ตลท.กางสถิติ ณ 20 มิ.ย.67 สัดส่วนถือครองนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเป็น 29.62% จากสิ้นปี 66 ที่ 29.43% สะท้อนว่าต่างชาติยังไม่ได้ทิ้งหุ้นไทย แจงเหตุมูลค่าถือครองลดลง 3.88 แสนล้านบาท หรือ 7.4% จากต้นปี เกิดจากผลกระทบราคาหุ้นถึง 80% ส่วนอีก 20% มาจากกิจกรรมอื่น เช่น เพิกถอน, Corporate Actions หรือ ระดมทุนในตลาดรอง เป็นต้น ทั้งนี้พบจำนวนหุ้นที่ถือครองเพิ่มอีก 24 หลักทรัพย์ รวม 847 หลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามพบสถิติปีนี้ขายสุทธิแล้ว 1.2 แสนล้านบาท
*** ต่างชาติถือครองหุ้นไทยเพิ่มเป็น 29.62%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยข้อมูลสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของนักลงทุนต่างประเทศตั้งแต่ต้นปี - 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า นักลงทุนกลุ่มดังกล่าว มีสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็น 29.62% เทียบกับสิ้นปีก่อนอยู่ที่ระดับ 29.43% โดยมีเหตุผลสนับสนุน ดังนี้
1.มูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ ลดลง 7.4% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ที่ลดลง 7.7% ส่งผลให้สัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 29.62% ที่กล่าวมาข้างต้น
2.ตลอดช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯเก็บข้อมูล ยังพบว่า มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 115 บริษัท ระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดรองรวม 235 กิจกรรม ทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากการระดมทุนในตลาดรอง 1.04 แสนล้านหุ้น และมีมูลค่าระดมทุนรวม 30,396 ล้านบาท ดังนั้น การระดมทุนในตลาดรอง ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งนักลงทุนต่างประเทศมีจำนวนหุ้นในการถือครองพิ่มขึ้นด้วย
3.นักลงทุนต่างประเทศมีการถือครองหุ้นไทย ณ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มเป็น 847 หลักทรัพย์ เทียบกับ ณ สิ้นปี 66 นักลงทุนต่างปรเทศ ถือครองหุ้นไทย จำนวน 823 หลักทรัพย์ หรือเพิ่มขึ้น 24 หลักทรัพย์
โดยการเพิ่มขึ้นของหลักทรัพย์ที่ถือครองส่วนนี้ แบ่งเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทที่เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในปีนี้ จำนวน 17 บริษัท และบริษัทที่เสนอขาย IPO ก่อนปี 67 และถือครองมาจนถึงปัจจุบัน จำนวน 13 บริษัท รวม 30 บริษัท แต่ต้องลดการถือครองหุ้นกลุ่มที่ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 2 บริษัท และหลักทรัพย์ที่ถูกนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกไปทั้วหมด จำนวน 4 บริษัท จึงเป็นการถือครองหุ้นเพิ่มขึ้น 24 หลักทรัพย์
*** แต่มูลค่าถือครองวูบ 3.88 แสนลบ. เหตุราคาดิ่งตาม SET
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาข้อมูลมูลค่าการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศ พบว่า ล่าสุดนักลงทุนกลุ่มดังกล่าว มีการถือครองหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่า 4.73 ล้านล้านบาท ลดลง 3.88 แสนล้านบาท จากสิ้นปีก่อน หรือคิดเป็นการลดลง 7.4% ซึ่งการลดลงดังกล่าว สอดคล้องกับมูลค่าตามราคาหลักทรัพย์ของตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของตลาดหุ้นไทยที่ลดลง 7.7% และผลตอบแทนดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ติดลบ 8.3%
โดย ผลกระทบหลักที่ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศลดลง 80% เกิดจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น (Price Effect)
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างประเทศ ยังมีการถือครองหุ้นในดัชนี SET50 มากที่สุด คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 3.79 ล้านล้านบาท แต่ลดลง 8% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับผลตอบแทนของดัชนี SET50 ที่ในช่วงดังกล่าว ให้ผลตอบแทนติดลบ 7.8% อีกด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว นักลงทุนต่างประเทศมีการถือครองหุ้นของ 446 บริษัท ลดลงด้วย ส่งผลให้มูลค่าการถือครองของนักลงทุนต่างประเทศ ลดลงจากส่วนนี้ 4.7 แสนล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากราคาหุ้นของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ปรับตัวลงมาก, การขายสุทธิเพื่อปรับพอร์ต ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นกลยุทธ์ การปรับโครงสร้างบริษัทในเครือ การเปลี่ยนแปลงตามการปรับองค์ประกอบใน International Benchmarking Index เป็นต้น
อีกทั้ง มูลค่าการถือครองหุ้นไทยที่ลดลงของนักลงทุนต่างประเทศ ยังเป็นผลมาจาก 2 บริษัท ที่เคยถือครองหุ้นอยู่ ถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมูลค่ารวมกัน 4.19 พันล้านบาท ประกอบกับ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นจากกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การเข้าจดทะเบียนซื้อขายของหลักทรัพย์ใหม่, กิจกรรมซื้อขายหลักทรัพย์, กิจกรรม Corporate Actions และการระดมทุนในตลาดรอง ตลอดจนการเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เป็นต้น
*** เผยสถิติตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติขายสุทธิ 1.2 แสนลบ.
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี (1 ม.ค. - 15 ก.ค.67) นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยสูงถึง 1.21 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายสุทธิ 1.14 แสนล้านบาท ขณะที่ทั้งปี 66 ขายสุทธิ 1.92 แสนล้านบาท
