เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) จัดเป็นมหกรรมต้มตุ๋นตลาดทุนไทยครั้งใหญ่ในรอบกว่า 10 ปี เพราะมูลค่าความเสียหายค่อนข้างมโหฬาร ข้อมูลจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ประเมินว่า เบื้องต้นอยู่ที่ราว 3.5 - 5 หมื่นล้านบาท และคาดพุ่งไปแตะถึงแสนล้านบาทเลยทีเดียว
*** ความเสียหายเบื้องต้นนับได้ 34,725 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความเสียหายที่ระบุจำนวนได้ประกอบด้วย...
1.ผู้ถือหุ้นที่ลงทะเบียนแจ้งความเสียหายต่อสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) จำนวน 1,759 ราย มูลค่ารวม 4,063 ล้านบาท
2.ผู้ถือหุ้นกู้ 5 รุ่น รวมจำนวนผู้เสียหาย 4,528 ราย มูลค่า 9,198 ล้านบาท
3.ความเสียหายทางบัญชีที่สูงเกินจริง จากกรณีตกแต่งบัญชี เบื้องต้น 21,464 ล้านบาท
ยังไม่รวมความเสียหายของบรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน STARK จนถึงเจ้าหนี้สถาบันการเงิน โดยเฉพาะ 2 แบงก์ใหญ่ที่ต้องตั้งสำรองกันไปแบงก์ละหลายพันล้าน และเจ้าหนี้อื่น ๆ อีก
*** งบการเงิน Fake แห่งชาติ
อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวทุกหน้าสื่อ งบการเงินสวย ๆ ของ STARK ช่วงหลายปีหลัง เป็นเรื่อง Fake "โกหกทั้งเพ" หลอกสนิท ตั้งแต่นักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อย, กองทุน, เจ้าหนี้ทั้งแบงก์และ non-bank, ผู้ตรวจสอบบัญชี, สถาบันจัดอันดับเครดิต, นักวิเคราะห์ ยันหน่วยงานกำกับ กว่าความจริงจะถูกเปิดเผย ความเสียหายก็บานตะไทไปแล้ว
ส่วนผู้เกี่ยวข้องจาก STARK กลับหายหัว มีเพียงทีมงานรับหน้าเสื่อคอยชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ผ่านเอกสารเท่านั้น ยังไม่มีใครออกมาแถลงซึ่งหน้าแบบตัวเป็น ๆ
โดยฝั่งผู้ถือหุ้นใหญ่ "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ก็ปรากฎเพียงการแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้อง พร้อมร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม และเตรียมฟ้องผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้บริษัทเสียหาย
ด้าน "ชนินทร์ เย็นสุดใจ" อดีตประธานกรรมการ ที่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงด้านบริหาร จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอยู่ไหน (ลือว่า Go Inter ไปแล้ว)
*** อดีตมือแต่งบัญชีแฉยับ
จนช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) "ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ" ได้ออกมาแฉผ่านสื่อว่า ได้เข้าไปให้การต่อ ก.ล.ต.และ ดีเอสไอเกี่ยวกับธุรกรรมอำพรางและตกแต่งบัญชีของ STARK ระหว่างปี 63-65 โดยยืนยันได้รับคำสั่งตรงจาก 3 คน "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" และ "ชนินทร์ เย็นสุดใจ" และ "ชินวัฒน์ อัศวโภคี" อดีตกรรมการ STARK เป้าหมายเพื่อปั้นงบการเงินเพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้น !!!
วิธีการคือสร้างรายได้ปลอมและลูกหนี้การค้าเทียมด้วยการนำเงินจากบริษัทลูก, บริษัทหลาน และ บริษัทอื่น ๆ นอกเครือ มาหมุนเวียนโยกเงินไปมา ผ่านบัญชีส่วนตัวที่ "ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ" เป็นคนจัดการ ผลคือกำไรสุทธิของ STARK เติบโตมโหฬารต่อเนื่องช่วงปี 63-65 จนเข้าไปติด SET100 ดูดความสนใจจากนักลงทุนรายใหญ่และกองทุน กระทั่งหวังถึงขึ้นไปอยู่ในทำเนียบ SET50 แต่ความดันมาแตกเสียก่อน
"ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ" แฉต่อไปว่า กลุ่มผู้สั่งการ ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไปมหาศาล โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ทำการขายหุ้นล็อตใหญ่ไปถึง 2 รอบ บวกขายวอแรนต์ที่จัดสรรให้ตัวเองฟรีไปอีกชุดใหญ่ รวม ๆ แล้วโกยเงินไปเกือบหมื่นล้านบาท
ที่เรื่องมันปูดเพราะกลุ่มผู้สั่งการสวาปามกันไม่จบไม่สิ้น โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ก่อนจะแบ็คดอร์หุ้น บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เข้าตลาดแล้ว จนวันหนึ่งถึงทางตันเพราะเงินใหม่มาหมุนเวียนแต่งบัญชีไม่ทัน เครื่องมือการเงินใช้หมดเต็มอัตราศึก บวกกับดอกเบี้ยเงินกู้เริ่มบานตะไท จึงชักหน้าไม่ถึงหลัง ขณะที่ความพยามขายหุ้น STARK ในกลุ่มผู้สั่งการให้ กลุ่มบริษัทของ บมจ.ปตท.(PTT) ล่มไม่เป็นท่า แถมดีลซื้อ "LEONI" ก็พังอีก จนเงินเพิ่มทุนเพื่อดีลนี้ใช้จนหมด ทีนี้เลย "โป๊ะ" แตกอย่างที่เห็น
ที่ "ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ" ออกมาแฉเพียงเพื่อจะบอกว่าตนเองมีความผิดเรื่อง "ตกแต่งบัญชี" เท่านั้น ไม่ได้มีการทุจริตนำทองแดงของบริษัทออกไปขายมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ตามที่ถูกกล่าวหา หากเป็นเช่นนั้นคงมีเงินมากพอที่จะหนีต่างประเทศแล้ว ทุกวันนี้มีเพียงค่าจ้างที่ได้รับจากบริษัทและผู้สั่งการเท่านั้น ซึ่งถูก DSI อายัดไปหมดแล้ว โดยพร้อมยอมรับหากถูกดำเนินคดี
*** บิ๊ก STARK ยังยืนยันความบริสุทธิ์
หลังจากนั้นวานนี้ (5 ก.ค.) "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" เปิดใจผ่านสื่อออนไลน์ว่า "ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยกล่าวหา และถูกสังคมตราหน้าให้เป็นแพะรับบาปในสิ่งที่ไม่ได้ก่อ แถมย้ำหากผิดจริงคงไม่อยู่แล้ว นี่ยังอยู่ในประเทศเหมือนเดิม และจะเดินหน้าหาความจริง รวมถึงลากตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ให้จงได้"
*** ก.ล.ต.นับ 1 กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้อง 10 ราย ลุยฟ้องอาญา-ฟอกเงิน ต่อ
แต่จังหวะโบ๊ะบ๊ะก็เกิดขึ้น...ล่าสุดวันนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย "กล่าวโทษบุคคลรวม 10 ราย ต่อ DSI กรณีตกแต่งงบการเงินของ STARK เปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และกระทำโดยทุจริตหลอกลวง"
ผู้เกี่ยวข้อง 10 รายประกอบด้วย (1) บริษัท STARK (2) ชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (4) ชินวัฒน์ อัศวโภคี (5) ศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (6) กิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม (7) บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) (8) บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) (9) บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ (10) บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
การกระทำของ 10 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรค 2 ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 มาตรา 278 มาตรา 281/10 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 306 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แล้วแต่กรณี)
ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 10 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นอกจากกรณีที่กล่าวโทษในครั้งนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีการเปิดเผยให้ทราบต่อไป
และที่สำคัญการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
*** "วนรัชต์" ลาออก - "ชนินทร์" เผ่นออกต่างประเทศ
แล้วบอกไม่เกี่ยว !!! หลังปรากฎข่าวจาก ก.ล.ต. STARK แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า "วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งใน STARK มีผลตั้งแต่ 6 ก.ค.เป็นต้นไป ส่วนรายอื่น ๆ ที่ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษ ลาออกไปหมดแล้วตั้งแต่ เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน ดีเอสไอ ออกหมายจับ "ชนินทร์ เย็นสุดใจ" หลังไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดยส่งหนังสือแจ้งเลื่อนหมายเรียก ให้เหตุผลว่าไม่สะดวกเข้าพบในวันเวลาดังกล่าว และยังไม่ได้ระบุว่า จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนวันเวลาใด
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดพบว่า "ชนินทร์ เย็นสุดใจ" ได้เดินทางออกนอกประเทศไทยตั้งแต่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยประเทศปลายทางเบื้องต้นเป็นประเทศสิงคโปร์ แต่ขณะนี้ไม่รู้อยู่ประเทศใด ขั้นตอนถัดไประหว่างที่สำนวนคดีใกล้แล้วเสร็จจะประสานกับอินเตอร์โพล หรือ องค์การตำรวจสากล เพื่อพิจารณาออกหมายแดงแก่ "ชนินทร์" นอกจากนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามยึดและอายัดทรัพย์เพิ่มเติม โดยได้มีการอายัดทางทะเบียนไว้บ้างแล้ว เพื่อป้องกันการจำหน่าย จ่าย โอน
*** โปรดติดตามตอนต่อไป
กรณีนี้ต้องตามต่อกันอีกยาว เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นกล่าวโทษเท่านั้น เชื่อเหลือเกินหลังจากนี้คงมีการสาวไส้กันอีกเพียบ
แต่จากที่สำรวจข้อมูลการกล่าวโทษคดีแต่งงบการเงินช่วง 10 ปีหลัง ใน 15 บจ. มีเพียงกรณี บมจ.ไดโดมอน กรุ๊ป (DAIDO) เท่านั้นที่ผู้เกี่ยวข้องถูกตัดสินจำคุก 4 เดือน - 12 ปี และปรับเงินราว 3 ล้านบาท โดยโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี
ส่วนกรณีอื่น ๆ พบว่านอกจากให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง คดีอาญาส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ ดีเอสไอ และยังไม่มีการตัดสินเป็นที่สิ้นสุด
แต่บริษัทจดทะเบียนที่เป็นแหล่งเพาะกลุ่มโจรใส่สูท หากไม่ถูกเพิกถอนออกจากตลาด ก็มักจะถูกลอกคราบจากลุ่มทุนใหม่จับใส่ตะกร้าล้างน้ำและกลับมาอาลาวาดใหม่ได้เหมือนเดิม
ดังนั้นต้องดูกันว่าจากนี้หน่วยงานกำกับและกระบวนการยุติธรรมทีเกี่ยวข้องจะเด็ดขาดและรวดเร็วขนาดไหน ซึ่งควรจะต้องมีการลงโทษที่จริงจัง เพื่อให้เป็นตัวอย่าง และไม่ให้เกิดการเลียนแบบ เพราะหากสุดท้ายนำตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้ ย่อมเกิดวิกฤติศรัทธาแน่นอน...