บจ.ฟันกำไรครึ่งแรกปี 67 รวม 5.19 แสนล้านบาท โต 9.7% จากปีก่อน โบรกฯ มองครึ่งปีหลังแจ่มต่อเนื่องแถมเด่นกว่า หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ คาดทั้งปีทะลุ 1.1 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 9.61 แสนล้านบาท นักวิเคราะห์เตรียมเพิ่มเป้า EPS พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนดักซื้อหุ้นรับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่ยกกลุ่มค้าปลีกแจ่ม !

*** บจ.ฟันกำไร H1/67 รวม 5.19 แสนลบ. โต 9.7%

"ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 819 บริษัท คิดเป็น 95.7% จากทั้งหมด 856 บริษัท (รวม SET และ mai แต่ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 พบว่ามี บจ.รายงานกำไรสุทธิ 631 บริษัท คิดเป็น 77.05% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 5.19 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมียอดขายรวม 8.96 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 6.3% จากปีก่อน ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเพียง 4.9% และ 6.0% ตามลำดับ อีกทั้ง ฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 มิถุนายน 67 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ในระดับคงที่เพียง 1.51 เท่า

"การท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ บจ. ภาคธุรกิจการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีกำไรดีขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค, โรงแรม, การบิน, พื้นที่เช่า, ค้าปลีก, โรงพยาบาล และโทรคมนาคม อีกทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ธุรกิจน้ำมันปรับดีขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ครึ่งแรกของปีนี้ บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างได้รับผลกระทบจากปริมาณงานภาครัฐ และเอกชนที่ลดลง" ภากร กล่าว

*** โบรกฯเริ่มอัป EPS ปีนี้ขึ้น รับงบฯ H1/67 ดีกว่าคาด

"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า หลัง บจ. รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปีนี้ออกมาแล้วปรากฏว่าดีกว่าคาดไว้เดิม ทำให้ช่วงนี้ฝ่ายวิจัย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) กำลังอยู่ในช่วงการปรับกำไร บจ. ขึ้นจากเดิมที่คาด EPS ไว้ที่ 81 บาท/หุ้น ซึ่งอาจจะมีการปรับขึ้นที่ระดับ 85 - 86 บาท/หุ้น 

ด้าน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า หลัง บจ. รายงานผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปีนี้ออกมาแล้ว ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ยังไม่มีการปรับเพิ่มกำไร บจ. ขึ้นแต่อย่างใด เนื่องด้วยกำไรสุทธืครึ่งแรกที่ประกาศออกมา 5.19 แสนล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการที่ทำไว้ 5.3 แสนล้านบาท  

เช่นเดียวกับ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ที่กล่าว่า หลังผ่านช่วงการรายงานงบการเงินบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรก ฝ่ายวิจัย บล.ไอร่า ไม่ได้มีการปรับตัวเลขคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนขึ้น เนื่องด้วยประเมิน EPS ตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 93 - 95 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว

*** ประมินกำไร H2/67 โตต่อได้ ดันทั้งปีทะลุ 1.1 ล้านลบ.

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 67 กำไรบริษัทจดทะเบียน ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน และครึ่งแรกของปีนี้ โดยประเมินกำไร บจ. รวมช่วงดังกล่าวไว้ที่ 5.59 แสนล้านบาท (ทั้งปี 67 อยู่ที่ 1.08 ล้านล้านบาท) มีปัจจัยหนุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยฝั่งภาครัฐจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีของรัฐบาล และในช่วงไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มจะได้เห็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะช่วยหนุนยอดขาย และกำไรให้บริษัทจดทะเบียนได้

ส่วนในฝั่งภาคเอกชน มีปัจจัยหนุนจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นช่วงปลายปี อีกทั้ง ในช่วงไตรมาส 4/67 ก็เป็นช่วงไฮซีซั่นของอีกหลาย ๆ อุตสาหกรรมอยู่แล้วด้วย นอกจากนั้น ราคาน้ำมันก็ยังมีแนวโน้มทรงตัวสูง ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรในกลุ่มพลังงานฯต้นน้ำด้วย

เช่นเดียวกับ "ประกิต สิริวัฒนเกตุ" กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ที่มองว่า ผลการดำเนินงาน บจ. ครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยประเมินกำไรช่วงดังกล่าวไว้ที่ 5.7 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกำไรช่วงครึ่งปีแรก จะทำให้ปี 67 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรรวมกันที่ 1.1 ล้านล้านบาท

แต่ยังต้องระวังผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ด้วย เพราะในช่วงดังกล่าว มีแนวโน้มที่กำไรจะอ่อนตัวลงได้ เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของบริษัทจดทะเบียนไทย ทำให้จะเห็นการประคองตัวในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น พลังงาน และธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น อีกทั้งกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพยื ยังเผชิญกับยองจองกรรมสิทธิ์ และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงตามกำลังซื้อต่อเนื่อง มีเพียงกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล้กทรอนิกส์เท่านั้น ที่มีโมเมนตั้มเชิงบวก

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงาน บจ. จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/67 จากกลุ่มค้าปลีก และ ท่องเที่ยว ที่จะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศ

ขณะที่ "มงคล พ่วงเภตรา" ประเมินว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 67 ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกของปีนี้เล็กน้อยเท่านั้น โดยความหวังหลักในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานรวมช่วงดังกล่าว คือ การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นหลักเท่านั้น 

"ที่ผ่านมายังไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาเลย โดยก่อนหน้านี้เราเคยประเมินไว้ว่านโยบายดังกล่าวจะไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววนโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนเลย ทำให้อาจคาดเดาว่า การกระตุ้นเศรษฐิจจากรัฐบาลอาจมาน้อยกว่าที่ประเมินไว้เดิม ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตเพียงเล้กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ำหนักเกี่ยวกับปัจจัยนี้เป็นปัจจัยหลัก สำหรับการขับเคลื่อนผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถ้ามาได้เร็วก็จะเป็นผลดีต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน" มงคล กล่าว

ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ระบุว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนจากอัตราการเติบโต GDP ไตรมาส 2/67 ที่ดีกว่าคาด ทำให้อนุมานได้ว่า GDP ประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุด (Bottom) ไปแล้ว ในช่วงไตรมาส 1/67 ดังนั้น มีแนวโน้มที่จะเห็นการไต่ระดับขึ้นของ GDP ในระยะถัดไป อีกทั้ง ช่วงครึ่งปีหลังจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐช่วยหนุนผลการดำเนินงาน บจ. อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนืออย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งถ้าสถานการณ์ยาวนาน หรือรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะกระทบต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในช่วงดังกล่าวด้วย 

*** โบรกฯส่วนใหญ่ชู"ค้าปลีก"ความหวัง H2/67 

"มงคล พ่วงเภตรา" ระบุว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็นหัวเรือหลักช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานรวมของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ กลุ่ม ค้าปลีก และ ธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากประเมินว่า เป็นกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลมากที่สุด 

ด้าน "ประกิต สิริวัฒนเกตุ" มองว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็นดาวเด่นขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน บจ. ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นำโดยหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ที่คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฐาล อย่าง โครงการ "ดิจิทัล วอลเล็ท" ที่จะมีเงินเติมเข้ามาในระบบอย่างน้อย 1.2 แสนล้านบาทในกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงวัยอีก 2 หมื่นล้านบาท ส่วนอีกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่เด่น คือ โรงแรม เพราะจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว

ขณะที่ กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ยังน่าเป็นห่วงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คือ กลุ่มพพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศลดลง และการปฏิเสธสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ที่สูงขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ ยังคงต้องคาดหวังจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงมาตรการกระตุ้นซื้ออสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลด้วย ซึ่งก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่า จะเกิดขึ้นหรือไม่ ? หรือ จะมาทันเวลาหรือเปล่า ?

ฟาก "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ประเมินว่า กลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะเป็นความหวังขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน บจ. รวมช่วงครึ่งปีหลัง จะประกอบด้วย 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ ไฟแนนซ์ ที่จะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว, กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มค้าปลีก ที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ส่วน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" กล่าวทิ้งท้ายว่า กลยุทธ์ลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 67 แนะนำ สะสมหุ้น 3 ธีม ที่มีแนวโน้มกำไรช่วงดังกล่าวเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้ง ยังเป็นเป้าหมายการซื้อของเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) ด้วย โดยมีกลยุทธ์แนะนำดังนี้ 

1.หุ้นกำไรครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และเติบโตขึ้นจากปีก่อน แต่ราคาหุุ้นลงลึกหวังฟื้นเร็ว คือ SCC, IVL, CRC, SCGP, BGRIM, HMPRO
2.หุ้นกำไรครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และเติบโตขึ้นจากปีก่อน ที่พื้นฐานเด่นแกร่งกว่าตลาด คือ PLANB, MTC, BH, GULF, CPAXT
3.หุ้นกำไรครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก และเติบโตขึ้นจากปีก่อนรับกระแสฝนตกหนัก คือ BCH, TASCO, CKP