SET เดือน ก.พ. วูบ 44.11 จุด ฉุดหุ้น บจ. 615 บริษัทดิ่งตาม ขณะที่ 20 หุ้นวูบแรงสุด มีรายย่อยถือรวมกันกว่า 8.3 หมื่นราย ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลาง - เล็ก กลุ่มบริการติดโผถึง 6 บริษัท พบ "KGEN" ทรุดหนักสุดถึง 33.87% แต่กูรูคาดอาจเห็นแรงเก็งกำไรกลับเข้ามา หลังหุ้นลงมาลึกแล้ว
*** พบ 20 หุ้นดิ่งแรงสุดเดือน ก.พ.
ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ - 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 44.11 จุด หรือ -2.6% ส่งผลให้มีหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปรับตัวลงตามดัชนีถึง 615 บริษัท
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้รวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน ที่ราคาหุ้นเดือน ก.พ.66 ปรับตัวลงมากที่สุด 20 อันดับแรก ผ่าน SETSMART พบว่ามีดังนี้
20 บจ. ราคาหุ้นดิ่งแรงสุดเดือน ก.พ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%chg 1 m
|
ผถห.รายย่อย (ราย)
|
KGEN
|
-33.87
|
2,045
|
FSMART
|
-32.74
|
7,858
|
SKR
|
-27.54
|
2,464
|
DITTO
|
-27.35
|
2,165
|
MORE
|
-26.32
|
6,039
|
PTL
|
-25.54
|
5,318
|
KWI
|
-25.32
|
1,545
|
JMART
|
-24.83
|
14,135
|
CMO
|
-23.7
|
1,994
|
SGC
|
-23.28
|
7,141
|
TH
|
-22.73
|
5,387
|
JTS
|
-21.69
|
3,395
|
BGT
|
-21.43
|
1,290
|
CPR
|
-21.21
|
1,589
|
BIOTEC
|
-21.15
|
4,883
|
QLT
|
-20.96
|
1,767
|
STARK
|
-20.67
|
9,613
|
MVP
|
-20.25
|
2,462
|
SAF
|
-19.92
|
454
|
SPACK
|
-19.9
|
1,595
|
ที่มา : SETSMART ณ 27 ก.พ.66
|
*** กลุ่มบริการติดโผมากสุด 6 บริษัท
20 บริษัทดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมกัน 8.3 หมื่นราย โดยเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 5 บริษัทเท่ากัน กลุ่มธุรกิจบริการติดโผมากสุด จำนวน 6 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม ที่ติดโผจำนวน 3 บริษัท
*** "KGEN" ดิ่งแรงสุดถึง 33.87%
บมจ.คิง เจน (KGEN) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นเดือน ก.พ. ปรับตัวลงมากที่สุด 33.87% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 2 พันราย รองลงมา คือ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 32.74% โดยมีผู้ถือหุ้นรายยย่อย จำนวน 7.8 พันราย
*** "JMART" รายย่อยสูงสุด 1.4 หมื่นราย
ด้าน บมจ. เจ มาร์ท (JMART) เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากสุด จำนวน 1.4 หมื่นราย ขณะที่ผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 24.83% ขณะเดียวกัน มีอีก 5 บริษัท นอกจาก FSMART ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 5 พันราย แถมผลตอบแทนราคาหุ้นเดือน ก.พ. ติดลบมากกว่า 20%
ประกอบด้วย บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 9.6 พันราย แต่ผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 20.67%, บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 7.1 พันราย และผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 23.28%
ขณะที่ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 6 พันราย แต่ผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 26.32%, บมจ.ตงฮั้ว โฮลดิ้ง (TH) มีผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 5.3 พันราย แต่ผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 22.73% และ บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 5.3 พันราย ผลตอบแทนเดือน ก.พ. ติดลบ 25.54%
*** กูรูชี้ระยะสั้น อาจเห็นแรงซื้อกลับ
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้หุ้นที่ปรับตัวลงแรงสุด 20 อันดับแรกเดือน ก.พ. ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง - เล็ก เนื่องจากราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก จากประเด็นเก็งกำไรต่าง ๆ
แต่เมื่อเข้าสู่การประกาศงบการเงินไตรมาส 4/65 พบว่าส่วนใหญ่ รายงานงบการเงินในช่วงดังกล่าว ออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ทำให้เกิดแรงขายเพื่อลดความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ในระยะสั้นหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ยังมีแนวโน้มกลับมา Outperform ได้ เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) และ นักลงทุนสถาบัน ยังไม่กลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในระยะสั้น จะเป็นนักลงทุนรายย่อยเป็นหลัก
จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อเห็นราคาหุ้นของบริษัทขนาดกลาง - เล็กปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกแล้ว จะเกิดแรงซื้อเข้าเก็งกำไรจากประเด็นบวกเฉพาะตัวในระยะถัดไปของแต่ละบริษัทได้เช่นกัน