กองทุนวายุภักษ์เริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเมื่อปี 46 โดยระหว่าง 30 พ.ย.46 - 12 ม.ค.47 (ประมาณ 1 เดือนครึ่ง) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นร้องแรงถึง 146 จุด หรือเป็นการปรับตัวขึ้นถึง 22.9% ดังนั้นจึงมองว่า ปีนี้ SET Index ก็จะตอบรับเชิงบวกเหมือนช่วงดังกล่าวด้วย 


เช่นเดียวกับ "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ที่มองว่า ในระยะสั้น SET Index ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาได้ สะท้อนจากการที่ยังมีหลาย ๆ ปัจจัยบวกรอหนุน อาทิ ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงินลงทุนที่สูงขึ้น และในเดือน ต.ค.นี้ จะมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์เข้ามาหนุนต่อ อีกทั้ง เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) ก็ยังมีแนวโน้มซื้อหุ้นไทยต่อ สะท้อนจากการเติบโตของ GDP ในประเทศที่คาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.)


สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า ในช่วงสั้น SET Index ยังมี Sentiment ที่ดี หนุนจากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นของนักลงทุนต่างชาติต่อเสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจไทย สอดรับกับการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4 วันทำการติดต่อกัน อีกทั้ง ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคาดว่ามีโอกาสที่ Fund flow จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง


ฟาก บทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอสฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนรออยู่ อาทิ ช่วง 12 - 13 ก.ย.นี้ จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร" โดยตลาดให้ความสนใจไปที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ - ปรับโครงสร้างหนี้ และการสานต่อนโยบายจากรัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" หากเป็นไปตามตลาดคาดหวัง ก็จะเป็น Sentiment เชิงบวกได้เช่นกัน


ส่วน "มงคล พ่วงเภตรา" เสริมว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมปรับตัวขึ้นได้ จากปัจจัยแวดล้อม ณ ปัจจุบัน ที่ค่อนข้างดีขึ้นจากหลาย ๆ เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลง, กำไรตลาดหุ้นไทยปีนี้มีแนวโน้มเติบโตระดับเลข 2 หลักติดต่อกันเป็นปีที่สอง ขณะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 33.78 บาท/ดอลลาร์

 

*** กลยุทธ์ลงทุนส่วนใหญ่แนะเก็บหุ้นเป้าหมาย "วายุภักษ์"

"ณัฐชาต เมฆมาสิน" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ยังคงใช้แนวคิดเดิม คือ สะสมหุ้นที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์/กองทุนลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ในช่วงถัดไป โดยมีเกณฑ์ที่รองรับทั้งเป็นหุ้นขนาดกลาง - ใหญ่ มีสภาพคล่องสูง มี ESG Rating ในเกณฑ์ดี, มี Dividend yield เกิน 3% และมีมูลค่า (Valuation) ที่ยังคงอยู่ในระดับพอเหมาะโดยมีหุ้นแนะนำ ดังนี้


1.สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET100 ได้แก่ PTTEP, HMPRO,TOP, OSP, SIRI, AP, ICHI, BCPG 
2.สำหรับหุ้นในกลุ่ม Non-SET100  ได้แก่ DIF, BTSGIF, EGATIF, FTREIT, WHART, LPF 


สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่แนะนำกลยุทธ์ลงทุนเลือกหุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ และมี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC, AP, BAM, BBL, BCH, BDMS, BJC, CPALL, CPN, HMPRO, ICHI, INTUCH, KBANK, KTB, MEGA, MINT, OSP, SC, SIRI, TISCO, WHA, WHAUP และ PR9


เช่นเดียวกับ บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ที่ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ และอยู่ใน ThaiESG โดยมีหุ้นให้เลือก 5 กลุ่ม ดังนี้


1.หุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และกำไรปี 67 - 68 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แนะนำ AOT, KTB แและ PTT
2.หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation ถูก การเติบโตดี แนะนำ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO และ SCGP
3.หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center แนะนำ ADVANC และ GULF
4.หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Dividend Yield ปี 67 - 68 มากกว่า 5% และอยู่ใน ThaiESG แนะนำ KBANK, BBL, HMPRO และ INTUCH
5.หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 67 - 68 อยู่ในเกณฑ์ดี แนะนำ CPALL, CPAXT, BDMS, CRC, HMPRO, IVL, MTC, BJC และ WHA


ส่วน "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จังหวะที่ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงมาแบบนี้ เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าสะสมหุ้น โดยกลยุทธ์ แนะนำกลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด