ในช่วงที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนค่อนข้างมาก ตามการดำเนินนโยบายทางการเงินของสหรัฐเป็นหลัก สิ่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนมีการโยกย้ายเงินทุนไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำบ้าง หรือ ตลาดหลักๆบ้าง ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่ดูเหมือนว่าทิศทางเศรษฐกิจจะดูมีเสถียรภาพมากกว่านั้น ทำให้ตลาดหุ้นใน Emerging Market เริ่มกลับมาเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ที่นักวิเคราะห์ มองว่า เริ่มเห็นสัญญาณเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาแล้ว
โดยบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด ได้เปิด 2 เหตุผล ที่หนุนให้เม็ดเงินต่างชาติทยอยไหลกลับเข้าหุ้นไทย ทั้งดอกเบี้ยที่ยังต่ำกว่าทางฝั่งตะวันตก และบาทแข็งค่าขึ้น โดยมองว่า หลังจากนักลงทุน ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในหุ้นไทย 2 วันทำการ ทำให้เห็นสัญญาณแรงหนุน Fund Flow ให้มีโอกาสชะลอการขายและไหลกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยบ้าง ดังนี้
1. ความได้เปรียบจากดอกเบี้ยไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่ายุโรปและสหรัฐมาก ตามกลไก หนุนตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจจาก MEYG ที่กว้างกว่า โดยสัปดาห์หน้าประเทศไทย มีการประชุม กนง. 29 มี.ค.66 ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ามีโอกาสที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนล่าสุดลดลงอยู่ที่ระดับ +3.79%YoY (ต่ำกว่าตลาดที่ +4.18%YoY) ถือเป็นสัญญาณที่ดีและเข้าใกล้กรอบเป้าหมายของ ธปท. มากขึ้นที่ระดับ 1%-3% ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว ในเดือนนี้มีการขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้น ทั้ง ECB BOE FED มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.5%, 4.25%, 5% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยไทยมาก จึงทำให้ Market Earning Yield Gap ของไทยดีกว่าประเทศอื่นๆซึ่งในอีกความหมายหนึ่งคือ Valuation ยังต่ำหนุนให้เม็ดเงินลงทุนมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น
2. ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ถือเป็นแรงส่งให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า และต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม โดย Dollar Index ลดลงราว -4% จาก 105.6 จุด สู่ 102.2 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินประเทศอื่นๆ กลับมาแข็งค่ารวมถึงไทยที่ล่าสุดอยู่ที่ 34.05 บาท/เหรียญฯ เป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนให้ Fund Flow ต่างชาติทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอการขาย และกลับมาซื้อสุทธิวานนี้ 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ทางสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้ สแกนหาหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อ สุทธิมากที่สุด ในปีนี้ และเดือนมี.ค.66 จาก ฟังก์ชั่น Accumulate NVDR Ranking ของ efin StockPickUp เพื่อดูว่า หุ้นตัวไหน จะเป็นหุ้นขวัญใจของนักลงทุนต่างชาติกันบ้าง
โดยหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อมากสุดในเดือนมี.ค. 66 (นับถึง วันที่ 23 มี.ค.66) มีดังนี้
เดือนมี.ค.66 (ณ 23 มี.ค.66) |
หุ้น |
มูลค่า (ลบ.) |
PTTEP |
1,149 |
INTUCH |
1,030 |
MAKRO |
860 |
TASCO |
790 |
BDMS |
522 |
ITC |
429 |
SCGP |
412 |
JMARY |
397 |
BTS |
388 |
CPALL |
377 |
|
ทั้งหากนับตลอดทั้งปี หรือ YTD จะพบว่า มี 10 หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อมากที่สุด ดังนี้
YTD (ม.ค.-มี.ค.66) |
หุ้น |
มูลค่า (ลบ.) |
CPALL |
4,194 |
MAKRO |
3,924 |
BDMS |
3,122 |
BBL |
2,131 |
TASCO |
1,732 |
JMART |
1,616 |
MINT |
1,300 |
ITC |
1,154 |
SCC |
972 |
SAWAD |
951 |
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติ ยังซื้อสุทธิแบบข้ามปี ดังนี้
ซื้อสุทธิในปี 65 |
ซื้อสุทธิต่อในปี 66
(YTD - ณ 23 มี.ค.66) |
หุ้น |
มูลค่า (ลบ.) |
มูลค่า (ลบ.) |
BDMS |
18,479 |
3,122 |
CPALL |
8,521 |
4,194 |
MAKRO |
7,059 |
3,924 |
IVL |
5,943 |
851 |
MINT |
3,683 |
1,300 |
ADVANC |
1,471 |
157 |
TQM |
1,142 |
113 |
INTUCH |
1,069 |
335 |
BTS |
1,034 |
492 |
โดย ASPS กล่าวทิ้งท้ายว่า สรุปทั้ง 2 เหตุผลช่วยหนุน Fund Flow ต่างชาติทยอยไหลเข้าหุ้นไทยในระยะถัดไป คาดเป็นแรงพยุงให้ SET Index กลับมายืนเหนือ 1,600 จุดได้อีกครั้ง ซึ่งภายใต้หุ้นที่ปรับฐานลงลึก และต่างชาติชะลอการขายและกลับมาซื้อบ้าง ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหาว่า ในเดือนนี้ (1-22 มี.ค. 66) มีหุ้นอะไรบ้างที่ต่างชาติซื้อสะสมมากสุด 20 อันดับแรก และราคาหุ้นยัง Laggard หวัง Downside ของราคาเริ่มจำกัด และน่าจะ ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงถัดไป อย่าง กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HANA -18.8%, KCE -8.9%, กลุ่มการเงิน SAWAD -8.6%, กลุ่มรับเหมาฯ CK -7.1%, STEC -4.4%, และกลุ่มอื่นๆ MINT -3.0%, LH -2.5%, CBG -2.0% เป็นต้น ซึ่งถือว่าน่าสนใจและคาดว่าน่า Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้
เปิดลิสต์หุ้น ที่ต่างชาติชื้อสุทธิปีที่ผ่านมา แต่กลับขายในปีนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่า แนวโน้มกระแสเงินต่างชาติ จะกลับมาเป็นบวกในช่วงสั้นๆ แต่อย่าลืมว่า ภาพรวมตลอดทั้งปี 66 สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ซื้อสุทธิถึงกว่า 2 แสนล้านบาท "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้ลองสำรวจหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติ พลิกกลับมาขายสุทธิในปี 66 เพื่อเป็นข้อมูลให้ดูว่า แม้ว่าหุ้นเหล่านี้ จะถูกซื้อสุทธิอย่างมากในปี 65 ที่ผ่านมา ก็สามารถถูกเทขายในปีนี้กันแบบไร้เยื่อใยได้เช่นกัน
ซื้อสุทธิในปี 65 |
ขายสุทธิในปี 66
(YTD- ณ 23 มี.ค.66) |
หุ้น |
มูลค่า (ลบ.) |
มูลค่า (ลบ.) |
PTTEP |
18,799 |
-460 |
AOT |
14,450 |
-1,363 |
BH |
11,607 |
-1,385 |
EA |
11,165 |
-279.8 |
BANPU |
10,557 |
-1,924.34 |
CRC |
6,185 |
-2,104.55 |
DELTA |
5,606 |
-914 |
KTB |
5,390.81 |
-568 |
TOP |
5,230 |
-588.46 |
BCP |
4918.29 |
-992.74 |
ส่วนกลุ่มสุทธิ ถือว่าเป็นกลุ่มที่แสลงใจนักลงทุนพอสมควร เนื่องจากเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิในปี 65 แล้วยังคงมาขายต่อเนื่องอีกในปี 66 อีก ดังนี้
ขายสุทธิในปี 65 |
ขายสุทธิต่อในปี 66
(YTD - ณ 23 มี.ค.66) |
หุ้น |
มูลค่า (ลบ.) |
มูลค่า (ลบ.) |
PTT |
-8,067 |
-2,319 |
PTTGC |
-5,036 |
-1,646 |
TCAP |
-597 |
-418 |
KCE |
-2,984 |
-588 |
SCB |
-2,688 |
-1,936 |
TU |
-2,282 |
-651 |
IRPC |
-1,428 |
-834 |
BAM |
-576 |
-817 |