หลัง บจ.รายงานงบ Q2/67 เสร็จสิ้น พบหุ้น 2 กลุ่มอาการร่อแร่ อสังหาฯขาดทุนถึง 19 บริษัท จาก 59 บริษัท หลังกำลังซื้อลดตามภาวะเศรษฐกิจ แถมดอกเบี้ยขาขึ้นฉุดอีกแรง ด้านโบรกฯมอง H2/67 ยังมีลุ้นฟื้นได้ หลังมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากแบงก์ชาติ ฟากหุ้นยานยนต์กำไรวูบแรง 20% ตามภาวะตลาดผ่านจุดสูงสุด แต่ดูจะหนักกว่าอสังหาฯ โบรกฯมองช่วงที่เหลือของปียังเหนื่อย หลังเห็นสัญญาณผลิตรถยนต์อ่อนแอกว่าคาด !
*** อสังหาฯอ่วมงบ 6 เดือนขาดทุนถึง 19 บจ.
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับฤดูการประกาศงบการเงินบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 2/67 โดยเมื่อสำรวจงบการเงินของ บจ.กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า หุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มยานยนต์ มีผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยกลุ่มอสังหาฯช่วงไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิรวม 16,942 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.8% จากปีก่อน ขณะที่ กำไรสุทธิ 6 เดือนของปีรวมอยู่ที่ 31,836 ล้านบาท เติบโตขึ้น 0.3% จากปีก่อน โดยมีถึง 19 บริษัท ที่กำไรสุทธิยังขาดทุนอยู่ และอีก 22 บริษัท กำไรสุทธิลดลง 12 - 99 ล้านบาท โดยมีเพียง 18 บริษัทที่มีกำไรสุทธิ ประกอบด้วย
ตารางแสดงงบการเงินกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ |
ชื่อย่อหุ้น | กำไร Q2/67 (ลบ.) | %chg YoY | กำไร H1/67 (ลบ.) | %chg YoY |
MK | -50.74 | พลิกขาดทุน | -578.26 | พลิกขาดทุน |
PRECHA | -8.19 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -15.83 | พลิกขาดทุน |
SAMCO | -29.03 | พลิกขาดทุน | -16.51 | พลิกขาดทุน |
CGD | -39.38 | พลิกขาดทุน | -42.27 | พลิกขาดทุน |
NCH | -3.09 | พลิกขาดทุน | -8.86 | พลิกขาดทุน |
BROCK | -6.79 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -9.66 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
MJD | -115.16 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -181.53 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
BLAND | -54.64 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -121.26 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
RICHY | -29.92 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -64.88 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
RML | -327.24 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -582.34 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
NUSA | -256.99 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -383.5 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
KC | -24.57 | ขาเดทุนเพิ่มขึ้น | -74.21 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น |
RABBIT | -36.83 | ขาดทุนลดลง | -185.2 | ขาดทุนลดลง |
POLAR | -5.99 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -14.02 | ขาดทุนลดลง |
CI | -131.18 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -109.91 | ขาดทุนลดลง |
CMC | -85.7 | -20.82 | -139.68 | ขาดทุนลดลง |
A | -22.84 | ขาดทุนลดลง | -93.72 | ขาดทุนลดลง |
AKS | -37.13 | ขาดทุนลดลง | -86.89 | ขาดทุนลดลง |
EVER | -76.81 | ขาดทุนลดลง | -141.99 | ขาดทุนลดลง |
UV | -40.08 | พลิกขาดทุน | 6.72 | -99.05 |
ORN | -2.33 | พลิกขาดทุน | 8.07 | -93.51 |
UV | 59.04 | พลิกกำไร | 65.76 | -86.86 |
PSH | 313.71 | -69.77 | 379.13 | -77.57 |
PRIN | 16.16 | -83.25 | 31.63 | -76.85 |
WIN | 0.19 | -96.86 | 1.59 | -69.71 |
PEACE | 21.54 | -62.34 | 39.25 | -69.49 |
NVD | 4.55 | -73.47 | 26.43 | -49.24 |
ORI | 451.70 | -48.26 | 915.79 | -45.19 |
LALIN | 145.90 | -29.57 | 253.12 | -42.60 |
PROUD | 11.58 | 32.49 | 88.18 | -39.87 |
SC | 531.28 | -10.42 | 713.89 | -36.69 |
BRI | 206.46 | -40.69 | 502.88 | -25.68 |
FPT | 158.53 | -49.99 | 475.07 | -24.82 |
AP | 1,268.80 | -17.85 | 2,277.13 | -24.67 |
LPN | 96.42 | 10.70 | 179.97 | -22.47 |
SPALI | 1,598.90 | -5.99 | 2,212.54 | -20.44 |
LH | 1,017.02 | -29.85 | 2,248.05 | -19.82 |
SIRI | 1,387.05 | -14.44 | 2,702.03 | -15.64 |
AMATA | 231.17 | -26.22 | 694.75 | -13.73 |
SENA | 74.60 | -41.27 | 185.54 | -13.01 |
QH | 620 | -7.38 | 1,110.09 | -12.02 |
GLAND | 84.59 | 14.31 | 171.82 | 8.84 |
NOBLE | 124.34 | 11.16 | 203.02 | 10.09 |
AWC | 1,247.18 | 11.18 | 2,851.74 | 12.11 |
CPN | 4,555.79 | 23.87 | 8,709.96 | 25.80 |
NNCL | 96.32 | -15.20 | 255.98 | 35.10 |
PF | -177.77 | ขาดทุนเพิ่มขึ้น | -246.56 | 44.39 |
MBK | 776.61 | 7.55 | 1,443.38 | 61.36 |
WHA | 1,288.55 | 48.77 | 2,653.47 | 91.06 |
ASW | 593.08 | 278.19 | 849.4 | 93.13 |
JCK | 51.01 | -74.73 | 451.34 | 138.30 |
PIN | 418.54 | 163.40 | 871.45 | 175.92 |
SA | 68.66 | 702.10 | 178.4 | 186.54 |
PLAT | 71.41 | 116.72 | 139.91 | 234.87 |
ROJNA | 628.51 | พลิกกำไร | 720.47 | 1,401.29 |
J | 134.34 | พลิกกำไร | 140.4 | 2,519.40 |
AMATAV | 52.42 | -8.44 | 84.96 | พลิกกำไร |
ANAN | 151.00 | พลิกกำไร | 80.12 | พลิกกำไร |
S | -52.12 | ขาดทุนลดลง | 10.09 | พลิกกำไร |
ที่มา : SETSMART ณ 14 ส.ค.67 |
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอลง เป็นเพราะที่ผ่านมามีแรงกดดันจากปัจจัยมหภาค และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นด้วย
ด้าน "ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ธุรกิจอสังหาฯ ปี 67 ที่อยู่ในระดับ"ทรงตัว" กับ "ติดลบ" เกิดจากการทำตลาดยากและมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากฐานใหญ่ (ตลาดระดับกลาง-ล่าง) ยังได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ถดถอย ขณะที่ ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญมรสุมการชำระหนี้ตราสารหนี้คงค้าง (Roll-over) ต่อเนื่องจากปี 66 เนื่องจากแหล่งเงินทุนหลักของอสังหาฯ มาจากการออกหุ้นกู้
ส่วน "ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ" กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด เสริมว่า ณ ปัจจุบัน อสังหาฯไทยมีสินค้าคงเหลือและสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ที่ 707,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.02% จากสิ้นไตรมาสแรกของปี 67
ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้ในครึ่งแรกของปี 67 จะใช้เวลาในการขายประมาณ 27 - 28 เดือน ในกรณีที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ โดย 3 บริษัท ที่มีสินค้าคงเหลือและสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนามากสุด ได้แก่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) มูลค่า 103,970 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14.69% รองลงมาคือ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) มูลค่า 76,334 ล้านบาท และ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP มูลค่า 72,451 ล้านบาท
*** งบครึ่งปีแรกพบ 5 หุ้นอสังหาฯพลิกขาดทุน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 พบว่า มี 5 บริษัทในกลุ่มอสังหาฯที่พลิกรายงานขาดทุนสุทธิ นำโดย บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ที่งวด 6 เดือนพลิกขาดทุนสุทธิ 578 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22.61 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทีอยู่อาศัยชะลอตัวในภาวะเศรษฐกิจทียังไม่ฟื้นตัว และกําลังซื้ออ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูง ส่งผลให้ยอดขายของ MK ช่วงดังกล่าวทำได้เพียง 310.66 ล้านบาท ลดลง 63.40% จากป่ีก่อน
ด้าน บมจ.ปรีชากรุ๊ป (PRECHA) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 15.83 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2.51 ล้านบาท เนื่องด้วยกำลังซื้อกลุ่มอสังหาฯที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง 17.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ฟาก บมจ.สัมมากร (SAMCO) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 16.51 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 18.11 ล้านบาท กดดันโดยกำลังซื้อในตลาดอสังหาฯที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้รวมของ SAMCO อยู่ที่ 929 ล้านบาท ลดลง 7.53% จากปีก่อน
บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 42.27 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 84.86 ล้านบาท สะท้อนจากรายได้ที่ 670 ล้านบาท ลดลง 41.10% จากปีก่อน สอดรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ทําให้ยอดขายลดลงตามไปด้วย
ขณะที่ บมจ.เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) ผลการดำเนินงาน 6 เดือน พลิกขาดทุนสุทธิ 8.86 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 120.17 ล้านบาท หลังภาวะอุตสาหกรรมอ่อนแอ และทิศทางดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้รายได้ช่วงดังกล่าวทำได้ 685.02 ล้านบาท ลดลง 48.92% จากปีก่อน
*** โบรกฯลุ้นอสังหาฯฟื้น H2/67 หลังมีมาตรการกระตุ้น
บทวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) คาดว่า ผลกำไรของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่จะเข้ามาในครึ่งปีหลัง จากยอด backlog และ presales ที่อยู่อาศัยแนวราบและยอดขายสต็อกคอนโดมิเนียมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เชื่อว่าการลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท/ยูนิต น่าจะช่วยกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งปีหลัง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยังคงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) เพราะมองว่ายอด presales และกำไรจากการดำเนินงานปกติมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 67 แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 8.2-9.0% ในปี 67-68 ยังคงน่าสนใจ อีกทั้งการประเมินมูลค่าที่ P/E 6.1 เท่าในปี 68 หรือต่ำกว่า -2SD ของ P/E ล่วงหน้าเฉลี่ยย้อนหลัง น่าจะมี downside จำกัด
ทั้งนี้ เลือก AP และ SIRI เป็นหุ้น Top pick ชอบ SIRI เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯ ของบริษัท outperform คู่แข่งและอัตราผลตอบแทนสูง และยังชอบ AP เนื่องจากบริษัทน่าจะมีกำไรสุทธิ กลับมาเติบโตแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง และ valuation ไม่สูง อย่างไรก็ตามมองว่ากลุ่มอสังหาฯจะมี downside risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วน upside risk จะมาจากการผ่อนคลาย LTV และการปรับลดดอกเบี้ย
ด้าน บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังหารือกับผู้ประกอบการและกลุ่มธนาคารเกี่ยวกับเกรฑ์ LTV เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น โดยฝ่ายวิจัยมองเป็นเรื่องที่ดีที่ ธปท.มีท่าทีผ่อนผัน เปลี่ยนใจกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งมองว่า กฎเกณฑือาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการหารือ
แต่หากวิเคราะห์จากการผ่อนคลาย LTV ที่บังคับใช้ล่าสุดในช่วงปี 65 อสังหาฯสามารถปล่อยกู้ได้ 100% ทุกระดับราคา บวกกับปัจจุบันยังมีมาตรการลดค่าโอน-จำนอง อสังหาฯราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทเข้ามาเสริม จะช่วยกระตุ้นอสังหาฯได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในโซนกรุงเทพฯ - ปริมณฑล มากที่สุดกว่า 61% ของมูลค่าโอนทั้งหมด
ส่วนใหญ่เป็นช่วงระดับราคาอสังหาฯ 3 - 5 ล้านบาท และมากกว่า 10 ล้านบาท ทำให้ทางฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ชอบผู้ประกอบการที่ทำโครงการอยู่ในกรุงเทพฯเป็นหลัก อาทิ AP, OSI ,SC และ SIRI แต่หากมีการผ่อนผันมาตรการ LTV มากเกินไป อาจเกิดการเก็งกำไรคอนโดฯตามมาจนเกิดภาวะฟองสบู่
*** ฟากกลุ่มยานยนต์ กำไรครึ่งปีแรกวูบถึง 20%
ขณะเดียวกัน กลุ่มยานยนต์ มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 รวมกันที่ 1,278 ล้านบาท ลดลง 41.11% จากปีก่อน ขณะที่ กำไรสุทธิ 6 เดือนของปีรวมกอยู่ที่ 4,205 ล้านบาท ลดลง 19.86% จากปีก่อน โดยมีถึง 13 บริษัท ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวลดลง และมีเพียง 8 บริษัทเท่านั้น ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าว มีกำไรสุทธิ ประกอบด้วย
ตารางแสดงงบการเงินกลุ่มยานยนต์ |
ชื่อย่อหุ้น | กำไร Q2/67 (ลบ.) | %chg YoY | กำไร H1/67 (ลบ.) | %chg YoY |
NEX | -255.61 | พลิกขาดทุน | -206.31 | พลิกขาดทุน |
TNPC | -28.52 | พลิกขาดทุน | -26.99 | พลิกขาดทุน |
TKT | 45 | พลิกกำไร | -6.54 | ขาดทุนลดลง |
CWT | -97 | พลิกขาดทุน | 6.54 | -84.18 |
MGC | 50.3 | -57.09 | 40.79 | -79.49 |
AH | 102.73 | -74.94 | 422.23 | -56.55 |
GYT | 47.78 | -37.26 | 52.49 | -41.16 |
SAT | 140.19 | -37.19 | 327.28 | -34.23 |
EASON | 23.99 | -17.73 | 45.1 | -21.63 |
PCSGH | 145.37 | -35.68 | 313.14 | -18.28 |
SPG | 67.55 | -3.79 | 154.42 | -12.14 |
ACG | 5.16 | -12.98 | 12.21 | -4.83 |
TRU | 42.47 | 39.20 | 112.33 | 2.32 |
POLY | 47.52 | 211.61 | 93.72 | 117.10 |
HFT | 114.66 | 57.41 | 263.13 | 159.80 |
HFT | 114.66 | 57.44 | 263.13 | 159.80 |
IHL | 38.28 | 820.19 | 59.92 | 236.06 |
ชื่อย่อหุ้น | กำไร Q1 ปี 67/68 (ลบ.) | %chg YoY | กำไรปี 66/67 (ลบ.) | %chg YoY |
INGRS | 30.63 | -34.20 | 8.12 | พลิกกำไร |
STANLY | 307.81 | -2.25 | 1,756.92 | 0.64 |
3K-BAT | 93.03 | พลิกกำไร | 145.26 | 16.66 |
ชื่อย่อหุ้น | กำไร Q3 ปี 66/67 (ลบ.) | %chg YoY | กำไรปี 65/66 (ลบ.) | %chg YoY |
TSC | 83.92 | 21.57 | 208.61 | -25.12 |
IRC | 158.74 | 433.94 | 159.77 | 45.32 |
ที่มา : SETSMART ณ 14 ส.ค.67 INGRS : งบปี 67/68 (เริ่ม ก.พ.สิ้นสุด ม.ค.ปีถัดไป) STANLY : งบปี 67/68 (เริ่ม เม.ย.สิ้นสุด พ.ค.ปีถัดไป) 3K-BAT : งบปี 67/68 (เริ่ม เม.ย.สิ้นสุด พ.ค.ปีถัดไป) TSC : งบปั 66/67 (เริ่ม ต.ค.สิ้นสุด ก.ย.ปีถัดไป) IRC : งบปั 66/67 (เริ่ม ต.ค.สิ้นสุด ก.ย.ปีถัดไป) |
KKP Research ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มยานยนต์ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นเพราะตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ได้ผ่านจุดสูงสุดและเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวนับตั้งแต่ปี 61 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาลงต่อเนื่อง
อีกทั้งในอนาคตมีแนวโน้มไม่สามารถรองรับรถยนต์ EV จีนที่จะทะลักเข้ามาในตลาดและที่กำลังจะมีการผลิตภายในประเทศได้ทั้งหมด ทางออกที่สำคัญ คือ ความสามารถในการส่งออก EV จากไทยไปยังประเทศอื่นที่จะช่วยพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปได้
*** งบครึ่งปีแรกพบ 3 หุ้นยานยนต์รายงานขาดทุน
โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 พบว่า 3 บริษัทในกลุ่มยานยนต์รายงานขาดทุนสุทธิ นำโดย บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวพลิกขาดทุนสุทธิ 206.31 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 504.59 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากยอดจายรถยนต์ไฟฟ้าทำได้เพียง 2,399 ล้านบาท ลดลง 57.73% จากปีก่อน
ด้าน บมจ.ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวพลิกขาดทุนสุทธิ 26.99 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2 ล้านบาท กดดันจากรายได้จากการขายลดลง 16.37% หลังลูกค้ายานยนต์ได้รับผลกระทบจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้ง ต้นทุนการขายยังเพิ่มขึ้นอีก 19.81% จากปีก่อน
ฟาก บมจ.ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม (TKT) ผลการดำเนินงานช่วงดังกล่าวขาดทุนสุทธิ 6.54 ล้านบาท แต่ยังดีกว่าปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 18.33 ล้านบาท ปัจจัยหลักเป็นเพราะต้นทุนขายและบริการลดลง 19.01 ล้านบาท หรือ ลดลง 7.37% จากปีก่อน ทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น 14.37 ล้านบาท ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 4.84 ล้านบาท หรือ ลดลง 10.41% จากปีก่อน
*** ยานยนต์ปีนี้ฟื้นยาก รับอุตสาหกรรมจ่อแย่สุดรอบ 14 ปี
"นฤดม มุจจลินทร์กูล" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า สงครามราคารถ EV ในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยหันมาสนใจรถ EV มากขึ้น ซึ่งประมาณ 90% ยังต้องนําเข้ามาจากต่างประเทศ เชื่อว่าสงครามราคาจะปะทุขึ้นอีกระลอกในไตรมาส 4/67 ช่วงที่มีการจัด Motor Expo ในเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังใช้แนวทางการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น จากความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงอีกด้วย
ขณะที่ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลงต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโรงงานหลายแห่งที่กําหนดชั่วโมงการทํางานสั้นลง และมีการปลดคนงาน ส่งผลกระทบต่อรายได้ของลูกจ้าง และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้ลงอีก 6% จากเดิม 1.75 ล้านคัน เหลือ 1.65 ล้านคัน (ลดลง 10% จากปีก่อน) พร้อมทั้งปรับลดประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ลงอีก 7% เหลือ 650,000 คัน (ลดลง 16% จากปีก่อน) และปรับลดประมาณการยอดส่งออกรถปีนี้ลงอีก 1% เหลือ 1.09 ล้านคัน (ลดลง 2% จากปีก่อน)
ทั้งนี้ ประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี 67 อาจจะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 14 ปี (ไม่รวมปีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19) คาดว่ายอดผลิตรถยนต์รายเดือนอาจจะเริ่มดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 4/67 ซึ่งหมายความว่าผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มยานยนต์จะแย่ลงจากปีก่อนอีกในช่วงไตรมาส 3/67
โดยยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มยานยนต์ ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) โดยมองว่าประมาณการกําไรของทุกบริษัทในกลุ่มยังมีดาวน์ไซด์อีก ซึ่งจะปรับลดประมาณการกําไรของบริษัทในกลุ่มลงในระยะข้างหน้า