วงการแนะเก็บหุ้น Defensive-ปันผลสูง หลบภัยช่วง SET ดิ่งแรง มองกลุ่มแบงก์เข้าข่ายน่าลงทุน เหตุกำไรกลุ่มฯปีนี้ยังโตได้ แถมปันผลครึ่งหลังของปี 2567 คาดแจกยีลด์สูง 3-6% โดยมีถึง 2 แบงก์ถูกคาดแจกยีลดืปันผลช่วงดังกล่าวมากกว่า 5% แต่ระยะยาว ส่วนใหญ่ยก BBL เด่นสุด เหตุกำไรปีนี้โตได้ แถมราคาหุ้นมีอัปไซด์น่าสนใจ !
*** แนะเก็บหุ้น Defensive-ปันผลสูง หลบภัย SET ดิ่งแรง
ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นปี 2568 (YTD) ปรับตัวลงถึง 110.17 จุด หรือ -8.54% จากหลายปัจจัยลบรุมเร้า อาทิ ความกังวลต่อการขึ้นกำแพงภาษีประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯในอัตราที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในปีนี้ มีแนวโน้มช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงสำรวจกลยุทธ์การลงทุนจากโบรกเกอร์หลาย ๆ แห่ง ส่วนใหญ่แนะนำทยอยเก็บหุ้นที่มีลักษณะปลอดภัย (Defensive) ประกอบกับ มีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง ๆ โดยนักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่มองว่า หุ้นลักษณะดังกล่าว จะช่วยให้นักลงทุนสามารถหลบความผันผวนของ SET Index ในช่วงนี้ได้บ้าง
*** พบกลุ่มแบงก์จ่อปันผล H2/67 แจกยีลด์ระดับ 3-6%
โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ถือ เป็นอีกกลุ่มที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าจะสามารถหลบความผันผวนของ SET Index ในช่วงนี้ได้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลของผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 (H2/67) คิดเป็น Dividend Yield ระดับสูงราว 3 - 6% ประกอบกับ กำไรสุทธิปี 2568 ส่วนใหญ่ยังสามารถเติบโตได้ด้วย
หุ้นแบงก์ถูกคาดจ่ายปันผล H2/67 แจกยีลด์ 3 – 6%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
ปันผล H2/67 (บ.)
|
%ยีลด์*
|
SCB
|
แลนด์แอนด์เฮ้าส์
|
8.44
|
6.75
|
พาย
|
8.44
|
6.75
|
เอเซีย พลัส
|
7.72
|
6.18
|
บัวหลวง
|
7.5
|
6.00
|
หยวนต้า
|
7
|
5.60
|
TISCO
|
แลนด์แอนด์เฮ้าส์
|
5.75
|
5.78
|
เอเซีย พลัส
|
5.75
|
5.78
|
อินโนเวสท์ฯ
|
5.7
|
5.73
|
พาย
|
5.5
|
5.53
|
หยวนต้า
|
5.3
|
5.33
|
KTB**
|
อินโนเวสท์ฯ
|
1.1
|
4.80
|
บัวหลวง
|
1.1
|
4.80
|
พาย
|
1.04
|
4.54
|
เอเซีย พลัส
|
1.04
|
4.54
|
หยวนต้า
|
0.9
|
3.93
|
KBANK
|
พาย
|
6.6
|
4.11
|
อินโนเวสท์ฯ
|
6
|
3.74
|
เอเซีย พลัส
|
6
|
3.74
|
หยวนต้า
|
5.9
|
3.68
|
BBL
|
บัวหลวง
|
6
|
3.90
|
พาย
|
6
|
3.90
|
กรุงศรี
|
5.59
|
3.63
|
หยวนต้า
|
5.2
|
3.38
|
เอเซีย พลัส
|
5
|
3.25
|
KKP
|
เอเซีย พลัส
|
2
|
3.85
|
อินโนเวสท์ฯ
|
1.9
|
3.65
|
แลนด์แอนด์เฮ้าส์
|
1.75
|
3.37
|
พาย
|
1.7
|
3.27
|
หยวนต้า
|
1.4
|
2.69
|
TTB
|
พาย
|
0.07
|
3.54
|
หยวนต้า
|
0.07
|
3.54
|
เอเซีย พลัส
|
0.065
|
3.28
|
อินโนเวสท์ฯ
|
0.065
|
3.28
|
หมายเหตุ : ข้อมูลเฉพาะธนาคารที่มีโบรกเกอร์ทำบทวิเคราะห์
*ยีลด์คำนวณจากราคาปิด 31 ม.ค.68
**KTB จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง ที่เหลือปีละ 2 ครั้ง
|
*** "SCB"-"TISCO" ถูกคาดแจกยีลด์ปันผลเกิน 5%
บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่า จะจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2567 คิดเป็น Dividend Yield มากที่สุด ระหว่าง 5.60 - 6.75% หลังถูกคาดเงินปันผลช่วงดังกล่าวไว้ที่ 7 - 8.44 บาท/หุ้น
รองลงมา คือ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ที่ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่า จะจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2567 ที่อัตรา 5.33 - 5.78 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 5.33 - 5.78%
*** ส่วนอีก 5 แบงก์ ถูกโบรกฯคาดแจกยีลด์ปันผล 3-4%
ขณะที่ ธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่ง ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 3 - 4% นำโดย ธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวในกลุ่มฯที่จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง โดย KTB ถูกคาดจ่ายปันผลที่อัตรา 0.90 - 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 3.93 - 4.80%
ด้าน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ถูกคาดจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรา 5.90 - 6.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 3.68 - 4.11%, ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ถูกคาดจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรา 5 - 6 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 3.25 - 3.90%
ฟาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ถูกคาดจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรา 1.40 - 2 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 2.69 - 3.85% และ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถูกคาดจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2567 ที่อัตรา 0.065 - 0.07 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 3.28 - 3.54%
*** แต่ระวัง กำไรปี 68 อาจโตไม่เด่น เหตุ NIM หด-สินเชื่อโตต่ำ
"ธนเดช รังษีธนานนท์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย ประเมินว่า กำไรสุทธิรวมปี 2568 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะขยายตัวจากปีก่อนได้ราว 3.4% เท่านั้น (ต่ำกว่าปี 2567 ที่เติบโตจากปีก่อนได้ราว 9%) แม้ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวขึ้น และการตั้งสำรองฯที่ปรับตัวลดลง แต่ไม่สามารถชดเชยจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวลดลง หลังเห็นสัญญาณการขยายตัวของสินเชื่อในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงจากผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เช่นเดียวกับ "ธนภัทร ฉัตรเสถียร" ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 2568 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนได้ราว 4% แม้ว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปีนี้ ทำให้ NIM ของกลุ่มฯ อ่อนตัวลงราว 5-7 bps แต่คาดว่าแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ประกอบกับ การตั้งสำรองเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อาจเห็นต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ของกลุ่มฯ ลดลงราว 10-15 bps
ขณะที่ การเติบโตของสินเชื่อกลุ่มฯ อาจยังไม่โดดเด่นมากนัก โดยคาดเติบโตได้ราว 1-3% จากปีก่อน เนื่องจากสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SME) และรายย่อยยังมีปัญหาด้านคุณภาพหนี้ และธนาคารส่วนใหญ่ยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ ทำให้สินเชื่อที่อาจเติบโตได้ดีในปี 68 อาจอยู่ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก

*** มองยังลงทุนได้ ส่วนใหญ่ยก "BBL" เป็น Top pick
"ธนเดช รังษีธนานนท์" กลับมากล่าวต่อว่า ยังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ "เท่ากับตลาด" ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568 จะไม่โดดเด่นนัก แต่ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่ง และยังสามารถคาดหวังเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield ระดับสูงได้ อีกทั้ง มูลค่า (Valuation) ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ณ ปัจจุบัน ถือว่าไม่แพงด้วย โดยแนะนำ BBL, KBANK และ TTB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ เนื่องจากกำไรสุทะปี 2568 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ ประกอบกับ ราคาหุ้นล่าสุดยังมีอัปไซด์ค่อนข้างน่าสนใจ
ส่วน "ธนภัทร ฉัตรเสถียร" ระบุว่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ครึ่งหลังปี 2567 ของกลุ่มฯยังเป็นระดับที่ค่อนข้างจูงใจ โดยหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield โดดเด่นประกอบด้วย SCB, TISCO และ KTB อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงการเติบโตของกำไรสุทธิ, ความแข็งแกร่งของงบการเงิน และราคาหุ้นปัจจุบันร่วมด้วยแล้ว เลือก KTB และ BBL เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม