เปิดโผ 7 หุ้น ถูก Force Sell มาร์เก็ตแคปรวมหายกว่า 1.5 แสนล้านบาท พบ EA มูลค่าตามราคาตลาดทรุดหนักสุดถึง 1.2 แสนล้านบาท ส่องผลการดำเนินงานส่วนใหญ่อาการเริ่มออกตั้งแต่งบปี 66 หลังแห่พลิกขาดทุน - กำไรวูบ ด้านโบรกฯแนะอยากเลี่ยงหุ้นเสี่ยงถูกบังคับขาย ควรติดตามข้อมูลวางมาร์จิ้นจาก SET สม่ำเสมอ ส่วนนักลงทุนมีหุ้นถูก Force Sell แล้ว ต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ถ้ายังแกร่งถือรอฟื้นได้ ส่วนหุ้นซิ่งแนะขายตัดขาดทุนลดเจ็บตัว !
*** "สมโภชน์" บิ๊ก บจ. รายล่าสุดรับถูก Force Sell
ล่าสุด "สมโภชน์ อาหุนัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ออกมายอมรับว่า ตนเองถูกบังคับขายหุ้น (Force Sell) จริง เนื่องจากได้นำหุ้น EA ไปค้ำประกันเงินกู้ โดยสัดส่วนของการกู้เป็นเพียงประมาณ 3% ของมูลค่าทรัพย์สินที่มีทั้งหมด ณ ราคาหุ้นเมื่อทำสัญญา โดยมองว่าเป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้นที่มี
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า เมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่เจ็บที่สุด เพราะหุ้นโดนขายจนแหล่งมูลหนี้ที่ตั้งไว้หมดไป จึงคาดว่าแรง Force Sell รอบนี้น่าจะจบแล้ว ดังนั้น ต่อไปนี้ราคาหุ้น EA มีแนวโน้มจะกลับมาสู่สภาพปกติได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณามูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้น EA พบว่า ล่าสุดมีมาร์เกตแคปเหลืออยู่เพียง 44,387 ล้านบาท เท่านั้น เทียบกับสิ้นปี 66 ทาง EA มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท หรือลดลงถึง 1.2 แสนล้านบาท สอดคล้องกับ ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ปรับตัวลงถึง 73.11%
*** ปีนี้ พบ 7 หุ้น ที่บิ๊ก บจ. - ผถห.รับโดน Force Sell
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ตั้งแต่ต้นปี พบมี 7 บริษัท ที่มีผู้บริหาร และ ผู้ถือหุ้นยอมรับว่าถูก Force Sell จริง ทำให้มูลค่าตามราคาตลาดปรับตัวลงรวมกันสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
|
7 หุ้นถูก Force Sell มาร์เกตแคปรวมหายกว่า 1.5 แสนลบ.
|
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาปิดปี 66 (บ.)
|
ราคาปิดล่าสุด (บ.)**
|
%chg YTD
|
มาร์เกตแคปปี 66 (ลบ.)
|
มาร์เกตแคปล่าสุด (ลบ.)**
|
เปลี่ยนแปลง (ลบ.)
|
|
EA
|
44.25
|
11.9
|
-73.11
|
165,052
|
44,387
|
-120,665
|
|
NEX
|
10
|
1.6
|
-84.00
|
20,210
|
3,234
|
-16,975
|
|
SABUY
|
5.05
|
0.85
|
-83.17
|
8,918
|
1,501
|
-7,416
|
|
NRF
|
5.25
|
1.88
|
-64.19
|
7,439
|
2,665
|
-4,774
|
|
YGG
|
7.15
|
1.74
|
-75.66
|
4,304
|
1,492
|
-2,811
|
|
AS
|
7.6
|
4.4
|
-42.11
|
3,881
|
2,247
|
-1,634
|
|
SBNEXT
|
1.26
|
0.4
|
-68.25
|
761
|
241
|
-519
|
|
*ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่ผู้ถือหุ้น-ผู้บริหารยอมรับว่าถูก Force Sell
** ราคาปิดล่าสุด - มาร์เกตแคปล่าสุด 2 มิ.ย.67
|
7 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 6 บริษัท และเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 1 บริษัท โดยกระจายอยู่ในหลายกลุ่มธุรกิจไม่ซ้ำกัน
*** "NEX"มาร์เกตแคปวูบรองจาก "EA"
โดย บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เป็นบริษัทที่มาร์เก็ตแคปปรับตัวลงมากที่สุดรองจาก EA โดยมูลค่าตามราคาตลาดของ NEX ล่าสุดอยู่ที่ 3,234 ล้านบาท ลดลงถึง 16,975 ล้านบาท จากสิ้นปี 66 ที่มีมาร์เก็ตแคปที่ 20,210 ล้านบาท เช่นเดียวกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงถึง 84% ในช่วงดังกล่าว หลัง "คณิสสร์ ศรีวชิระประภา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออกมายอมรับว่าถูก Force Sell หลังนำหุ้นค้ำประกันโบรกเกอร์ถึง 20% เมื่อเทียบกับทุนชำระเเล้ว
ด้าน บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) มูลค่าตามราคาตลาดล่าสุดอยู่ที่ 1,501 ล้านบาท เทียบกับสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 8,918 ล้านบาท หรือลดลง 7,416 ล้านบาท สอดคล้องกับ ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ปรับตัวลง 83.17% โดย SABUY ได้แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นบริษัทในช่วงดังกล่าวปรับตัวลงแรง เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก Force Sell
*** พบอีก 4 หุ้น โดน Force Sell ฉุดราคาหุ้นดิ่งหนัก
นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 บริษัท ที่ถูก Force Sell ประกอบด้วย บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) ที่ "อินทิรา ช่วยสนิท" อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ถูก Force Sell หลังนำหุ้นค้ำประกันกับโบรกเกอร์สัดส่วน 38% ของทุนชำระเเล้ว ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปล่าสุดเหลืออยู่ที่ 2,665 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 4,774 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวปรับตัวลง 64.19%
ฟาก บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก Force Sell หลังนำหุ้นไปวางค้ำประกันกับ บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม และโดนเรียกมาร์จิ้นคืน ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปล่าสุด เหลืออยู่เพียง 1,492 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 2,811 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวก็ปรับตัวลง 75.66%
อีกทั้ง บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) และ บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ที่ถูก Force Sell หลังบมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ถูกบังคับขายหุ้น AS และ SBNEXT (SABUY เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AS และ SBNEXT) หลังได้นำหุ้นทั้ง 2 บริษัท ไปวางค้ำประกันกับโบรกเกอร์
ทั้งนี้ มาร์เก็ตแคปของ AS ล่าสุดอยู่ที่ 2,247 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 1,634 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นช่วงดังกล่าวปรับตัวลง 42.11% ส่วน SBNEXT มาร์เก็ตแคปล่าสุดอยู่ที่ 241 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 519 ล้านบาท เช่นเดียวกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 68.25%
*** ส่องงบการเงินส่วนใหญ่กำไรวูบตั้งแต่ปีก่อน
ขณะเดียวกัน "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจงบการเงินของทั้ง 7 บริษัทดังกล่าว ปรากฎว่า กำไรสุทธิเริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่สิ้นปี 66 ประกอบด้วย
|
ตารางแสดงผลการดำเนินงานทั้ง 7 บริษัท
|
|
ชื่อย่อหุ้น
|
กำไร Q1/66 (ลบ.)
|
กำไร Q1/67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
กำไรปี 66 (ลบ.)
|
กำไรปี 65 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
|
NEX
|
152.09
|
49.3
|
-67.58
|
725.26
|
208.37
|
248.06
|
|
EA
|
2,319.76
|
888.7
|
-61.69
|
7,605.17
|
7,604.29
|
0.01
|
|
SABUY
|
166.95
|
-1,960.72
|
พลิกขาดทุน
|
-189.83
|
1,482.11
|
พลิกขาดทุน
|
|
SBNEXT
|
14.36
|
-93.15
|
พลิกขาดทุน
|
-86.49
|
71.99
|
พลิกขาดทุน
|
|
YGG
|
30.96
|
31.51
|
1.78
|
69.47
|
122.13
|
-43.12
|
|
AS
|
43.45
|
76.88
|
76.94
|
218.33
|
268.56
|
-18.70
|
|
NRF
|
25.55
|
62.53
|
144.74
|
-50.55
|
285.22
|
พลิกขาดทุน
|
|
ที่มา : โปรแกรม Efin stock pick up
|
โดย มีถึง 3 บริษัทที่ผลการดำเนินงานงวดดังกล่าวพลิกขาดทุน ประกอบด้วย บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่ผลการดำเนินงานปี 66 ขาดทุนสุทธิ 189 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,482 ล้านบาท
ด้าน บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ผลการดำเนินงานปี 66 ขาดทุนสุทธิ 86 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท และ บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) ที่ผลการดำเนินงานปี 66 ขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท เทียบปีก่อนมีกำไรสุทธิ 285 ล้านบาท
ส่วนอีก 2 บริษัท กำไรสุทธิช่วงดังกล่าวลดลงจากปีก่อน ประกอบด้วย บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) ที่มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท ลดลง 43% จากปีก่อน และ บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) ที่มีกำไรสุทธิ 218 ล้านบาท ลดลง 18% จากปีก่อน
*** แถมงบ Q1/67 ส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้น
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 เมื่อเทียบกับปีก่อน ปรากฏว่า ส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นตัว โดยมี 2 บริษัทที่พลิกขาดทุน ประกอบด้วย บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่งวดดังกล่าวขาดทุนสุทธิ 1,960 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท และ บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ที่ขาดทุนสุทธิ 93 ล้านบาท เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท
ฟาก 2 บริษัท ที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ชะลอตัวลงจากปีก่อน ประกอบด้วย บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่มีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท ลดลง 67% จากปีก่อน และ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่มีกำไรสุทธิ 888 ล้านบาท ลดลง 61% จากปีก่อน
*** กูรูแนะมอนิเตอร์ข้อมูลหุ้นถูกวางมาร์จิ้นสม่ำเสมอ
"ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำว่า นักลงทุนควรติดตามข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯแจ้งออกมาทุกเดือน เกี่ยวกับหุ้นมีมีการซื้อขายด้วยบัญชีมาร์จิ้น เพราะเป็นข้อมูลเดียวที่จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้ว่าหุ้นตัวไหนเสี่ยงที่จะถูก Force Sell
เช่นเดียวกับ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ที่เสริมว่า การดูว่าหุ้นตัวไหนเสี่ยงจะถูก Force Sell คือพิจารณาจากรายงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ หากหุ้นตัวไหนมีการวางมาร์จิ้นระดับ 20% ขึ้นไป ก็ถือว่าเริ่มมีความน่าสงสัยแล้ว อีกทั้ง ถ้าราคาหุ้นดังกล่าว อยู่ในทิศทางขาลงพอดี ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะถูก Force Sell เพิ่มขึ้นอีกด้วย
*** หุ้นโดน Force Sell ต้องพิจารณาพื้นฐานเป็นหลัก
"ณัฐพล คำถาเครือ" กลับมากล่าวต่อว่า สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นที่ถุก Force Sell ไปแล้ว ต้องกลับมาพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก หากหุ้นยังมีปัจจัยพื้นฐานดีไม่เปลี่ยนแปลง ประกอบกับ มูลค่า (Valuation) ที่โดนขายลงมาทำให้ไม่แพง นักลงทุนก็สามารถถือหุ้นดังกล่าวต่อไปได้ เพราะยังมีความหวังที่ราคาหุ้นจะกลับมาปรับตัวขึ้นตามผลการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม หากเป็นหุ้นประเภทที่เก็งกำไรเป็นหลัก ประกอบกับ แนวโน้มผลการดำเนินงานระยะถัดไปดูไม่มีความชัดเจนที่จะเติบโตโดดเด่น ในลักษณะนี้นักลงทุนควรตัดสินใจยอมขายตัดขาดทุน (cut loss) เพื่อลดการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นอันใกล้
ส่วน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" เสริมว่า หากเป็นหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี และโดนแรงขายจนทำให้ Valuation ขณะนั้นถูก ก็ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าไปเก็บหุ้นในช่วงดังกล่าวได้เหมือนกัน เนื่องจากหุ้นลักษณะนี้มักจะปรับตัวขึ้นได้ตามปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ต้องมั่นใจด้วยว่าหุ้นดังกล่าวมีปัจจัยพื้นฐาน และ Valuation ที่แข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด