หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์โกยกำไรปี 67 รวมกว่า 2.53 แสนล้านบาท โต 7.22% ส่วนใหญ่ฟันกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทำโบรกฯแห่ปรับเป้าอุตลุด มีถึง 5 แบงก์ถูกอัปเป้ากำไร - ราคาเป้าหมายปี 68 รับงบฯดีว่าคาด มีแค่ 3 แบงก์ที่ถูกลดเป้ากำไรหลังงบฯอ่อนแอกว่าคาด ประเมินกำไรกลุ่มฯปีนี้โตไม่หวือหวา แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นแบงก์ยังแกร่ง - มีปันผลสูง ทำให้ยังลงทุนได้ ยก KTB - BBL เด่นสุด !
*** กลุ่มแบงก์ฟันกำไรปี 67 รวม 2.53 แสนลบ. โต 7.22%
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการรายงานกำไรสุทธิงวดปี 67 ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 ธนาคาร โดยมีกำไรสุทธิรวมกัน 252,748 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.22% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวม 235,732 ล้านบาท ขณะที่ หากนับเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/67 ทั้ง 11 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวมกัน 60,956 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับกำไรสุทธิที่ดีกว่านักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจาก ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ดีขึ้นจากปีก่อน และการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงจากปีก่อน

*** พบ 8 หุ้นธนาคาร ถูกโบรกฯปรับเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีการอัปเดทข้อมูลหลังหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรสุทธิปี 67 เสร็จสิ้น พบมี 8 หุ้นในกลุ่มฯ ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 และราคาเหมาะสมใหม่ ประกอบด้วย
8 หุ้นแบงก์ ถูกโบรกฯปรับเป้ากำไร – ราคาเหมาะสมหลังงบฯปี 67
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรปี 68 (ลบ.)
|
%เปลี่ยนแปลง
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
เปลี่ยนแปลง (บ.)
|
SCB
|
เอเซีย พลัส
|
45,945
|
9.39
|
130
|
21.00
|
ดาโอ
|
45,548
|
8.92
|
125
|
15.00
|
กรุงศรี
|
44,836
|
4.90
|
120
|
10.00
|
พาย
|
44,607
|
4.89
|
129
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
ทรีนีตี้
|
45,700
|
2.41
|
118
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
ฟิลลิป
|
46,000
|
2.22
|
124
|
3.00
|
ทิสโก้
|
43,888
|
0.13
|
130
|
9.00
|
หยวนต้า
|
45,435
|
-1.56
|
130
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
KTB
|
เคจีไอ
|
44,150
|
7.91
|
23.40
|
2.40
|
ทรีนีตี้
|
45,721
|
3.61
|
24
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
พาย
|
45,220
|
3.60
|
24.50
|
0.50
|
ดาโอ
|
46,246
|
0.47
|
24.50
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
|
44,970
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
26.40
|
2.00
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
25.50
|
0.50
|
กรุงศรี
|
47,614
|
-0.39
|
24
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
KBANK
|
พาย
|
50,694
|
6.61
|
180
|
2.00
|
ทรีนีตี้
|
51,493
|
2.05
|
177
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
เอเซีย พลัส
|
49,630
|
1.53
|
163
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
อินโนเวสท์ฯ
|
51,489
|
1.26
|
163
|
3.00
|
กรุงศรี
|
52,874
|
-2.98
|
178
|
-2.00
|
ทิสโก้
|
48,568
|
-4.05
|
168
|
18.00
|
BBL
|
กรุงศรี
|
45,696
|
5.63
|
160
|
12.00
|
ทิสโก้
|
45,597
|
5.04
|
162
|
10.00
|
ทรีนีตี้
|
46,791
|
2.39
|
185
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
พาย
|
46,716
|
2.23
|
172
|
2.00
|
KKP
|
พาย
|
5,149
|
5.33
|
57
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
เคจีไอ
|
5,373
|
4.69
|
57.50
|
3.00
|
อินโนเวสท์ฯ
|
5,003
|
1.36
|
50
|
3.00
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
57
|
6.70
|
ทิสโก้
|
4,502
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
53
|
3.00
|
หยวนต้า
|
5,044
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
50
|
4.00
|
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
|
5,333
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
58
|
5.00
|
BAY
|
ฟิลลิป
|
29,800
|
-2.30
|
25
|
-3.00
|
TISCO
|
กรุงศรี
|
6,547
|
-5.55
|
94
|
-3.00
|
ฟิลลิป
|
6,700
|
-5.25
|
100
|
-1.00
|
หยวนต้า
|
6,901
|
-4.50
|
107
|
-2.00
|
อินโนเวสท์ฯ
|
6,316
|
-2.24
|
100
|
-3.00
|
เอเซีย พลัส
|
6,900
|
-1.17
|
102
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
พาย
|
6,522
|
-0.12
|
100
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
TTB
|
ทิสโก้
|
21,659
|
-9.55
|
2.20
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
หยวนต้า
|
21,149
|
-0.09
|
2.12
|
0.02
|
ทรีนีตี้
|
21,475
|
-0.02
|
2.02
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
เอเซีย พลัส
|
21,000
|
2.36
|
2.02
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
พาย
|
21,947
|
2.47
|
2.12
|
0.12
|
ซีจีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
1.87
|
-0.17
|
หมายเหตุ : ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์อัปเดทหลังงบฯปี 67
|
*** ส่วนใหญ่ 5 ธนาคารถูกอัปเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย
การปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68 และราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ในตลาด หลังผ่านการรายงานงบการเงินปี 67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พบว่า ส่วนใหญ่ถูกปรับขึ้นไปในทางบวกถึง 5 ธนาคาร โดยมีเพียง 3 ธนาคารเท่านั้น ที่ถูกปรับประมาณการณ์ไปในทางลบ
*** "SCB" ถูกอัปเป้ากำไรปี 68 มากที่สุดถึง 9.39%
บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นจากเดิมมากที่สุดระหว่าง 0.13 - 9.39% ขยับขึ้นเป็น 43,888 - 46,000 ล้านบาท ชะลอตัวลง 0.12 - เติบโตขึ้น 4.78% จากปีก่อน
ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 3 - 21 บาท/หุ้น เป็น 118 - 130 บาท/หุ้น เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ดีกว่านักวิเคราะห์ในตลาดคาดไว้ถึง 18% เพราะมีกำไรจากเงินลงทุน (FVTPL) เข้ามาช่วยกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าเพียง 500 ล้านบาท ประกอบกับ มีการตั้งสำรองฯเพียง 9,800 ล้านบาท ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน
โดยข้อมูลล่าสุด มีนักวิเคราะห์ 8 ราย ที่ออกบทวิเคราะห์หุ้น SCB และได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ 6 ราย ยังให้คำแนะนำการลงทุนหุ้น SCB เพียงแค่ "ถือ" เท่านั้น ขณะที่ อีก 2 ราย แนะนำ "ซื้อ"
รองลงมา คือ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 0.47 - 7.91% ขยับขึ้นเป็น 44,150 - 47,614 ล้านบาท แต่ยังหดตัว 0.13 - 7.4% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 0.5 - 2.4 บาท/หุ้น เป็น 23.4 - 26.4 บาท/หุ้น
ปัจจัยหนุนที่ทำให้ KTB ถูกนักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิ - ราคาเหมาะสมขึ้น เพราะกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ดีกว่าโบรกเกอร์ในตลาดคาดไว้ถึง 17% หลังการตั้งสำรองฯปรับตัวลง 48.5% จากปีก่อน หลังได้มีการตั้งสำรองฯพิเศษก่อนใหญ่เกี่ยวกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งไปแล้วในช่วงไตรมาส 4/66 อีกทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมของ KTB ยังเร่งตัวขึ้นอีกด้วย
สำหรับข้อมูลล่าสุด มีนักวิเคราะห์ 7 ราย ที่ออกบทวิเคราะห์หุ้น KTB และได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ 5 ราย ยังให้คำแนะนำการลงทุนหุ้น KTB "ซื้อ" โดยมีนักวิเคราะห์แค่ 2 แห่งเท่านั้น ที่แนะนำการลงทุนหุ้น KTB เพียงแค่ "ถือ" เท่านั้น
*** ส่องอีก 3 ธนาคาร ถูกอัปเป้ากำไร 1.26 - 6.61%
ขณะเดียวกัน ยังมีธนาคารพาณิชย์อีก 3 แห่ง ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68 - และราคาเหมาะสมขึ้น หลังผ่านการรายงานงบการเงินปี 67 ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 1.26 - 6.61% ขยับขึ้นเป็น 48,568 - 52,874 ล้านบาท ชะลอตัวลง 0.06 - เติบโตขึ้น 8.79% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 2 - 18 บาท/หุ้น เป็น 163 - 180 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักเป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดไว้ถึง 9% เพราะมีกำไรจากเงินลงทุน เข้ามาช่วยราว 3,200 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ราว 1,800 ล้านบาท เท่านั้น ประกอบกับ มี Net Insurance Premium ลดลงจากไตรมาสก่อนน้อยกว่าคาดเพียง 881 ล้านบาท (ตลาดคาดลดลงราว 1,000 ล้านบาท) อีกทั้ง ยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน จากธุรกิจกองทุนรวม และสินเชื่อยังเติบโตได้ราว 0.6% จากปีก่อน สวนทางหนี้เสีย (NPL) ที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.18%
ด้าน ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 2.23 - 5.63% ขยับขึ้นเป็น 45,597 - 46,791 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.85 - 3.49% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 2 - 12 บาท/หุ้น เป็น 160 - 185 บาท/หุ้น ปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานไตรมาสที่ผ่านมาของ BBL คือ NPL ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 85,800 ล้านบาท (ไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 104,000 ล้านบาท) หลังธนาคารมีการปรับโครงสร้างหนี้อย่างมากสำหรับกลุ่มลูกค้าประเภทธุรกิจ
ฟาก ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 1.36 - 5.33% ขยับขึ้นเป็น 4,502 - 5,373 ล้านบาท ชะลอตัวลง 0.06 - เติบโตขึ้น 7.78% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 3 - 6.7 บาท/หุ้น เป็น 50 - 58 บาท/หุ้น หนุนโดยในช่วงปี 68 คาดว่า ค่าธรรมเนียมของ KKP จะปรับตัวขึ้น อีกทั้ง ยังคาดว่าจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดีขึ้น อีกด้วย
*** แต่มี 3 หุ้นแบงก์ โดนหั่นเป้ารับงบ Q4/67 ต่ำคาด
อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์อีก 3 ธนาคาร ที่ถูกโบรกเกอร์ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68 และราคาเหมาะสมลงในเชิงลบ หลังผ่านช่วงการประกาศผลการดำเนินงานปี 67 นำโดย ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ลงจากเดิม 0.02 - 9.55% เหลือ 21,000 - 21,947 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน - เติบโตขึ้น 4.48% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับลงจากเดิมอีก 0.17 บาท/หุ้น เหลือ 1.87 - 2.20 บาท/หุ้น
ปัจจัยกดดัน ที่ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดประมาณการณ์กำไรสุทธิ และ ราคาเหมาะสมปี 68 ของอ TTB ลง เป็นเพราะในช่วงไตรมาส 4/67 การเติบโตสินเชื่อของ TTB อ่อนตัวลง 6.6% จากปีก่อนปีก่อน และหดตัวลง 1% จากไตรมาสก่อน อีกทั้ง รายได้ค่าธรรมเนียมในช่วงดังกล่าว ยังอ่อนแอลง อีกด้วย
ด้าน บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ลงจากเดิม 0.12 - 5.55% เหลือ 6,316 - 6,901 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน - ชะลอตัวลง 8.47% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับลงจากเดิมอีก 1 - 3 บาท/หุ้น เหลือ 94 - 107 บาท/หุ้น เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/67 ทาง TISCO มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 8% จากปีก่อน อีกทั้งในปี 68 ตลาดรถยนต์ในประเทศยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว และตลาดทุนยังมีความผันผวน
ส่วน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ลงจากเดิม 2.3% เหลือ 29,800 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.33% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับลงจากเดิมอีก 3 บาท/หุ้น เหลือ 25 บาท/หุ้น หลังกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดไว้ถึง 14% เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากไตรมาสก่อนถึง 8.1%
*** กำไรกลุ่มปี 68 อาจไม่เด่น เหตุ NIM หด - สินเชื่อโตต่ำ
ฟาก "ธนภัทร ฉัตรเสถียร" ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 68 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนได้ราว 4% แม้ว่าการลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปีนี้ ทำให้ NIM ของกลุ่มฯ อ่อนตัวลงราว 5-7 bps แต่คาดว่าแนวโน้มคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น ประกอบกับ การตั้งสำรองเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อาจเห็นต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ของกลุ่มฯ ลดลงราว 10-15 bps
ขณะที่ การเติบโตของสินเชื่อกลุ่มฯ อาจยังไม่โดดเด่นมากนัก โดยคาดเติบโตได้ราว 1-3% จากปีก่อน เนื่องจากสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (SME) และรายย่อยยังมีปัญหาด้านคุณภาพหนี้ และธนาคารส่วนใหญ่ยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ ทำให้สินเชื่อที่อาจเติบโตได้ดีในปี 68 อาจอยู่ในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก
สอดคล้องกับ บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่า การเติบโตของกลุ่มแบงก์ในปี 68 ค่อนข้างจำกัด โดยประเมินว่ากำไรสุทธิของกลุ่มจะเติบโตได้ราว 4.7% จากปีก่อน พราะมีแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่จะทยอยปรับตัวลงรับผลของการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ และเป็นผลจากมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ที่จะมีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้บางส่วน แลกกับการได้รับส่วนลดอัตราเงินนำส่ง FIDF และโอกาสในการลดการตั้งสำรองหนี้สูญลงตามการชำระเงินของลูกหนี้ภายใต้มาตรการที่ดีขึ้น
เช่นเดียวกับ "ธนเดช รังษีธนานนท์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย ที่ประเมินว่า กำไรสุทธิรวมปี 68 ของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จะขยายตัวจากปีก่อนได้ราว 3.4% เท่านั้น แม้ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวขึ้น และการตั้งสำรองฯที่ปรับตัวลดลง แต่ไม่สามารถชดเชยจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวลดลง หลังเห็นสัญญาณการขยายตัวของสินเชื่อในระดับต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง และ NIM ลดลงจากผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

*** แต่มองยังลงทุนได้ ชี้เป้าหุ้นเด่นกลุ่มแบงก์ "KTB"-"BBL" แจ่ม
บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยังคงคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ "เท่ากับตลาด" โดยเลือก KBANK เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจากมองว่า ผลการดำเนินงานของ KBANK จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้มีโอกาสที่ KBANK จะลดการตั้งสำรองฯลงมากกว่าที่ประเมินไว้ อีกทั้งคาดจะเป็นธนาคารเดียวที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรฐานบัญชี TFRS17 ที่จะช่วยลดผลขาดทุนจากธุรกิจประกันชีวิต ส่วนอีกธนาคารแนะนำ SCB เพราะมีจุดเด่นเรื่องเงินปันผล โดยคาดงวดครึ่งหลังปี 67 จ่ายที่อัตรา 7 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ระดับ 5.9%
เช่นเดียวกับ "ธนเดช รังษีธนานนท์" ที่ยังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ "เท่ากับตลาด"ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 68 จะไม่โดดเด่นนัก แต่ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่ง และยังสามารถคาดหวังเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield ระดับสูงได้ อีกทั้ง มูลค่า (Valuation) ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ณ ปัจจุบัน ถือว่าไม่แพงด้วย โดยแนะนำ BBL และ KTB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ
ขณะที่ "ธนภัทร ฉัตรเสถียร" ระบุว่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ครึ่งหลังปี 67 ของกลุ่มฯ คาดจะอยู่ที่ระดับ 2 - 6% ซึ่งยังเป็นระดับที่ค่อนข้างจูงใจ โดยหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield โดดเด่น ได้แก่ KTB คาดไว้ที่ 3.7% (ไม่มีปันผลระหว่างกาล), SCB คาดไว้ที่ 4% และ TISCO คาดไว้ที่ 6% อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงการเติบโตของกำไร ความแข็งแกร่งของงบการเงิน และราคาหุ้นปัจจุบันร่วมด้วยแล้ว เลือก KTB และ BBL เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม