16 บจ. เดินหน้าซื้อกิจการ (M&A) ตั้งแต่ต้นปี มูลค่ารวมกันกว่า 1.9 หมื่นลบ. พบส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลาง - เล็กถึง 11 บริษัท ขณะที่ BAY มีมูลค่าซื้อกิจการสูงสุดถึง 5.5 พันลบ. หลังเทคฯบล.โนมูระฯ เสริมแกร่งธุรกิจตลาดทุน ส่วน VGI, HUMAN, EPG, IVL และ PTT ลุยซื้อกิจการ มูลค่ามากกว่า 1 พันลบ. 

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจการซื้อกิจการ (M&A) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่ช่ววงต้นปี (YTD) พบ 16 บริษัท ซื้อกิจการมูลค่ารวมกันกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 
 

*** หุ้นเล็กซื้อกิจการเพียบ หวังหนุนโต
 

16 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นบริษัทนอกดัชนี SET100 ถึง 11 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ติดโผสูงสุด จำนวน 5 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ที่ติดโผ จำนวน 3 บริษัท 

*** BAY ซื้อ CNS มูลค่าสูงสุด 5.5 พันลบ.
 

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เป็นบริษัท ที่มีมูลค่าซื้อกิจการตั้งแต่ต้นปีสูงสุด 5.5 พันล้านบาท จากการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 99.1% ของหุ้นที่จำน่ายหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS จาก Nomura Asia Investment (Singapore) Pte Ltd. (NAIS)

โดยหลังจากนี้ BAY มีความตั้งใจที่จะรับซื้อหุ้น CNS อีก 0.9% ของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด จากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ CNS รวมสูงสุด 100% ของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด โดยคาดหวังว่า CNS จะสามารถเข้ามายกระดับและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในเครือ BAY ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รองลงมา คือ บมจ.วีจีไอ (VGI) ที่ส่งบริษัทย่อย อย่าง บริษัท พอยท์ ออฟ วิว (พีโอวี) มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (POV) เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดู เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NINE) สัดส่วน 70.651% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.14 พันล้านบาท 

ทั้งนี้ POV จะมีสัดส่วนการถือหุ้น NINE คิดเป็นไม่เกิน 70.65% เป็นผลให้ POV มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดใน NINE โดย POV ต้องรับซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดใน NINE จำนวนทั้งสิ้น 636 ล้านหุ้น คิดเป็น 40.01% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ NINE ภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 3.30 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 2.098 พันล้านบาท

*** พบอีก 4 บจ. ซื้อกิจการมากกว่า 1 พันลบ.
 

ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 4 บริษัท ที่ตั้งแต่ต้นปี ซื้อกิจการมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ประกอบด้วย บมจ.ฮิวแมนิก้า (HUMAN) ที่เข้าซื้อกิจการของ DataOn Group มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.9 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการของ 3 บริษัทในกลุ่มดังกล่าว คือ ซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ PT. IndoDev Niaga Internet (INI) (อินโดนีเซีย)

นอกจากนี้ ยังจะเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ DataOn International Co., Ltd. (DOI) (อ่องกง) และ ซื้อหุ้นสามัญ 55% ของ Synergy Outsourcing Sdn, Bhd. (SGMY) (มาเลเซีย) โดย HUMAN จะเริ่มรับรู้รายได้ และกำไร ของบริษัทดังกล่าว ตั้งแต่ 25 พ.ค.เป็นต้นไป

ขณะที่ บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ซื้อกิจการของ 4 Way Suspension Products Pty. Ltd ในประเทศออสเตรเลีย โดยการซื้อหุ้นทั้งหมด 100% มูลค่า 1.88 พันล้านบาท โดยคาดว่า จะสามารถเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มสินค้า, เพิ่มโอกาสในการต่อรองกับคู่ค้า, เพิ่มโแกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ และ ช่วยลดต้นทุนจากการประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้น

ด้าน บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) ทุ่มงบลงทุน 1.47 พันล้านบาท เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 100% ของบริษัท Filatura Tollegno 1900 S.r.l. ซึ่งดําเนินธุรกิจย้อมเส้นด้ายในประเทศอิตาลี และดําเนินธุรกิจปั่นและย้อมด้ายในประเทศโปแลนด์โดยมีกําลังการผลิตรวมอยู่ที่ 3,500 ตัน/ปี จากบริษัท Tollegno 1900 S.p.A. 

ฟาก บมจ.ปตท. (PTT) อนุมัติไห้บริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดย บริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด (บริษัทย่อยของ ปตท.) ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ IP ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placemen!) คิดดเป็นร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว ซึ่งการลงทุนนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 1.04 พันล้านบาท

ดีลดังกล่าว จะช่วยต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่เวชภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรมทางยา,เวชภัณท์สำหรับสุขภาพดวงตา จนถึงโภชนเภสัชและอาหารเสริม ยาสมุนไพรของไทย, อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเป็นการขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
 

*** อีก 2 บจ. ซื้อกิจการ มากกว่า 500 ลบ.
 

ทั้งนี้ มีอีก 3 บริษัท ที่ตั้งแต่ต้นปี ซื้อกิจการมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ประกอบด้วย บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ที่ทุ่มเงิน 901 ล้านบาท ซื้อหุ้นสัดส่วน 70% ของ Sirplaste ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงรายใหญ่สุดในประเทศโปรตุเกส เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดเม็ดพลาสติกในทวีปยุโรป 

ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดในปี 64 ตลาดเม็ดพลาสติกในทวีปยุโรป มีอุปสงค์รวม 3.7 ล้านตัน/ปี และคาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตอีก 10.6% ต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า ตามการคาดการณ์ของ Nexant Energy & Chemicals Advisory (NexantECA)

ปิดท้ายด้วย บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) ที่ทุ่มงบ 650 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 100% ของบริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด (CBDB) ซึ่งประกอบธุรกิจค้าและผลิตกัญชง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการขยายสินค้า และธุรกิจใหม่ จากกระแสความนิยมกัญชงที่เพิ่งเริ่มต้นในประเทศไทย