efinancethai

ประเด็นร้อน

โบรกฯ ชี้ SET อัพไซด์สูง-ดาวน์ไซด์จำกัด แนะทยอยสะสม ให้เป้าสิ้นปี 1,580 จุด

โบรกฯ ชี้ SET อัพไซด์สูง-ดาวน์ไซด์จำกัด แนะทยอยสะสม ให้เป้าสิ้นปี 1,580 จุด

SET Index ช่วง 4 วันทำการล่าสุด บวกต่อเนื่อง 32.19 จุด ด้านโบรกฯมองดาวน์ไซด์เริ่มจำกัด Valuation กลับมาน่าสนใจ หลังเทรด P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังมากกว่า 5 ปี แถมช่วงดัชนีปัจจุบัน ยังไกลกรอบเป้าหมายสิ้นปีที่ 1,570/80 จุด จับตา ! นโยบายรัฐรอหนุน คาดทำ SET ครึ่งหลังคึกคัก แนะดักเก็งกำไรหุ้นงบแกร่ง  

*** SET กลับมาบวกต่อเนื่อง 5 วันติด หลังดิ่งแรงก่อนหน้า

ดัชนีหุ้นไทย (SET) กลับมาบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ (ตั้งแต่ 22 - 25 เม.ย.67) รวม 32.19 จุด หรือ 2.41% หลังก่อนหน้านี้ปรับตัวลงแรงจากความกังวลความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล - อิหร่าน และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มสูงนานกว่าคาด 


โดยการกลับมาปรับตัวขึ้นของ SET Index รอบนี้ คาดเกิดจากความคลายกังวลจากการทำสงครามระหว่างอิสราเอล - อิหร่าน มากขึ้น ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ (Big Cap) กระจายกันไป จากทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) ในช่วงเวลาดังกล่าว 

 

*** โบรกฯมองดาวน์ไซด์จำกัด - Valuation เริ่มน่าสนใจ

"ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไอร่า มองว่า แม้ SET Index ณ ปัจจุบัน ที่ปรับตัวขึ้นมา 4 วันทำการต่อเนื่อง แต่ยังมีความน่าสนใจในเชิงมูลค่า (Valuation) สะท้อนจากดัชนีหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในระดับใกล้เคียง 1,350 จุด ซึ่งคิดเป็นการซื้อขายที่ระดับ Trailing P/E ราว 17 เท่า และเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -0.5 S.D. อีกด้วย 


ขณะที่ Forward P/E ของ SET อยู่ที่ราว 14 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.0 S.D. ด้วยเช่นกัน อีกทั้งในเชิงเทคนิคอล SET Index ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ EMA200 Month ทำให้เราคาดว่าตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน มีดาวน์ไซด์ที่ค่อนข้างจำกัดแล้ว


สอดคล้องกับ "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ที่มองว่า Valuation ณ ปัจจุบัน ของ SET Index ถือว่า ยังอยู่ในโซนน่าสะสม สะท้อนจากสมมุติฐาน Market Eaening Yield Gap ที่ระดับ 3.3% และ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ประกอบกับ กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ล่าสุดอยู่ที่ 91.4 บาท/หุ้น จะได้กรอบเป้าหมาย SET Index ปี 67 ที่ระดับ 1,570 - 1,580 จุด ซึ่งยังมีอัพไซด์สูงกว่าระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ


นอกจากนี้ ยังประเมินว่าในช่วงเดือน พ.ค.นี้ มีโอกาสค่อนข้างยากที่จะเกิดภาวะ Sell in May เนื่องด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าวมักจะไม่เกิดขึ้น หาก 4 เดือนแรกของปี SET Index ปรับตัวลงแรงแล้ว อีกทั้งเดือน พ.ค.นี้ ยังมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และงบไตรมาส 1/67 ที่มีแนวโน้มเติบโตดีเข้ามาช่วยอีกด้วย


"จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น รวมทั้งเงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่า และ Valuation ของ SET Index ที่ยังน่าสะสม ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศมีโอกาสทยอยไหลเข้าในระยะถัดไป จึงทำให้มองว่า SET Index ณ ตอนนี้ เริ่มมีดาวน์ไซด์จำกัดแล้ว" เทิดศักดิ์ กล่าว 


ส่วน "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า หากมองที่ Forward P/E ณ ปัจจุบันของ SET Index ที่ระดับ 13.8 เท่า ถือว่าในเชิง Valuation ดูไม่แพงเลย เพราะเป็นระดับ P/E ที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว และค่าเฉลี่ยย้อนหลังมากกว่า 5 ปี แต่ด้วยระยะสั้นที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุนอย่างเต็มที่ ก็อาจยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า "ถูก" คงต้องพูดว่า"ไม่แพง"ดีกว่า 

 

*** กูรูมอง H2/67 ปัจจัยหนุนรออยู่ ดัน SET เด่นกว่าครึ่งแรก

"กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง (H2/67) เนื่องจากช่วงดังกล่าว SET Index จะมีแรงส่งจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 คาดจะเห็นในช่วงไตรมาส 3/67 


ขณะที่ แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง Digital wallet จะมาในช่วงปลายปี อีกทั้งเศรษฐกิจโลกปี 68 คาดมีอัพไซด์จากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกที่น่าจะเริ่มอยู่ในทิศทางปรับลดลงชัดเจน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงต่อไป


เช่นเดียวกับ "ณัฐพล คำถาเครือ" ที่กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อ SET Index ในช่วงครึ่งหลังของปีมากกว่าช่วงครึ่งแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดคาดหวังเห็นการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 67 ของรัฐบาล ทำให้จะเห็นการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ช่วงปลายปียังมีนโยบาย Digital wallet รออยู่ด้วย ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนทั้งหมด จะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาคึกคักมากขึ้น 

 

*** เก็งกำไรสั้นช่วงนี้ทำได้ แนะช้อปหุ้นกำไรแกร่ง

"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทย ณ ปัจจุบันยังห่างจากกรอบดัชนีเป้าหมายที่ 1,570 – 1,580 จุด พอสมควร และค่าเงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าจาก กนง.ส่งสัญญาณ Hawkish ถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดี กำไรแกร่ง และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศ แนะนำทยอยสะสม KBANK, SCB, BBL, TISCO, PTT, PTTEP, PTTGC, OR, IVL, SCC, CPN, CPALL, CRC เป็นต้น


ขณะที่ "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ ระบุว่า กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะนำกลับมามองหากลุ่มที่คาดว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญ หรือมีมาตรการสนับสนุน โดยเราเล็งไว้ 2 กลุ่ม คือ การบิน แนะนำ AOT และ AAV และกลุ่มที่รับประโยชน์จากการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ แนะนำ WHA และ ROJNA


นอกจากนี้ อีกธีมการลงทุนที่น่าสนใจช่วงนี้ คือ เลือกหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 1/67 มีแนวโน้มจะประกาศออกมาเติบโตโดดเด่น เพื่อเก็งกำไรช่วงสั้น แนะนำ BDMS, CENTEL, ICHI, SAPPE, RBF และ TKN 


ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" แนะนำว่า กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ ต้องติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค.67 ที่คาดจะประกาศออกมาติดลบ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับติดลบ 4% ก็มีโอกาสที่จะเป็นปัจจัยบวกหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มส่งออก, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องดื่ม และ อาหารสัตว์ฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ


ส่วน "กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ทิ้งท้ายว่า กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เป็นบวกมากขึ้นสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นในลักษณะรีบาวด์ แต่คาดยังไม่ใช่การฟื้นตัวแบบมีทิศทาง ดังนั้น การเก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและไม่ไล่ราคา และใช้จังหวะผันผวนของดัชนีช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค.นี้ ในการทยอยสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มรับอานิสงส์บาทอ่อน และหุ้นรายตัวที่อยู่ในโซนต่ำได้

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด