"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจงบการเงินบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ประจำปี 61 พบ 465 บริษัทมีกำไรสุทธิเป็นบวก คิดเป็นสัดส่วนถึง 82% จากบริษัทที่รายงานงบล่าสุดจำนวน 565 บริษัท โดยมี 107 บริษัทกำไรเติบโตมากกว่า 30% และ 70 บริษัทกำไรเติบโตมากกว่า 50% ขณะที่มี 29 บริษัทกำไรเติบโตมากกว่า 100%
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจเชิงลึกแต่ละบริษัทข้างต้นพบว่า มีถึง 98 บริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) แบ่งเป็น SET จำนวน 65 บริษัท และ mai จำนวน 32 บริษัท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมติดโผสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บริการ 11 บริษัท, พลังงาน 8 บริษัท, ธุรกิจการเงิน 8 บริษัท, โรงพยาบาล 8 บริษัท และ อสังหาริมทรัพย์ 7 บริษัท
*** SET50 ติดโผ 16 บริษัท EGCO-BEM-KTC นำกลุ่ม
กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 กำไรพุ่งทำนิวไฮได้ถึง 16 บริษัท โดยบริษัทที่มีกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ทำได้ 2.1 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 78% จากปีก่อน โดยมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ 3 รายการ 2.บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) กำไรเพิ่มขึ้น 70% อยู่ที่ 5,317.04 ล้านบาท โดยมีกำไรพิเศษจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนสุทธิจากภาษี และ 3.บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ทำได้ 5,139.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากการสร้างรายได้จากธุรกิจหลักทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ขณะที่มูลค่าหนี้สูญที่ได้รับคืนคงเพิ่มจำนวนสูงขึ้น บริษัทสามารถบริหารและจัดหาเงินกู้ยืมทำให้ต้นทุนยังคงอยู่ระดับต่ำ
ส่วนบริษัทที่มีตัวเลขกำไรสูงสุดคือ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) แตะ 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน โดยเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจและทุกภูมิภาค
หุ้น SET50 กำไรนิวไฮ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร 61 (ลบ.)
|
%chg (YoY)
|
EGCO
|
21,073
|
78
|
BEM
|
5,317
|
70
|
KTC
|
5,140
|
56
|
EA
|
4,975
|
30
|
BJC
|
6,650
|
28
|
IVL
|
26,465
|
27
|
AOT
|
25,171
|
22
|
TISCO
|
7,016
|
15
|
HMPRO
|
5,613
|
15
|
TCAP
|
7,839
|
12
|
CENTEL
|
2,178
|
9
|
TOA
|
1,825
|
7
|
KKP
|
6,042
|
5
|
BH
|
4,152
|
5
|
CPALL
|
20,930
|
5
|
LH
|
10,475
|
0.1
|
*** SET100 กำไรพุ่ง 19 บริษัท CKP ทะยาน 277%
ด้านหุ้นใน SET100 ทำกำไรนิวไฮ 19 บริษัท บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) กำไรพุ่งถึง 277% จากปีก่อน ทำได้ 599 ล้านบาท มาจากการรับรู้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมีการออกหุ้นกู้เพื่อปรับโครงสร้างการเงิน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง
ขณะที่อีก 3 บริษัททำกำไรเติบโตมากกว่า 50% ซึ่งมาจากกลุ่มอสังหาทั้งสิ้น ประกอบด้วย บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN), บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) และ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) ด้าน บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP มีตัวเลขกำไรสูงสุดในกลุ่มนี้ที่ 3,865 ล้านบาท เติบโต 22% จากปี 60 โดยทั้งหมดกำไรเติบโตจากยอดโอนโครงการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้น SET100 กำไรนิวไฮ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร 61 (ลบ.)
|
%chg (YoY)
|
CKP
|
599
|
277
|
ANAN
|
2,419
|
82
|
ORI
|
3,338
|
65
|
GOLD
|
2,110
|
55
|
MTC
|
3,713
|
49
|
COM7
|
891
|
46
|
THANI
|
1,641
|
46
|
TPIPP
|
3,699
|
43
|
PLANB
|
343
|
40
|
GLOBAL
|
2,003
|
25
|
AP
|
3,865
|
22
|
BCH
|
1,089
|
19
|
CHG
|
634
|
12
|
BCPG
|
2,219
|
10
|
MEGA
|
1,206
|
8
|
WHAUP
|
2,252
|
8
|
MAJOR
|
1,284
|
8
|
GPSC
|
3,359
|
6
|
SAWAD
|
2,768
|
4
|
*** กลุ่มนอก SET100 กำไรนิวไฮ 31 บริษัท
ส่วนกลุ่มหุ้นนอก SET100 ทำกำไรนิวไฮถึง 31 บริษัท โดยมี 4 บริษัทกำไรเติบโตมากกว่า 100% ได้แก่ 1.บมจ.ยูไนเต็ด เปเปอร์ (UTP) ทำได้ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% เติบโตตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับต้นทุนที่ลดลง 2.บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กำไรสุทธิ 486 ล้านบาท เติบโต 117% จากประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น รวมถึงราคาซื้อวัตถุดิบยางและต้นทุนผลิตที่ลดลง 3.บมจ.ไพลอน (PYLON) กำไรโต 115% เติบโตตามอุตสาหกรรมก่อสร้างฐานรากขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และ 4.บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) กำไรเติบโต 113% โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมถึงต้นทุนทางการเงินปรับลดลง
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เป็นบริษัทที่ตัวเลขกำไรสูงสุดในกลุ่มนี้ ทำได้ 2.48 หมื่นล้านบาท เติบโต 7% จากปีก่อน มาจากรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อเติบโตโดดเด่น และการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
หุ้นนอก SET100 กำไรนิวไฮ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร 61 (ลบ.)
|
%chg (YoY)
|
UTP
|
777
|
147
|
NER
|
486
|
117
|
PYLON
|
218
|
115
|
WPH
|
51
|
113
|
SEAFCO
|
368
|
75
|
SIS
|
468
|
58
|
TQM
|
404
|
51
|
SABINA
|
362
|
49
|
CMAN
|
163
|
48
|
EKH
|
117
|
40
|
VNT
|
3,059
|
36
|
HUMAN
|
122
|
28
|
JMT
|
506
|
28
|
HTECH
|
174
|
18
|
III
|
151
|
16
|
SYNEX
|
721
|
16
|
SVH
|
1,862
|
16
|
TEAMG
|
114
|
15
|
LALIN
|
777
|
14
|
S11
|
439
|
11
|
RJH
|
255
|
10
|
IFS
|
166
|
10
|
NTV
|
387
|
9
|
ASK
|
811
|
9
|
KWC
|
92
|
8
|
WICE
|
96
|
7
|
BAY
|
24,813
|
7
|
M
|
2,574
|
6
|
OSP
|
3,005
|
6
|
SPCG
|
2,614
|
4
|
PLAT
|
785
|
2
|
*** mai ติดโผ 32 บริษัท น้องใหม่ SISB พุ่ง 477%
ขณะที่หุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ติดโผรวม 32 บริษัท ซึ่งมี 5 บริษัทกำไรเติบโตมากกว่า 100% โดยหุ้นน้องใหม่ บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) กำไรพุ่งสูงสุดถึง 477% ทำได้ 104 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะต้นทุนการเงิน ซึ่งหลังจากขายหุ้นไอพีโอ ได้นำเงินไปชำระคืนหนี้กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งลดรายจ่ายดอกเบี้ยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันมี 3 บริษัทที่สามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรนิวไฮ ได้แก่ 1.บมจ.ทีวี ไดเร็ค (TVD) จากขาดทุน 68.29 ล้านบาทปี 60 กลับมามีกำไร 57.57 ล้านบาท ทำสถิติใหม่ มากจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังปรับแผนการโฆษณาสินค้ากระจายในช่องทางใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม
2.บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. (K) กำไรสุทธิ 62 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปี 60 ที่ 15.38 ล้านบาท มาจากช่วงปลายปีลูกค้าทั้งที่เป็น shop brand name, โรงแรม, ออฟฟิศ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เร่งเปิดตัว สายธุรกิจตกแต่งภายในจึงส่งมอบงานโครงการใหญ่ได้หลายโครงการ
3.บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) พลิกมีกำไรนิวไฮ 86 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 269.74 ล้านบาท หลังจากรับรู้รายได้จากการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมา รวมถึงมีกำไรเสริมจากการเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่น
หุ้น mai กำไรนิวไฮ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร 61 (ลบ.)
|
%chg (YoY)
|
SISB
|
104
|
478
|
XO
|
222
|
276
|
FLOYD
|
44
|
133
|
PORT
|
137
|
122
|
DOD
|
305
|
118
|
BIZ
|
81
|
96
|
CHEWA
|
265
|
70
|
TPCH
|
354
|
70
|
CMC
|
214
|
69
|
MOONG
|
129
|
64
|
ATP30
|
41
|
56
|
CHAYO
|
85
|
47
|
THMUI
|
31
|
46
|
TM
|
48
|
37
|
BOL
|
104
|
36
|
ITEL
|
133
|
30
|
NETBAY
|
149
|
29
|
ICN
|
85
|
28
|
STI
|
73
|
27
|
TNH
|
356
|
23
|
JKN
|
228
|
21
|
SPA
|
206
|
17
|
AU
|
147
|
14
|
FSMART
|
583
|
7
|
TNP
|
65
|
6
|
TIGER
|
89
|
6
|
MGT
|
49
|
5
|
SWC
|
186
|
5
|
CPR
|
93
|
4
|
K
|
62
|
พลิกกำไร
|
META
|
86
|
พลิกกำไร
|
TVD
|
58
|
พลิกกำไร
|
*** กูรูเตือนระวังกับดักหุ้นกำไรนิวไฮ
"มงคล พ่วงเภตรา" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ (บริษัทหลักทรัพย์) บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนกลุ่มหุ้นกำไรนิวไฮในระยะสั้น เพราะราคามักตอบสนองแนวโน้มไปล่วงหน้าแล้ว และอาจจะมีแรงขายลักษณะ Sell on fact ออกมาได้
"กำไรนิวไฮสะท้อนการบริหารธุรกิจที่ดี แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่น ๆ ก่อนเข้าลงทุน โดยต้องเป็นการเติบโตที่มาจากการดำเนินงานปกติ ไม่ใช่กำไรพิเศษ ที่สำคัญหุ้นที่กำไรนิวไฮส่วนใหญ่ราคามักวิ่งขึ้นไปรอก่อนหน้างบฯ ออกแล้ว ต้องระวัง Sell on fact ขณะเดียวกันต้องประเมินแนวโน้มกำไรของปีต่อไปด้วยว่าเติบโตต่อหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งหุ้นมักได้รับการตอบสนองเชิงลบ หากดีแค่ปีเดียว" มงคล กล่าว
ด้าน "ภาษกร ลินมณีโชติ" รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เสริมว่า กับดักสำคัญของหุ้นกำไรนิวไฮคือนักลงทุนมักไม่ดูรายละเอียดที่มาของกำไรว่าเกิดจากการดำเนินงานปกติ หรือ มีกำไรพิเศษเพียงครั้งเดียว จากการขายสินทรัพย์หรือการปรับโครงสร้างหนี้หรือหน่วยลงทุนต่าง ๆ นอกจากนี้ควรประเมินมูลค่าเหมาะสมว่ายังมีอัพไซด์หรือไม่ เพราะหลายบริษัทราคาอาจจะรับข่าวไปแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจเพิ่มเติม พบว่าหลายบริษัทมีกำไรพิเศษ โดยรายที่มีกำไรพิเศษโดดเด่น เช่น EGCO ขายสินทรัพย์ได้กำไรกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท หากตัดรายการดังกล่าวออกไป มีกำไรปกติลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน, BEM มีกำไรพิเศษจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนสุทธิจากภาษีกว่า 2,030 ล้านบาท, บมจ.บีซีพีจี (BCPG) จำหน่ายสินทรัพย์โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 2 โครงการให้แก่กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) และ บมจ.โอสถสภา (OSP) มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน "ไวท์กรุ๊ป" ราว 300 ล้านบาท เป็นต้น
*** 61 บริษัทมีแนวโน้มทำนิวไฮต่อ
ทั้งนี้เมื่อสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ (IAA Consensus) พบว่ามี 61 บริษัท ที่ประมาณการกำไรเฉลี่ยยังเติบโตต่อ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่อัตราการเติบโตจะลดลงจากฐานที่สูงในปี 61 โดยพบว่ามีเพียง 15 บริษัทที่คาดการณ์กำไรปี 62 เติบโตมากกว่า 20% ดังนี้
หุ้นกำไรนิวไฮโตต่อไม่ต่ำ 20%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร 61
(ลบ.)
|
คาดการณ์กำไร 62 (%YoY)
|
SISB
|
103.52
|
95
|
CKP
|
599.07
|
56
|
RJH
|
254.54
|
36
|
TPIPP
|
3,698.96
|
34
|
AU
|
147.43
|
33
|
PORT
|
136.94
|
31
|
MTC
|
3,713.39
|
30
|
SPA
|
205.60
|
29
|
XO
|
221.90
|
29
|
ATP30
|
40.91
|
29
|
EA
|
4,975.21
|
28
|
HUMAN
|
121.91
|
28
|
NER
|
486.46
|
26
|
NETBAY
|
148.81
|
22
|
TPCH
|
353.90
|
22
|
โดย SISB ถูกคาดว่าจะกำไรเติบโตเฉลี่ยถึง 95% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ายังเป็น Growth Stock ไปอีก 3-5 ปี เนื่องจากมีต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่แนวโน้มนักเรียนเข้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่หุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง CKP, TPIPP, EA และ TPCH กำไรจะยังทำนิวไฮต่อเนื่องจากการรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น