"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจพอร์ตหุ้นนักลงทุนรายใหญ่ หลังผ่านการปิดสมุดทะเบียนช่วงครึ่งปีหลัง จากการจ่ายปันผลระหว่างกาลและอื่น ๆ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่มีการปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการสำรวจครั้งก่อน (29 มี.ค.64 ย้อนอ่านได้ที่ : http://www.efinancethai.com/HotTopic/HotTopicMain.aspx?id=QnJQYXhaanh6bk09&log=0&v=2018&security=) 

ทั้งนี้พบว่ามีนักลงทุน 6 รายที่มูลค่าพอร์ตปรับตัวลดลงตั้งแต่ 200 - 5,350 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลดการถือครองหรือขายหุ้นบางบริษัทออกไป รวมถึงราคาหุ้นที่ถืออยู่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามมี 4 รายที่มูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้น 195 - 2,936 ล้านบาท ดังนี้

(หมายเหตุ : ข้อมูลนี้มาจากรายงานผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแต่ละบริษัท โดยเปิดเผยเพียงผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกเท่านั้น ซึ่งกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่เหล่านี้อาจจะถือหุ้นในอีกหลายบริษัท แต่ไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก จึงไม่ปรากฎข้อมูลให้เห็น ขณะที่บางบริษัทยังไม่อัปเดทวันปิดสมุด ซึ่งอาจจะถือหุ้นอยู่หรือขายไปแล้ว)


*** 1. "พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" พอร์ตพุ่งเฉียด 2.2 หมื่นล้านบาท

"นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" ยังคงรั้งอันดับ 1 อย่างเหนียวแน่น โดยมูลค่าพอร์ตล่าสุดทะลุไปถึง 21,956 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนที่ 19,020 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 2,936 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันถือครองหุ้นใหญ่อย่างน้อย 8 บริษัท ประกอบด้วย
 

"พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" มีการเพิ่มหุ้นเข้าพอร์ตหลายบริษัทในปีนี้ เช่น บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO), บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE), บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO)

โดยหุ้นที่ไม่ปรากฎว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกแล้วคือ บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแน (KISS) ซึ่งเคยถือเมื่อตอนปิดสมุดช่วง มี.ค.64 สัดส่วน 4.17% มูลค่า 388 ล้านบาท และ บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) ซึ่งเคยถือสัดส่วน 1.77% มูลค่า 199 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีข่าวการเข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อตอีกหลายบริษัท แต่สัดส่วนอาจจะไม่ติดโผผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก อาทิ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III), บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) และ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เป็นต้น

***  2. "ทวีฉัตร จุฬางกูร" มูลค่าพอร์ตเพิ่มป็น 15,869 ล้านบาท

"ทวีฉัตร จุฬางกูร" นักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกถึง 39 บริษัท  มีมูลค่าพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 15,869 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนที่ 13,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,359 ล้านบาท ประกอบด้วย
 

ข้อมูลข้างต้นนับเฉพาะหุ้นที่ยังซื้อขายอยู่เท่านั้น ซึ่งมีทั้งสิ้น 34 บริษัท โดยสาเหตุสำคัญที่มูลค่าพอร์ตปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นไปตามราคาหุ้นหลายบริษัทที่เคลื่อนไหวในเชิงบวก 

ขณะที่พบว่า มีหุ้น 2 บริษัทที่หายไปจากพอร์ตคือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ซึ่งเคยถือ 1.14% มูลค่าราว 93 ล้านบาท และ บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) ซึ่งเคยถือ 0.7% มูลค่าราว 60 ล้านบาท 

ส่วนหุ้นที่เพิ่มเข้ามาใหม่คือ บมจ.ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ (TAE) ถือสัดส่วน 1% มูลค่า 24 ล้านบาท

ด้าน 5 บริษัทที่ถูกห้ามซื้อขาย (SP) ซึ่งอยู่ในพอร์ต ได้แก่
 

*** 3. “สถาพร งามเรืองพงศ์” ลดพอร์ตถึง 5,350 ล้านบาท

“สถาพร งามเรืองพงศ์” ปรับพอร์ตสูงสุดถึง 5,350 ล้านบาท เหลือ 5,586 ล้านบาท จากเดิม 10,936 ล้านบาท ซึ่งหุ้นในพอร์ตล่าสุดปรากฏว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 บริษัท จากเดิม 6 บริษัท ประกอบด้วย
 

ทั้งนี้หุ้นที่ถูกลดจากพอร์ตสูงสุดคือ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) จากการสำรวจครั้งก่อนถือ 244 ล้านหุ้นสัดส่วน 2.04% มูลค่า ณ 26 มี.ค.64 ระดับ 8,001 ล้านบาท ล่าสุดเหลือเพียง 119 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.99% มูลค่ารวม 3,983 ล้านบาท 

ขณะเดียวกันล่าสุดไม่ปรากฎว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกใน บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ซึ่งเคยถือสัดส่วน 0.52% มูลค่า 1,333 ล้านบาท  เช่นเดียวกับ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ที่เคยถือ 3.28% มูลค่าราว 382 ล้านบาท 

ด้านหุ้นที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในพอร์ตคือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ซึ่งถือสัดส่วน 3.88% มูลค่า 976 ล้านบาท
 

*** 4. "วิชัย วชิรพงศ์" มูลค่าพอร์ตลดเหลือ 3,323 ล้านบาท

"วิชัย วชิรพงศ์" ปรับเปลี่ยนหุ้นในพอร์ต 2 บริษัท มูลค่ารวม เหลือ 3,323 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนมีมูลค่า 4,423 ล้านบาท ลดลง 1,060 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดถือหุ้นใหญ่ 4 บริษัท ประกอบด้วย
 

หุ้นที่ไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกแล้วคือ 1.บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เคยถือ 0.8% มูลค่า ณ 26 มี.ค.64 อยู่ที่ 915 ล้านบาท และ 2.บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เคยถือสัดส่วน 12.98% มูลค่า 395 ล้านบาท

ขณะที่มี 1 บริษัทที่เพิ่มเข้ามาในพอร์ตคือ บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) ถือสัดส่วน 3.4% มูลค่า 70 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีหุ้น 1 บริษัทในพอร์ต "เสี่ยยักษ์" ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP คือ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE)

*** 5. "นเรศ งามอภิชน" ลดพอร์ตเหลือ 3,304 ล้านบาท

"นเรศ งามอภิชน" มีการปรับเปลี่ยนหุ้นเข้า-ออก อย่างละ 1 บริษัท มูลค่าพอร์ตเหลือ 3,304 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ 3,772 ล้านบาท โดยยังถือหุ้นใหญ่ 7 บริษัทเท่าเดิม ประกอบด้วย
 

สำหรับหุ้นที่เข้ามาใหม่คือ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ถือสัดส่วน 0.54% มูลค่า 193 ล้านบาท 

ส่วนหุ้นที่ไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วคือ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ซึ่งเคยถือ 3.94% มูลค่ารวม ณ 26 มี.ค.64 อยู่ที่ 459 ล้านบาท

*** 6. "ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา" มูลค่าพอร์ตเพิ่มเป็น 2,235 ล้านบาท

"ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา" มูลค่าพอร์ตเป็น 2,235 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนที่หลุดโผ 10 อันดับแรก โดยล่าสุดถือหุ้นใหญ่ 6 บริษัท ประกอบด้วย
 

2 หุ้นที่มีมูลค่าสูงอย่างมีนัยสำคัญคือ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ล่าสุดถือ 3.11% มูลค่ารวม 1,621 ล้านบาท และ บมจ.บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ถือ 3.88% มูลค่ารวม 470 ล้านบาท

*** 7. "สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" มูลค่าพอร์ตเพิ่มเป็น 2,226 ล้านบาท

"สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล" มูลค่าพอร์ตเพิ่มเป็น 2,226 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนที่ 1,785 ล้านบาท โดยถือหุ้นใหญ่ 9 บริษัท จากเดิม 11 บริษัท ประกอบด้วย
 

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เป็นหุ้นที่เข้ามาใหม่บริษัทเดียว ถือสัดส่วน 1.38% มูลค่า 150 ล้านบาท     

ส่วนหุ้นที่ไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วได้แก่ บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL ซึ่งเคยถือ 0.53% มูลค่า ณ 26 มี.ค.64 อยู่ที่ 109 ล้านบาท, บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) เคยถือ 1.12% มูลค่า 18 ล้านบาท และ บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) เคยถือ 1.42% มูลค่า 5 ล้านบาท

*** 8. "โสรัตน์ วณิชวรากิจ" ยังถือ 1 หุ้น แต่มูลค่าลดเหลือ 1,774 ล้านบาท

"โสรัตน์ วณิชวรากิจ" หล่นจากอันดับ 6 จากการสำรวจครั้งก่อน โดยมีหุ้นเพียง 1 บริษัท คือ บมจ.อาร์เอส (RS) จำนวน 98 ล้านหุ้น สัดส่วน 10.08% แต่มูลค่ารวมลดลงเหลือ 1,774 ล้านบาท จาก 2,548 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง

*** 9. "พีรนาถ โชควัฒนา" พอร์ตเพิ่มเล็กน้อยเป็น 1,467 ล้านบาท

"พีรนาถ โชควัฒนา" มูลค่าพอร์ตปรับตัวขึ้นเป็น 1,467 ล้านบาท จากเดิม 1,272 ล้านบาท โดยถือหุ้นใหญ่ 4 บริษัท ประกอบด้วย
 

บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) เป็นหุ้นที่เข้ามาใหม่ในพอร์ต สัดส่วน 2.02% มูลค่าราว 150 ล้านบาท 

ส่วนหุ้นที่ไม่ปรากฎรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วได้คือ บมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) ซึ่งเคยถือ 0.54% มูลค่า 3 ล้านบาท

*** 10. "นิเวศน์-เพาพิลาส เหมวชิรวรากร" ลดพอร์ตเหลือ 1,005 ล้านบาท

"นิเวศน์-เพาพิลาส เหมวชิรวรากร" พอร์ตล่าสุดเหลือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียง 3 บริษัท มูลค่ารวม 1,005 ล้านบาท จากการสำรวจครั้งก่อนถืออยู่ 4 บริษัท มูลค่ารวม 1,340 ล้านบาท โดยหุ้นล่าสุดประกอบด้วย
 

บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) เป็นหุ้นที่ไม่ปรากฎในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว จากเดิมเคยถือ 1.2% มูลค่า ณ 26 มี.ค.64 อยู่ที่ 515 ล้านบาท รวมถึง บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) ที่เคยถือ 1.25% มูลค่า 112 ล้านบาท 

ส่วน บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) เป็นหุ้นที่เข้ามาใหม่ ซึ่งถือ 1.41% มูลค่า 357 ล้านบาท