หลัง บจ.รายงานงบ Q2/67 เสร็จสิ้น พบหุ้น 2 กลุ่มอาการร่อแร่ อสังหาฯขาดทุนถึง 19 บริษัท จาก 59 บริษัท หลังกำลังซื้อลดตามภาวะเศรษฐกิจ แถมดอกเบี้ยขาขึ้นฉุดอีกแรง ด้านโบรกฯมอง H2/67 ยังมีลุ้นฟื้นได้ หลังมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากแบงก์ชาติ ฟากหุ้นยานยนต์กำไรวูบแรง 20% ตามภาวะตลาดผ่านจุดสูงสุด แต่ดูจะหนักกว่าอสังหาฯ โบรกฯมองช่วงที่เหลือของปียังเหนื่อย หลังเห็นสัญญาณผลิตรถยนต์อ่อนแอกว่าคาด !
*** อสังหาฯอ่วมงบ 6 เดือนขาดทุนถึง 19 บจ.
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับฤดูการประกาศงบการเงินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 2/67 โดยเมื่อสำรวจงบการเงินของ บจ.กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า หุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มยานยนต์ มีผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยกลุ่มอสังหาฯช่วงไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิรวม 16,942 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.8% จากปีก่อน ขณะที่ กำไรสุทธิ 6 เดือนของปีรวมอยู่ที่ 31,836 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.3% จากปีก่อน โดยมีถึง 19 บริษัท ที่กำไรสุทธิยังขาดทุนอยู่ และอีก 22 บริษัท กำไรสุทธิลดลง 12 - 99 ล้านบาท โดยมีเพียง 18 บริษัทที่มีกำไรสุทธิ ประกอบด้วย
ตารางแสดงงบการเงินกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร Q2/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
กำไร H1/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
MK
|
-50.74
|
พลิกขาดทุน
|
-578.26
|
พลิกขาดทุน
|
PRECHA
|
-8.19
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-15.83
|
พลิกขาดทุน
|
SAMCO
|
-29.03
|
พลิกขาดทุน
|
-16.51
|
พลิกขาดทุน
|
CGD
|
-39.38
|
พลิกขาดทุน
|
-42.27
|
พลิกขาดทุน
|
NCH
|
-3.09
|
พลิกขาดทุน
|
-8.86
|
พลิกขาดทุน
|
BROCK
|
-6.79
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-9.66
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
MJD
|
-115.16
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-181.53
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
BLAND
|
-54.64
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-121.26
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
RICHY
|
-29.92
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-64.88
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
RML
|
-327.24
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-582.34
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
NUSA
|
-256.99
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-383.5
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
KC
|
-24.57
|
ขาเดทุนเพิ่มขึ้น
|
-74.21
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
RABBIT
|
-36.83
|
ขาดทุนลดลง
|
-185.2
|
ขาดทุนลดลง
|
POLAR
|
-5.99
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-14.02
|
ขาดทุนลดลง
|
CI
|
-131.18
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-109.91
|
ขาดทุนลดลง
|
CMC
|
-85.7
|
-20.82
|
-139.68
|
ขาดทุนลดลง
|
A
|
-22.84
|
ขาดทุนลดลง
|
-93.72
|
ขาดทุนลดลง
|
AKS
|
-37.13
|
ขาดทุนลดลง
|
-86.89
|
ขาดทุนลดลง
|
EVER
|
-76.81
|
ขาดทุนลดลง
|
-141.99
|
ขาดทุนลดลง
|
UV
|
-40.08
|
พลิกขาดทุน
|
6.72
|
-99.05
|
ORN
|
-2.33
|
พลิกขาดทุน
|
8.07
|
-93.51
|
UV
|
59.04
|
พลิกกำไร
|
65.76
|
-86.86
|
PSH
|
313.71
|
-69.77
|
379.13
|
-77.57
|
PRIN
|
16.16
|
-83.25
|
31.63
|
-76.85
|
WIN
|
0.19
|
-96.86
|
1.59
|
-69.71
|
PEACE
|
21.54
|
-62.34
|
39.25
|
-69.49
|
NVD
|
4.55
|
-73.47
|
26.43
|
-49.24
|
ORI
|
451.70
|
-48.26
|
915.79
|
-45.19
|
LALIN
|
145.90
|
-29.57
|
253.12
|
-42.60
|
PROUD
|
11.58
|
32.49
|
88.18
|
-39.87
|
SC
|
531.28
|
-10.42
|
713.89
|
-36.69
|
BRI
|
206.46
|
-40.69
|
502.88
|
-25.68
|
FPT
|
158.53
|
-49.99
|
475.07
|
-24.82
|
AP
|
1,268.80
|
-17.85
|
2,277.13
|
-24.67
|
LPN
|
96.42
|
10.70
|
179.97
|
-22.47
|
SPALI
|
1,598.90
|
-5.99
|
2,212.54
|
-20.44
|
LH
|
1,017.02
|
-29.85
|
2,248.05
|
-19.82
|
SIRI
|
1,387.05
|
-14.44
|
2,702.03
|
-15.64
|
AMATA
|
231.17
|
-26.22
|
694.75
|
-13.73
|
SENA
|
74.60
|
-41.27
|
185.54
|
-13.01
|
QH
|
620
|
-7.38
|
1,110.09
|
-12.02
|
GLAND
|
84.59
|
14.31
|
171.82
|
8.84
|
NOBLE
|
124.34
|
11.16
|
203.02
|
10.09
|
AWC
|
1,247.18
|
11.18
|
2,851.74
|
12.11
|
CPN
|
4,555.79
|
23.87
|
8,709.96
|
25.80
|
NNCL
|
96.32
|
-15.20
|
255.98
|
35.10
|
PF
|
-177.77
|
ขาดทุนเพิ่มขึ้น
|
-246.56
|
44.39
|
MBK
|
776.61
|
7.55
|
1,443.38
|
61.36
|
WHA
|
1,288.55
|
48.77
|
2,653.47
|
91.06
|
ASW
|
593.08
|
278.19
|
849.4
|
93.13
|
JCK
|
51.01
|
-74.73
|
451.34
|
138.30
|
PIN
|
418.54
|
163.40
|
871.45
|
175.92
|
SA
|
68.66
|
702.10
|
178.4
|
186.54
|
PLAT
|
71.41
|
116.72
|
139.91
|
234.87
|
ROJNA
|
628.51
|
พลิกกำไร
|
720.47
|
1,401.29
|
J
|
134.34
|
พลิกกำไร
|
140.4
|
2,519.40
|
AMATAV
|
52.42
|
-8.44
|
84.96
|
พลิกกำไร
|
ANAN
|
151.00
|
พลิกกำไร
|
80.12
|
พลิกกำไร
|
S
|
-52.12
|
ขาดทุนลดลง
|
10.09
|
พลิกกำไร
|
ที่มา : SETSMART ณ 14 ส.ค.67
|
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอลง เป็นเพราะที่ผ่านมามีแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นด้วย
ด้าน "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ธุรกิจอสังหาฯ ปี 67 ที่อยู่ในระดับ"ทรงตัว" กับ "ติดลบ" เกิดจากการทำตลาดยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากฐานใหญ่ (ตลาดระดับกลาง-ล่าง) ยังได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ถดถอย ขณะที่ ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญมรสุมการชำระหนี้ตราสารหนี้คงค้าง (Roll-over) ต่อเนื่องจากปี 66 เนื่องจากแหล่งเงินทุนหลักของอสังหาฯ มาจากการออกหุ้นกู้
ส่วน "ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ" กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด เสริมว่า ณ ปัจจุบัน อสังหาฯไทยมีสินค้าคงเหลือและสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ที่ 707,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.02% จากสิ้นไตรมาสแรกของปี 67
ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้ในครึ่งแรกของปี 67 จะใช้เวลาในการขายประมาณ 27 - 28 เดือน ในกรณีที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ โดย 3 บริษัท ที่มีสินค้าคงเหลือและสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากสุด ได้แก่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) มูลค่า 103,970 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14.69% รองลงมาคือ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) มูลค่า 76,334 ล้านบาท และ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP มูลค่า 72,451 ล้านบาท
*** งบครึ่งปีแรกพบ 5 หุ้นอสังหาฯพลิกขาดทุน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 พบว่า มี 5 บริษัทในกลุ่มอสังหาฯที่พลิกรายงานขาดทุนสุทธิ นำโดย บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ที่งวด 6 เดือนพลิกขาดทุนสุทธิ 578 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22.61 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทีอยู่อาศัยชะลอตัวในภาวะเศรษฐกิจทียังไม่ฟื้นตัว และกําลังซื้ออ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูง ส่งผลให้ยอดขายของ MK ช่วงดังกล่าวทำได้เพียง 310.66 ล้านบาท ลดลง 63.40% จากป่ีก่อน
ด้าน บมจ.ปรีชากรุ๊ป (PRECHA) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 15.83 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2.51 ล้านบาท เนื่องด้วยกำลังซื้อกลุ่มอสังหาฯที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง 17.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ฟาก บมจ.สัมมากร (SAMCO) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 16.51 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 18.11 ล้านบาท กดดันโดยกำลังซื้อในตลาดอสังหาฯที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้รวมของ SAMCO อยู่ที่ 929 ล้านบาท ลดลง 7.53% จากปีก่อน
บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 42.27 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 84.86 ล้านบาท สะท้อนจากรายได้ที่ 670 ล้านบาท ลดลง 41.10% จากปีก่อน สอดรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ทําให้ยอดขายลดลงตามไปด้วย
ขณะที่ บมจ.เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 8.86 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 120.17 ล้านบาท หลังภาวะอุตสาหกรรมอ่อนแอ และทิศทางดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ช่วงดังกล่าวทำได้ 685.02 ล้านบาท ลดลง 48.92% จากปีก่อน
*** โบรกฯลุ้นอสังหาฯฟื้น H2/67 หลังมีมาตรการกระตุ้น
บทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) คาดว่า ผลกำไรของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่จะเข้ามาในครึ่งปีหลัง จากยอด backlog และ presales ที่อยู่อาศัยแนวราบและยอดขายสต็อกคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เชื่อว่าการลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท/ยูนิต น่าจะช่วยกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งปีหลัง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยังคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) เพราะมองว่ายอด presales และกำไรจากการดำเนินงานปกติมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 67 แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 8.2-9.0% ในปี 67-68 ยังคงน่าสนใจ อีกทั้งการประเมินมูลค่าที่ P/E 6.1 เท่าในปี 68 หรือต่ำกว่า -2SD ของ P/E ล่วงหน้าเฉลี่ยย้อนหลัง น่าจะมี downside จำกัด
ทั้งนี้ เลือก AP และ SIRI เป็นหุ้น Top pick ชอบ SIRI เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯ ของบริษัท outperform คู่แข่งและอัตราผลตอบแทนสูง และยังชอบ AP เนื่องจากบริษัทน่าจะมีกำไรสุทธิ กลับมาเติบโตแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง และ valuation ไม่สูง อย่างไรก็ตามมองว่ากลุ่มอสังหาฯจะมี downside risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วน upside risk จะมาจากการผ่อนคลาย LTV และการปรับลดดอกเบี้ย
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังหารือกับผู้ประกอบการและกลุ่มธนาคารเกี่ยวกับเกรฑ์ LTV เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัยมองเป็นเรื่องที่ดีที่ ธปท.มีท่าทีผ่อนผัน เปลี่ยนใจกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งมองว่า กฎเกณฑือาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการหารือ
แต่หากวิเคราะห์จากการผ่อนคลาย LTV ที่บังคับใช้ล่าสุดในช่วงปี 65 อสังหาฯสามารถปล่อยกู้ได้ 100% ทุกระดับราคา บวกกับปัจจุบันยังมีมาตรการลดค่าโอน-จำนอง อสังหาฯราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเข้ามาเสริม จะช่วยกระตุ้นอสังหาฯได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในโซนกรุงเทพฯ - ปริมณฑล มากที่สุดกว่า 61% ของมูลค่าโอนทั้งหมด
ส่วนใหญ่เป็นช่วงระดับราคาอสังหาฯ 3 - 5 ล้านบาท และมากกว่า 10 ล้านบาท ทำให้ทางฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ชอบผู้ประกอบการที่ทำโครงการอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก อาทิ AP, OSI ,SC และ SIRI แต่หากมีการผ่อนผันมาตรการ LTV มากเกินไป อาจเกิดการเก็งกำไรคอนโดฯตามมาจนเกิดภาวะฟองสบู่
*** ฟากกลุ่มยานยนต์ กำไรครึ่งปีแรกวูบถึง 20%
ขณะเดียวกัน กลุ่มยานยนต์ มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 รวมกันที่ 1,278 ล้านบาท ลดลง 41.11% จากปีก่อน ขณะที่ กำไรสุทธิ 6 เดือนของปีรวมกอยู่ที่ 4,205 ล้านบาท ลดลง 19.86% จากปีก่อน โดยมีถึง 13 บริษัท ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวลดลง และมีเพียง 8 บริษัทเท่านั้น ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าว มีกำไรสุทธิ ประกอบด้วย
ตารางแสดงงบการเงินกลุ่มยานยนต์
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร Q2/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
กำไร H1/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
NEX
|
-255.61
|
พลิกขาดทุน
|
-206.31
|
พลิกขาดทุน
|
TNPC
|
-28.52
|
พลิกขาดทุน
|
-26.99
|
พลิกขาดทุน
|
TKT
|
45
|
พลิกกำไร
|
-6.54
|
ขาดทุนลดลง
|
CWT
|
-97
|
พลิกขาดทุน
|
6.54
|
-84.18
|
MGC
|
50.3
|
-57.09
|
40.79
|
-79.49
|
AH
|
102.73
|
-74.94
|
422.23
|
-56.55
|
GYT
|
47.78
|
-37.26
|
52.49
|
-41.16
|
SAT
|
140.19
|
-37.19
|
327.28
|
-34.23
|
EASON
|
23.99
|
-17.73
|
45.1
|
-21.63
|
PCSGH
|
145.37
|
-35.68
|
313.14
|
-18.28
|
SPG
|
67.55
|
-3.79
|
154.42
|
-12.14
|
ACG
|
5.16
|
-12.98
|
12.21
|
-4.83
|
TRU
|
42.47
|
39.20
|
112.33
|
2.32
|
POLY
|
47.52
|
211.61
|
93.72
|
117.10
|
HFT
|
114.66
|
57.41
|
263.13
|
159.80
|
HFT
|
114.66
|
57.44
|
263.13
|
159.80
|
IHL
|
38.28
|
820.19
|
59.92
|
236.06
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร Q1 ปี 67/68 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
กำไรปี 66/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
INGRS
|
30.63
|
-34.20
|
8.12
|
พลิกกำไร
|
STANLY
|
307.81
|
-2.25
|
1,756.92
|
0.64
|
3K-BAT
|
93.03
|
พลิกกำไร
|
145.26
|
16.66
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร Q3 ปี 66/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
กำไรปี 65/66 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
TSC
|
83.92
|
21.57
|
208.61
|
-25.12
|
IRC
|
158.74
|
433.94
|
159.77
|
45.32
|
ที่มา : SETSMART ณ 14 ส.ค.67
INGRS : งบปี 67/68 (เริ่ม ก.พ.สิ้นสุด ม.ค.ปีถัดไป)
STANLY : งบปี 67/68 (เริ่ม เม.ย.สิ้นสุด พ.ค.ปีถัดไป)
3K-BAT : งบปี 67/68 (เริ่ม เม.ย.สิ้นสุด พ.ค.ปีถัดไป)
TSC : งบปั 66/67 (เริ่ม ต.ค.สิ้นสุด ก.ย.ปีถัดไป)
IRC : งบปั 66/67 (เริ่ม ต.ค.สิ้นสุด ก.ย.ปีถัดไป)
|
KKP Research ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มยานยนต์ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพราะตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ได้ผ่านจุดสูงสุดและเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวนับตั้งแต่ปี 61 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาลงต่อเนื่อง
อีกทั้งในอนาคตมีแนวโน้มไม่สามารถรองรับรถยนต์ EV จีนที่จะทะลักเข้ามาในตลาดและที่กำลังจะมีการผลิตภายในประเทศได้ทั้งหมด ทางออกที่สำคัญ คือ ความสามารถในการส่งออก EV จากไทยไปยังประเทศอื่นที่จะช่วยพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปได้
*** งบครึ่งปีแรกพบ 3 หุ้นยานยนต์รายงานขาดทุน
โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 พบว่า 3 บริษัทในกลุ่มยานยนต์รายงานขาดทุนสุทธิ นำโดย บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวพลิกขาดทุนสุทธิ 206.31 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 504.59 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากยอดจายรถยนต์ไฟฟ้าทำได้เพียง 2,399 ล้านบาท ลดลง 57.73% จากปีก่อน
ด้าน บมจ.ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวพลิกขาดทุนสุทธิ 26.99 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2 ล้านบาท กดดันจากรายได้จากการขายลดลง 16.37% หลังลูกค้ายานยนต์ได้รับผลกระทบจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้ง ต้นทุนการขายยังเพิ่มขึ้นอีก 19.81% จากปีก่อน
ฟาก บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวขาดทุนสุทธิ 6.54 ล้านบาท แต่ยังดีกว่าปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 18.33 ล้านบาท ปัจจัยหลักเป็นเพราะต้นทุนขายและบริการลดลง 19.01 ล้านบาท หรือ ลดลง 7.37% จากปีก่อน ทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น 14.37 ล้านบาท ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 4.84 ล้านบาท หรือ ลดลง 10.41% จากปีก่อน
*** ยานยนต์ปีนี้ฟื้นยาก รับอุตสาหกรรมจ่อแย่สุดรอบ 14 ปี
"นฤดม มุจจลินทร์กูล" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า สงครามราคารถ EV ในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาสนใจรถ EV มากขึ้น ซึ่งประมาณ 90% ยังต้องนําเข้ามาจากต่างประเทศ เชื่อว่าสงครามราคาจะปะทุขึ้นอีกระลอกในไตรมาส 4/67 ช่วงที่มีการจัด Motor Expo ในเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังใช้แนวทางการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงอีกด้วย
ขณะที่ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลงต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโรงงานหลายแห่งที่กําหนดชั่วโมงการทํางานสั้นลง และมีการปลดคนงาน ส่งผลกระทบต่อรายได้ของลูกจ้าง และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ลงอีก 6% จากเดิม 1.75 ล้านคัน เหลือ 1.65 ล้านคัน (ลดลง 10% จากปีก่อน) พร้อมทั้งปรับลดประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ลงอีก 7% เหลือ 650,000 คัน (ลดลง 16% จากปีก่อน) และปรับลดประมาณการยอดส่งออกรถปีนี้ลงอีก 1% เหลือ 1.09 ล้านคัน (ลดลง 2% จากปีก่อน)
ทั้งนี้ ประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี 67 อาจจะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 14 ปี (ไม่รวมปีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19) คาดว่ายอดผลิตรถยนต์รายเดือนอาจจะเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4/67 ซึ่งหมายความว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มยานยนต์จะแย่ลงจากปีก่อนอีกในช่วงไตรมาส 3/67
โดยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มยานยนต์ ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) โดยมองว่าประมาณการกําไรของทุกบริษัทในกลุ่มยังมีดาวน์ไซด์อีก ซึ่งจะปรับลดประมาณการกําไรของบริษัทในกลุ่มลงในระยะข้างหน้า