efinancethai

ประเด็นร้อน

หุ้นไทย "ซื้อได้" ยังไม่ "Overbought" ปัจจัยบวกเพียบ ให้แนวต้านแรก 1,450 จุด เน้นเก็บหุ้นรับอานิสงส์นโยบายรัฐฯ

หุ้นไทย

โบรกฯผสานเสียงหุ้นไทยยัง"ซื้อได้ "มองยังไม่ "Overbought" รับปัจจัยบวกเพียบ อาทิ ครม.ชัด เตรียมแถลงนโยบายกลางเดือนนี้ - ธนาคารกลางสหรัฐฯจ่อลดดอกเบี้ยครั้งแรก แถมมีกองทุน"วายุภักษ์"รอหนุนต้นเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ ให้แนวต้านแรก 1,450 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนเน้นเก็บหุ้นรับอานิสงส์นโยบายรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นค้าปลีกติดโผเพียบ ! 

 

*** SET พุ่งไม่หยุด รับหลายปัจจัยบวกหนุน

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากราว 100 จุด เป็นเพราะการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดยังมีความเชื่อมั่นอยู่ ส่วนวันทำการที่ผ่านมา (5 ก.ย.67) ดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นแรงได้ต่อ มีปัจจัยหนุนจากความชัดเจนการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเตรียมแถลงนโยบายแล้ว


อีกทั้ง รัฐบาลยังมีงบประมาณปี 67 - 68 ใช้งานต่อเนื่องแบบล้นมือ ทำให้คาดการณ์ว่า จะเห็นเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะข้างหน้า ประกอบกับ มีความชัดเจนในการกลับมาของกองทุนวายุภักษ์ ที่จะเริ่มซื้อตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่จะถึงนี้ พร้อมกับเงื่อนไขที่จูงใจนักลงทุนมากขึ้น และเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง จากความหวังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมลดดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนนี้


เช่นเดียวกับ "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ที่ระบุว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะสามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว (เดิมตลาดคาดใช้เวลาค่อนข้างนาน) ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ขณะที่ ปัจจัยหนุนการปรับตัวขึ้นต่ออย่างร้อนแรงในวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา คือ ความชัดเจนของคณะรัฐมนตรี ทำให้ตลาดมั่นใจว่าภาครัฐจะสามารถดำเนินนโยบายได้อย่างไร้รอยต่อ


สอดคล้องกับ "รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์" นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ที่มอง่า ปัจจัยหนุนที่ทำให้ SET Index ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ตั้งแต่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะการได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างรวดเร็ว ประกอบกับ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่แล้วเสร็จ ทำให้นโยบายดิจิทัล วอลเล็ท มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริง อีกทั้ง ยังมีกองทุนวายุภักษ์ที่เตรียมจะกลับมาทำงานอีกครั้งในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้

 

*** ส่วนใหญ่มองหุ้นไทยยังไม่ Overbought

"มงคล พ่วงเภตรา" ระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบันแม้ SET Index จะปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง แต่มองว่าหุ้นไทยยังไม่เข้าสู่โซนซื้อมากไป (Overbought)  เพราะการปรับตัวขึ้นรอบนี้มาจาก Fundamental จริง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนรัฐบาลที่มักจะหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นด้วย ขณะที่ ทางเทคนิค หลัง SET Index ฝ่าแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,330 จุดไปได้ ทำให้หุ้นไทยพลิกเป็นขาขึ้นทันที 


เช่นเดียวกับ "รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์" ที่มองว่า SET Index ณ ปัจจุบัน ยังไม่เข้าสู่โซนซื้อมากเกินไป สะท้อนจากแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยที่พลิกเป็นขาขึ้น นับตั้งแต่ผ่านช่วงต่ำสุด (Bottom) ที่ช่วงดัชนีประมาณ 1,270 จุด อีกทั้ง สถานการณ์การเมืองในประเทศดูมีแนวโน้มคลี่คลายมากขึ้นในรอบหลาย ๆ เดือน ทำให้ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ


ขณะที่่ "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เสริมว่า หุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเข้าสู่โซน Overbought เนื่องด้วยการปรับตัวขึ้นของดัชนีรอบนี้เป็นการปรับตัวขึ้นแบบกระชากแรง ทำให้อินดิเคเตอร์ตามไม่ทัน ซึ่งปกติการจะวัดว่าเข้าสู่ช่วง Overbought หรือยัง ตัวอินดิเคเตอร์จะแกว่งไปอยู่ในกรอบบนของเส้น EMA200 ซึ่งอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยว่าจะตั้งค่าไว้ที่เท่าไร

 

*** ให้แนวต้านถัดไปที่ 1,450 จุด ลุ้นปัจจัยบวกใหม่หนุนหุ้นไปต่อ 

"รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์" กล่าวว่า ในระยะถัดไป มีแนวโน้มที่ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,440 - 1,450 จุด ได้ หนุนจาก Fundamental ที่เข้ามาจำนวนมากในช่วงนี้ ซึ่งหากในระยะถัดไปมีเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) ไหลเข้าหุ้นไทย ก็จะสามารถดัน SET Index ยืนเหนือ 1,450 จุด ได้เช่นกัน 


สอดคล้องกับ "ณัฐพล คำถาเครือ" ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากดัชนีหุ้นไทยวันทำการล่าสุด ปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,400 จุด ได้อยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้แนวต้านถัดไปของ SET Index จะอยู่ที่ 1,405 - 1,410 จุด ซึ่งเมื่ออิงกับภาพการปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยที่ Outperform หุ้นภูมิภาคตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่่านมา ทำให้ภาพ SET Index ดูแข็งแกร่งมากขึ้น จึงไม่เชื่อว่าหลังจากนี้ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวลงแรงได้อย่างมีนัยสำคัญเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา โดยมองภาพดัชนีหุ้นไทยระยะถัดไปเป็นแบบ Sideway up และถ้า SET Index เคลื่อนไหวผ่านแนวต้านแรกที่ 1,410 จุด ได้ ก็มีโอกาสจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,450 ได้เหมือนกัน 


"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ระบุว่า SET Index เคลื่อนไหวแตะระดับ 1,400 จุด ณ วันทำการที่ผ่านมา หนุนจากประเด็นบวกที่ได้กล่าวไปข้างต้น ขณะที่ หลังจากดัชนียืนเหนือ 1,400 จุดได้แล้ว จะไปได้ต่อได้อีกไหม ยังคงต้องรอดูปัจจัยใหม่ ๆ เพิ่มเติมว่าจะมีอะไรเข้ามาหนุนเพิ่มเติม นอกเหนือจากประเด็นบวกที่กล่าวไปข้างต้นอีกหรือไม่ จึงทำให้ภาพ SET Index ในระยะสั้นยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันเท่าใดนัก


สอดคล้องกับ "มงคล พ่วงเภตรา" ที่มองว่า SET Index ที่ยืนเหนือ 1,400 จุด ช่วงบ่ายวันทำการที่ผ่านมา หนุนจากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่เป็นรูปเป็นร่างเป็นปัจจัยหนุนหลัก รองลงมา คือ การลดดอกเบี้ยนโยบายของ Fed แต่หลังจากนั้นต้องติดตามว่าจะมีปัจจัยใหม่ ๆ อะไรเข้ามาหนุนดัชนีหุ้นไทยให้ไปต่อได้อีกหรือไม่ ?


"ช่วงที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะตลาดดีใจกับการมีของใหม่ให้เล่น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดิจิทัล วอลเล็ท และการกลับมาของกองทุนวายุภักษ์ แต่หลังจากที่ SET Index สามารถยืนเหนือ 1,400 จุดได้ จะเป็นช่วงของจริงแล้ว เพราะจะเป็นการวัดประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลว่าจะดีแค่ไหน ถ้าดีมีอะไรใหม่ ๆ ให้ตลาดหุ้นมีความหวังก็ไปต่อได้ แต่ถ้าผลงานแย่กว่าคาด ก็จะเป็น Sentiment ลบต่อ SET Index ได้เช่นกัน" มงคล พ่วงเภตรา กล่าว 

 

*** ระยะสั้นยังมีปัจจัยลบต้องระวังบ้าง แต่ไม่หนักมาก

"รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์" กล่าวว่า ปัจจัยลบในช่วงสั้นที่นักลงทุนต้องระมัดระวังจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.ย.นี้ นำโดยการแถลงนโยบายของรัฐบาล ต้องติดตามว่านโยบายที่แถลงออกมาจะมีอะไรที่ทำให้ตลาดผิดหวังหรือไม่ ซึ่งยังมองเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่


ส่วนอีกหนึ่งปัจจัย คือ การลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอยู่แล้ว แต่ที่ต้องติดตาม คือ การส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในระยะถัดไปจะเป็นไปในทิศทางใด โดยปัจจุบันตลาดมีความหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยนโยบายยาวไปถึงปี 68 แต่ถ้าธนาคารกลางสหรัฐฯไม่ได้ส่งสัญญาณดังกล่าว ก็อาจทำให้ตลาดผิดหวังและกระทบต่อ SET Index ได้เช่นกัน 


ด้าน "มงคล พ่วงเภตรา" เสริมว่า ในระยะสั้น ยังมีปัจจัยลบที่จะกระทบ SET Index ที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามระหว่างอิหร่าน - อิสราเอล หรือ อิสราเอล - ฮามาส รวมทั้ง การรายงานผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในช่วงไตรมาส 3/67 ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล้กน้อย จากการเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ของหลาย ๆ บริษัทจดทะเบียนไทย แต่มองทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ไม่น่าใช่ปัจจัยที่จะกระทบ SET Index แรงมากนัก


ส่วน "ณัฐพล คำถาเครือ" ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจัยลบที่นักลงทุนยังต้องติดตาม คือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ? และจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า ? ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นปัจจัยลบที่ส่งผ่านมาถึงตลาดหุ้นได้เช่นกัน

 

*** กูรูส่วนใหญ่มองยังซื้อหุ้นได้ รับตลาดพลิกเป็นขาขึ้น

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ระบุว่า กลยุทธ์ลงทุน ยังคงแนะนำซื้อหุ้นได้ต่อตามแนวโน้ม SET Index ที่คาดจะยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยนักลงทุนที่มีหุ้นราคาบวกอยู่ อาจต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน และราคาเหมาะสมหากพบว่าใกล้ตึงตัวแล้ว อาจลดความเสี่ยงด้วยการขายทำกำไรออกไปก่อนได้ ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น ถือเป็นจังหวะที่ยังสามารถหุ้นพื้นฐานดีเข้าสะสมได้


สำหรับหุ้นที่แนะนำ ชอบหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนะนำ CPALL, CPAXT และ ICHI ส่วนหุ้นอีกหนึ่งกลุ่ม คือ กลุ่มที่มีแนวโน้มตกเป็นเป้าหมายการซื้อของกองทุนวายุภักษ์ โดยจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ระดับเรตติ้ง ESG สูง แนะนำ PTT, BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK, CRC, CPF, SCGP และ OR


ด้าน "มงคล พ่วงเภตรา" กล่าวว่า ถ้ามองทางเทคนิค ถือว่าหุ้นไทยพลิกเป็นขาขึ้นตั้งแต่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ทำให้กลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้นนี้ ยังสามารถซื้อตามได้ต่อ โดยแนะนำหุ้นขนาดใหญ่ ที่คาดจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการรัฐในระยะถัดไป แนะนำ CPALL, CBG, SCGP, KBANK และ AOT


เช่นเดียวกับ "รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์" ที่มองว่า กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นนี้ ยังสามารถทยอยซื้อหุ้นได้ สะท้อนจากหลาย ๆ ปัจจัยในประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น โดยแนะนำหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล ชอบ CPALL และ MTC ส่วนอีกกลุ่มชอบค้าปลีกไอที อาทิ COM7 และ SYNEX คาดกำลังจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัวไอโฟน 16 ช่วงเดือน ก.ย.นี้


ส่วน "วิกิจ ถิรวรรณรัตน์"  ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น คงคำแนะนำ หยุดไล่ราคาหุ้นที่ราคาแรลรี่ดันดัชนีหุ้นไทย และหมุนมาเล่นหุ้นแถวสอง กลางเล็กที่มีพื้นฐานกำไรรองรับ มูลค่า (Valuation) ไม่แพง เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด