กูรูประเมินสถานการณ์ในอิสราเอล มอง 2 ฉากทัศน์ใหญ่ที่คาดจะเกิดขึ้น ชี้หากเกิดช่วงสั้นจะทำแค่ตลาดหุ้นตกใจ แนวรับ 1,417 จุด ยังรับไหว มองน่าเล่นกลุ่มน้ำมัน - เดินเรือ ฟากทองคำชี้หากจบเร็ว ราคาไม่น่าผ่าน 1,879 เหรียญ ทั้งนี้หากยืดเยื้อ-บานปลาย เจอกันแนวรับ 1,370 จุด แต่จะดีต่อทองคำเพราะอาจมีลุ้นแนวต้าน 1,952 เหรียญ
หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่อิสราเอล จนมีผู้เสียชีวิตระดับ 1,000 คน นั้น ด้านตลาดทุนทั่วโลกในวันแรกของสัปดาห์ต่างตอบรับความรุนแรงดังกล่าวในเชิงลบทันที รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยที่บางช่วงของการซื้อขายดัชนีหุ้นไทยลงไปถึง 10 จุด ขณะที่ราคาทองคำซื้อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยกลับได้รับแรงซื้อเข้ามาทันที
ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างออกมาประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลางแล้วว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะกระทบกับตลาดทุนหลักของไทยอย่างตลาดหุ้น รวมถึงตลาดทองคำมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพอจะสรุปได้มาเป็น 2 ฉากทัศน์ที่น่าสนใจดังนี้
*** ฉากทัศน์ 1 : สงครามไม่ยืดเยื้อ จำกัดพื้นที่สู้รบ / ตลาดแค่ตกใจ - ทองอาจติด 1,879 เหรียญ
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวนการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เปิดเผยกับสำนักข่าว "อีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ภาพรวมสถานการณ์สงครามอิสราเอล กระทบจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะสั้น โดยประเมินสถานการณ์จะเริ่มรุนแรงและลุกลามมากขึ้นในระยะสั้นนี้ โดยสถานการณ์ดังกล่าวมองว่าคงไม่สามารถจบลงโดยเร็ว ซึ่งกระทบกลุ่มอุปทานน้ำมัน เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวใกล้กับคลองสุเอช ซึ่งสถานการณ์ความรุนแรงในวงกว้าง จะส่งผลกระทบต่อการขนส่งยากขึ้น
ดังนั้นคาดว่าจากกรณีดังกล่าวแม้ว่าจะไม่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรง แต่จากปัจจัยราคาน้ำมันจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงกลุ่มเรือเทกองที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ตามค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งล่าสุดดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ทำจุดสูงสุดใหม่ โดยปัจจัยเล่านี้มองว่าเป็นปัจจัยช่วยสนบุสนุนไม่ให้ตลาดหุ้นไทยร่วงลงหลุดระดับแนวรับ 1,408 จุด โดยแนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน PTTEP , TOP และหุ้นเรือเทกอง PSL , TTA
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับสำนักข่าว "อีไฟแนนซ์ไทย" จากประเด็นดังกล่าว ระยะสั้นมีโอกาสราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์คือพลังงานต้นน้ำ PTTEP ,โรงกลั่น TOP ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบปิโตรเคมี , สถานีบริการน้ำมัน และโรงไฟฟ้าจากต้นทุนที่สูงขึ้น จากต้นทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ไม่เลวร้ายมากถึงขั้นมีหลายประเทศเข้าร่วมด้วย มองแนวรับ 1,425-1,417 จุด
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บุลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า จากสถานการณ์ในอิสราเอล หากสถานการณ์ดังกล่าวไม่ขยายวงกว้างและจบโดยเร็ว ราคาทองคำมีแนวต้าน 1,879 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนแนวรับประเมิน 1,823 และ 1,804 ดอลลาร์/ออนซ์
*** ฉากทัศน์ 2 : สงครามยืดเยื้อ-บานปลาย-ขยายวง / SETอาจลงถึง 1,370 จุด แต่ทองลุ้น 1,952 เหรียญ
นายณรงค์เดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มกินเวลาระยะยาวและขยายวงพื้นที่สงครามมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับสูงยาวนาน จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ระดับสูง ตลาดอาจกลับมาพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนอยู่ อีกทั้งต้นทุนน้ำมันสูงไม่ดีต่อภาพรวมมากกว่า จะมีโอกาสหุ้นหลุดแนวรับ 1,408 จุด และตลาดอาจเริ่มตอบรับสถานการณ์ระยะยาวแบบยูเครน-รัสเซีย แต่หากสถานการณ์รุนแรงและมีหลายประเทศเข้ามาร่วมด้วยอาจกดดันให้หุ้นไทยร่วงหลุด 1,400 จุดได้
ด้านนายฐกฤต ประเมินว่า หากความขัดแย้งด้านเชื้อชาติบานปลายจนดึงให้ประเทศตะวันออกกลางอื่น อย่าง อิหร่าน, อิรัก, เลบานอน หรืออียิปต์ เข้าร่วมสงครามฯ อาจส่งให้เกิดผลกระทบต่อ supply น้ำมันดิบ, น้ำมันสำเร็จรูป รวมถึง LNG ได้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบให้เกิดการปิดคลองสุเอซ ท่อส่งน้ำมันไป EU หรือการร่วมกันลดกำลังการผลิตของ OPEC เป็นต้น โดยมองผลกระทบต่อ supply น้ำมันดิบ/น้ำมันสำเร็จรูป อาจมีขนาดได้ถึง 1.5/2.0 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 1% - 2% ของการใช้ทั่วโลกและ LNG ราว 1% ของการใช้ทั่วโลก ซึ่งหากถึงจุดดังกล่าว อาจจะกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นลงไปถึง 1,370 จุด แต่หากมองในแง่การลงทุน ระดับแนวรับดังกล่าวถือเป็นระดับสำคัญที่ควรเข้าสะสมหุ้น
ด้านตลาดทองคำ นายวรุต ประเมินว่า หากสถานการณ์ดังกล่าวบานปลาย จนกระทบให้ประเทศอื่นๆ เข้าร่วมสงคราม หรือขยายเป็นวงกว้าง รวมถึงประเทศมหาอำนาจสนับสนุนการทำสงคราม มีโอกาสเห็นราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ มีโอกาสไปที่แนวต้าน 1,927 และ 1,952 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าประเด็นนี้เกิดขึ้นได้ยาก เพราะแต่ละประเทศยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเข้าร่วมสงครามยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจประเทศตัวเองโดยตรง
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัย ที่ต้องประกอบกับการลงทุนทองในช่วงนี้คือค่าเงินดอลลาร์ เพราะคาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนอย่างหนักตามสถานการณ์สงครามในอิสราเอลที่เกิดขึ้นรายวัน
"หากกลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้อง ออกมาพูดหรือมีมาตรการทางการค้าออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ในอิสราเอล มองว่าอาจไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ แต่ถ้ามีการส่งสัญญาณว่าสนับสนุนร่วมสงครามจะช่วยดันราคาทองคำทันที แต่กรณีหลังจะเกิดได้ยาก เพราะปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจแต่ละประเทศยังไม่ค่อยดี การร่วมสนับสนุนสงครามอาจจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ได้ " นายวรุตกล่าว