ประเด็นร้อน

เปิดโผ 15 บจ.กำไรปี 64 จ่อเทิร์นอะราวด์ หุ้นพลังงานติดโผเพียบ

เปิดโผ 15 บจ.กำไรปี 64 จ่อเทิร์นอะราวด์ หุ้นพลังงานติดโผเพียบ

4 โบรกเกอร์ แนะนำ 10 หุ้นกำไรปี 64 เทิร์นอะราวด์ หุ้นพลังงานติดโผเกินครึ่ง แถมพบ 5 บจ.ผู้บริหารลั่น ! ปีนี้ลุ้นพลิกกำไร กูรูติงประเมิน Valuation ก่อนลงทุน หลังบางบริษัทราคาวิ่งรับข่าวดีไปแล้ว 


*** 4 โบรกฯ ชี้เป้า 10 หุ้นเทิร์นอะราวด์


"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความเห็นจากนักวิเคราะห์ 4 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เพื่อหาบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่กำไรสุทธิปี 2564 มีแนวโน้มเทิร์นอะราวด์หรือพลิกกลับมามีกำไร จากปี 2563 ที่ขาดทุน โดยพบว่ามีทั้งสิ้น 10 บจ.ดังนี้
 

10 หุ้นกำไรปี 64 เทิร์นอะราวด์

โบรกเกอร์

ชื้อย่อหุ้น

กำไรปี 63 (ลบ.)*

กำไรปี 64 (ลบ.)*

ราคาเป้าหมาย (บ.)

%อัพไซด์***

เอเชีย พลัส

PTTGC

-845

11,530

65

2.77

TOP

-3,458

5,330

55

-5.17

IRPC

-6,152**

2,177

3.4

-7.10

MAJOR

-793

895

21

9.38

หยวนต้า

PTTGC

-4,868

12,866

67

5.93

IRPC

-6,152**

2,690

3.8

3.83

TOP

-5,297

2,058

59

1.72

BCP

-6,826

2,010

31

19.23

SPRC

-6,224

1,509

8.4

-7.18

MAJOR

-727

856

19.1

-9.05

ฟินันเซียฯ

PTTGC

-2,890

19,529

86

35.97

TOP

-5,290

13,805

74

27.59

IRPC

-6,152**

5,261

5.3

44.81

SPRC

-3,712

5,112

12

32.60

ESSO

-2,813

4,358

14.3

60.67

MAJOR

-845

713

19

-1.04

BEC

-398

213

8.6

-4.97

ZEN

-29

165

14.1

15.57

เมย์แบงก์ฯ

PTTGC

-4,529

10,000

75

18.58

TOP

-1,621

5,838

48

-17.24

IRPC

-6,152**

2,680

4.5

22.95

SPRC

-5,074

1,894

7

-22.65

MAJOR

-819

935

18.2

-5.21

CENTEL

-1,720

158

29

-1.69

* คาดการณ์กำไรจากโบรกเกอร์

** IRPC ประกาศกำไรสุทธิปี 63 แล้ว

*** %อัพไซด์ เทียบราคาปิด 11 ก.พ.64


10 บจ.ข้างต้น ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยติดโผทั้งสิ้นถึง 6 บริษัท ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ, สื่อและสิ่งพิมพ์ และ อาหารและเครื่องดื่ม 

"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า สาเหตุที่หุ้นกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิในปี 64 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปี 63 อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนจากความต้องการใช้น้ำมัน และราคาขายที่ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงดังกล่าว ประกอบกับ หลายบริษัทต้องเผชิญกับการขาดทุนสต็อกน้ำมันครั้งใหญ่อีกด้วย

ส่วน 64 ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงานฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างโดดเด่น หลังมีการกระจายวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในช่วงต้นปี 64 หุ้นในกลุ่มดังกล่าว มีแนวโน้มจะบันทึกกำไรพิเศษจากสต็อกน้ำมันอีกด้วย

ขณะที่มี 3 บจ.ที่นักวิเคราะห์มองตรงกันทั้ง 4 โบรกเกอร์ว่ากำไรสุทธิปี 64 จะพลิกมีกำไร ได้แก่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR)


*** กลุ่มบริษัทลูก PTT ติดโผเพียบ


ทั้งนี้พบว่ากลุ่มหุ้นพลังงานที่ติดโผส่วนใหญ่เป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปตท.(PTT) ถึง 3 บริษัท ประกอบด้วย 


1.บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) นักวิเคราะห์คาดปี 64 พลิกรายงานกำไรสุทธิระดับ 11,530 - 19,529 ล้านบาท จากปี 63 ที่คาดจะขาดทุนสุทธิ 845 - 4,868 ล้านบาท 

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ทิศทางกำไรปี 64 จะฟื้นตัวได้ดีกว่าคู่แข่งในกลุ่มอุตสาหกรรมขั้นปลาย (โรงกลั่น-ปิโตรเคมี) เพราะเป็นหุ้นปิโตรเคมี Gas-base ทำให้ได้ประโยชน์จากทั้งส่วนต่างราคาปิโตรเคมีและราคาน้่ำมันดิบที่สูงขึ้น 

ขณะเดียวกันกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ PO/Polyols และ ORP ช่วงปลายปีก่อนและต้นปีนี้ ขณะที่ปีนี้ไม่มีการซ่อมบำรุงใหญ่ รวมถึงจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือการค้า RCEP อีกด้วย 

คาดกำไรสุทธิปี 64 ระดับ 1.29 หมื่นล้านบาท แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 67 บาท


2.บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) นักวิเคราะห์คาดปี 64 จะพลิกรายงานกำไรสุทธิระดับ 2,177 - 5,261 ล้านบาท เทียบกับปี 63 ที่รายงานขาดทุนสุทธิ 6,152 ล้านบาท 

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า กำไรปี 64 จะฟื้นตัวเป็น 5,261 ล้านบาท โดยได้รับแรงผลักดันจาก 1.กำไร Propylene และ Polypropylene (33% ของกำไรรวม) ที่สูงขึ้นจากอุปทานตึงตัว ขณะที่ดีมานด์ชิ้นส่วนรถยนต์และบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2.ต้นทุน Crude Premium ลดลง 3.GRM ฟื้นตัว 2 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 4.ต้นทุนเฉลี่ยลดลง 3 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยประเมินว่ากำไรของ IRPC จะฟื้นตัว

ตั้งแต่ไตรมาส 1/63 เป็นต้นไป ตามสถานการณ์ที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5.30 บาท


3. บมจ.ไทยออยล์ (TOP) นักวิเคราะห์คาดจะพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิปี 64 ระดับ 2,058 - 13,805 ล้านบาท เทียบกับปี 63 ที่คาดขาดทุนสุทธิระหว่าง 1,621 - 5,297 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 63 และมีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวแรง ระดับ 1.38 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนจาก 1.ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นและผลกระทบจาก Crude Premium ลดลง 2.กำไรสุทธิที่สูงขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้าผ่านการลงทุนใน บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) และ 3.ผลกระทบจำกัดจากขาดทุนสินค้าคงคลัง ขณะที่การขายเงินลงทุน 2

รายการปีก่อนเพื่อลดหนี้ จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 74 บาท


*** แนะประเมิน Valuation ก่อนลงทุน


"ประสิทธิ รัตนกิจกมล" นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและด้านเทคนิค บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้หุ้นกลุ่มดังกล่าว กำไรสุทธิมีโอกาสเทิร์นอะราวด์ในปี 64 แต่ราคาหุ้นบางบริษัทได้ปรับตัวสะท้อนแนวโน้มล่วงหน้าไปแล้ว ส่งผลให้ในแง่ Valuation อาจจะตึงตัว นักลงทุนต้องประเมินให้รอบคอบ เพราะหากกำไรไม่เป็นไปตามคาด อาจจะมีแรงขายออกมาได้ 


ทั้งนี้ เมื่อสำรวจหุ้นกลุ่มดังกล่าวพบว่ามี 2 บจ.ที่ราคาล่าสุดเกินมูลค่าเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมิน ได้แก่

1.บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ราคาล่าสุดที่ 9.05 บาท เกินราคาเหมาะสม 2 จาก 3 โบรกเกอร์ โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสม 7 บาท และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสม 8.4 บาท    

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลประกอบการปี 64 จะพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมาก ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้ดีมานด์น้ำมันเชื้่อเพลิงปรบตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้สะท้อนโอกาสการฟื้นตัวไปแล้ว แนะนำเพียง "เก็งกำไร" เพราะราคาล่าสุดเต็มมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว 


2.บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ซึ่งนักวิเคราะห์ 4 โบรกเกอร์คาดปี 64 จะพลิกรายงานกำไรสุทธิ 713 - 935 ล้านบาท เทียบปี 63 ที่คาดขาดทุนสุทธิ 793 - 845 ล้านบาท 

แต่ราคาล่าสุดที่ 21 บาท เกินราคาเหมาะสมไปถึงแล้ว 3 โบรกเกอร์ โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินไว้ที่ 18.2 บาท, บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินไว้ที่ 19 บาท และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินที่ 19.10 บาท


*** 5 บิ๊ก บจ.มั่นใจกำไรปี 64 เทิร์นอะราวด์


นอกจาก 10 บจ.ที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าปี 64 กำไรจะพลิกกลับมาเทิร์นอะราวด์ ยังพบว่ามีอีก 5 บจ.ที่ผู้บริหารประกาศแผนปีนี้ถึงโอกาสในการพลิกกำไร ประกอบด้วย


1. "สุวิน ไกรภูเบศ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ตั้งเป้า ปี 64 ผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไร หลังปรับแผนดำเนินธุรกิจ 3 แนวทาง คือ 1.ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ (Re-structure) 2.ขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง (Re-new) และ 3.พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re-model) โดยตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโต 5% จากปีก่อน และคาดว่าจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานจะสร้างอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5%

ขณะเดียวกันเพิ่มโมเดลการขายใหม่ คือ Affiliate Program เปลี่ยนจากลูกค้าเป็นคู่ค้า ให้บุคคลทั่วไปที่สนใจนำสินค้าของบริษัทไปขายในช่องทาง Social Media ของตนเองได้ โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องยุ่งยากส่งสินค้าเอง อยู่ที่ไหนก็ขายสินค้าได้  

ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มรายได้สำหรับคนทั่วไปที่มีงานประจำทำอยู่แล้วแต่ต้องการหารายได้เสริมและเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มรายได้สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 คาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มได้ภายในไตรมาส 1/64
    

2."ศมิษฐา ทินนาม" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรธุรกิจการเงิน บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เปิดเผยว่า ตั้งเป้าปี 64 ผลประกอบการจะเทิร์นอะราวด์สามารถพลิกกลับมามีกำไร จากปี 63 ที่คาดว่าจะยังขาดทุน เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายตั้งสำรองเพิ่มเติมจากการบันทึกประมาณการหนี้สินผลขาดทุนของงานโครงการหนึ่งในสายธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ ส่วนปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าว

ขณะเดียวกันคาดว่าธุรกิจหลักของบริษัทฯทั้ง 5 สายธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้ รวมถึงเงินปันผลจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาท จะรับรู้ปี 64 ราว 66%

"รายได้ปี 64 คาดว่าอยู่ที่ระดับ 1.3 - 1.4 หมื่นล้านบาท แม้จะเติบโตจากปีก่อนไม่มาก แต่มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเทิร์นอะราวด์แน่นอน เพราะไม่มีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ แล้ว" นางสาวศมิษฐา กล่าว


3. "ธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์" กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) คาดว่า กำไรสุทธิปีนี้จะเทิร์นอะราวด์กลับมาเป็นบวก โดยได้ปรับปรุงบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับได้รับงานที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น บริการจัดการขยะ และการบริหารจัดการโครงการเดิมที่มีปัญหา ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรสุทธิกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 700-800 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปี 64 ค่อนข้างมาก คาดจะทำให้รายได้ปี 64 เติบโตถึง 20% 


4. "พิรัฐ เย็นสุดใจ" รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีวี ธันเดอร์ (TVT) ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 30-40% กำไรเทิร์นอะราวด์ โดยจะเติบโตจากธุรกิจการรับจ้างผลิตรายการประมาณ 60% และธุรกิจขายโฆษณาประมาณ 40% โดยปีนี้ธุรกิจการรับจ้างผลิตรายการจะเพิ่มอีก 2-3 รายการ จากสิ้นปี 63 ที่ 15 รายการ ส่วนการขายโฆษณาคาดจะมีเพิ่มอีก 1-2 รายการ ซึ่งจะเห็นตั้งแต่ไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป

นอกจากนี้บริษัทจะเดินหน้าขายคอนเทนต์ที่มีในมือให้กับลูกค้าต่างประเทศแถบประเทศเอเชีย เพื่อหารายได้เข้ามาเพิ่มเติม คาดจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายคอนเทนต์ให้ลูกค้าต่างประเทศปี 2564 ที่ราว 2-3% ของรายได้รวมทั้งหมด

"นอกจากธุรกิจรับจ้างผลิต และขายโฆษณาแล้ว เราจะเน้นการขายคอนเทนต์ที่มีอยู่ไปต่างประเทศ ซึ่งการขายคอนเทนต์ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะเป็นรายการที่เราผลิตแล้ว และเตรียมส่งออกในแถบเอเชีย ซึ่งจะทำให้เรามีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น" นายพิรัฐกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยปิดบริษัทในเครือที่ไม่สร้างกำไร เพื่อบริหารจัดการต้นทุนองค์กรให้ลดลง และผลักดันการทำกำไรให้สูงขึ้น 
    

5. "เชน เหล่าสุนทร" รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง (WPH) ตั้งเป้า กำไรสุทธิปีนี้พลิกกลับมาเป็นบวก หลังจำนวนผู้ใช้บริการฟื้นตัวต่อเนื่อง และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ โดยปี 64 ได้ปรับรูปแบบมาเน้นฐานลูกค้าในไทยทั้งหมด จากเดิมที่บางส่วนจะเป็นฐานผู้ใช้บริการจากต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้รายได้ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งคงทำควบคู่ไปกับการพยายามควบคุมต้นทุนในส่วนต่างๆ และชะลอการลงทุนใหม่ๆ ออกไปก่อน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ได้มีการเปิดให้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในรูปแบบห้องปฏิบัติการ (PCR) ซึ่งจะเพิ่มรายได้เข้ามาอีกส่วนหนึ่ง โดยมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ราว 4,600-4,900 บาทต่อครั้ง

ส่วนความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ในหลายประเทศนั้นทาง WPH ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดหาวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อมาให้บริการในโรงพยาบาลต่างๆ ของบริษัท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของทางรัฐบาล







ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด