กองทุนอสังหาฯ - REIT - โครงสร้างพื้นฐาน ฟอร์มฝืด ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ พบ 31 จาก 65 หลักทรัพย์ราคาร่วง 1.23 - 29% วงการมองได้รับผลกระทบโควิดเกือบทุกสินทรัพย์กดดันผลประกอบการ เป็นเหตุนักลงทุนแห่ขาย แต่ประเมินผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าเก็บเก็งกำไรราคาฟื้น-ระยะยาวปันผลสูงสม่ำเสมอ
*** 27 กองทุนอสังหาฯ - REIT ราคาดิ่ง 1.23 - 27.78%
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความเคลื่อนไหวราคากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund : PF) และ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ตั้งแต่ต้นปีถึง 19 พ.ย.64 (YTD) ซึ่งมีทั้งสิ้น 56 หลักทรัพย์ โดยผลตอบแทนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ -0.17% สวนทางดัชนี SET Index ที่ผลตอบแทน +13.50% ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทน +16.80%
ขณะที่พบว่ามีถึง 27 หลักทรัพย์ที่ผลตอบแทนติดลบตั้งแต่ 1.23 - 27.78% ประกอบด้วย
27 กองทุนอสังหาฯ – REIT ผลตอบแทนติดลบ
|
ชื่อย่อหลักทรัพย์
|
ราคาปิด 19 พ.ย.(บ.)
|
%YTD
|
TPRIME
|
9.1
|
-27.78
|
GVREIT
|
10.4
|
-19.38
|
SHREIT
|
2.54
|
-19.11
|
FUTUREPF
|
15
|
-18.92
|
CPTGF
|
8.9
|
-17.59
|
SPRIME
|
7.4
|
-15.91
|
BOFFICE
|
9.4
|
-15.32
|
TU-PF
|
1.26
|
-13.10
|
SSPF
|
7.65
|
-13.07
|
MIPF
|
15.5
|
-12.92
|
QHOP
|
2.18
|
-12.80
|
AMATAR
|
9
|
-11.76
|
MIT
|
3.02
|
-11.18
|
TLHPF
|
7.85
|
-9.77
|
LPF
|
15.2
|
-9.52
|
LHHOTEL
|
9.15
|
-8.50
|
QHHR
|
5.65
|
-6.61
|
KPNPF
|
6.7
|
-6.29
|
B-WORK
|
10.5
|
-6.25
|
LHSC
|
10.7
|
-6.14
|
BKKCP
|
10.9
|
-6.03
|
SRIPANWA
|
7.55
|
-5.03
|
MNIT2
|
4.86
|
-2.80
|
TNPF
|
1.95
|
-2.50
|
WHART
|
13
|
-2.10
|
IMPACT
|
19.3
|
-1.53
|
HPF
|
4.8
|
-1.23
|
ที่มา : SET ข้อมูล ณ 19 พ.ย.64
|
ทั้งนี้มี 14 หลักทรัพย์ผลตอบแทนติดลบมากกว่า 10% โดย ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยแลนด์ ไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ (TPRIME) ติดลบสูงสุด 27.78%YTD ราคาล่าสุดอยู่ที่ 9.1 บาท
*** 4 กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ติดลบ 7.38 - 29.05%
ฟากกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund : IFF) ซึ่งมีทั้งสิ้น 9 หลักทรัพย์ พบว่า ผลตอบแทนราคาเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่เฉลี่ย -4.48% ประกอบด้วยกลุ่มพลังงาน 5 หลักทรัพย์, สื่อสาร 2 หลักทรัพย์ และ ขนส่ง/โลจิสติกส์ 2 หลักทรัพย์ ซึ่งต่างจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี +4.69%, หุ้นกลุ่มสื่อสาร +24.73% และ หุ้นกลุ่มขนส่ง/โลจิสติกส์ +6.82%
ทั้งนี้มี 4 หลักทรัพย์ผลตอบแทนปีนี้ติดลบ 7.38 - 29.05% ประกอบด้วย
4 กองทุนโครงสร้างพื้นฐานข้างต้นอยู่ในกลุ่ม พลังงาน 2 หลักทรัพย์ และ ขนส่ง/โลจิสติกส์ 2 หลักทรัพย์ โดย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ติดลบสูงสุด 29.05% รองลงมาคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ที่ติดลบ 21.48% รวมถึง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ซึ่งมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และมีรายย่อยถือหุ้นถึง 35,160 ราย ก็ติดลบ 19.59%
*** วงการมองโควิดกดผลงาน แต่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
"ปิยะภัทร ภัทรภูวดล" ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กลุ่มกองทุนดังกล่าวได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงที่ประเทศมีมาตรการล็อกดาวน์หลายช่วงและค่อนข้างนาน ส่งผลโดยตรงต่อผลการดำเนินงาน ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนจุดต่ำสุด ณ สิ้นงบไตรมาส 3/64 จึงกดดันให้นักลงทุนทยอยขายออกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดที่ สิ้นงบไตรมาส 3/64 เช่นกัน และคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ต่อเนื่องถึงปี 65 ทั้งปี เพราะการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่มเข้าสู่วงกว้างมากขึ้น และเริ่มทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดประเทศกลับสู่ภาวะปกติ
*** แนะทยอยเก็บเก็งราคาฟื้น-รับปันผลระยะยาว
"ปิยะภัทร ภัทรภูวดล" กล่าวต่อไปว่า การเข้าลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว ยังมีความน่าสนใจ เพราะโดยปกติราคาไม่ผันผวน และมีปันผลสูงสม่ำเสมอ โดย กลยุทธ์การลงทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.ลงทุนเพื่อเก็งกำไรราคาฟื้นตัว โดยเลือกกองที่ลงทุนในศูนย์การค้าหรือโรงแรม เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนติดลบค่อนข้างมาก จากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมองว่าตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป ผลตอบแทนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจกลับสู่ระดับใกล้ปกติ ซึ่งคาดว่ากลุ่มห้างสรรพสินค้าจะฟื้นตัวนำกลุ่มโรงแรม ที่ยังต้องหวังให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น
2.ลงทุนเพื่อหวังเงินปันผล แนะนำกองทุนที่ลงทุนในคลังสินค้าหรือโรงงาน เนื่องจากผลประกอบการค่อนข้างมีสเถียรภาพ เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เล็กน้อย จึงทำให้มีกระแสเงินสดสำหรับจ่ายเงินปันผลได้สูง
ด้าน "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สินทรัพย์กลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน โดยเฉพาะช่วงที่ราคาปรับตัวลง อัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย และมองว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4/64 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของพวกหลักทรัพย์กลุ่มนี้ เนื่องจากการโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และ ไม่มีมาตรการล็อดาวน์ที่เข้มงวดเหมือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ แนะนำเลือก กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน, คลังสินค้า และ ศูนย์การค้าเป็นหลัก เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนใน 3 สินทรัพย์ดังกล่าว จะมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และไม่มีความผันผวน
เช่นเดียวกับ "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เพิ่มเติมว่า หลักทรัพย์กลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน เพราะส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลงมาถึงระดับที่ต้องหาจังหวะเข้าลงทุน เพื่อรอรับเงินปันผลในระดับสูงช่วงไตรมาสถัดไป ตามผลการดำเนินงานที่เริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้เเนะนำ กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน, เสาสัญญาณ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ผู้เช่ามีการเช่าเพื่อประกอบธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อมีการเปิดประเทศ ผลการดำเนินงานของกลุ่มนี้จะฟื้นตัวตามด้วยเช่นกัน รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในห้างสรรพสินค้า เพราะเห็นการฟื้นตัวของลูกค้าได้รวดเร็วหลังคลายล็อกดาวน์ จึงคาดผลการดำเนินงาน จะฟื้นตัวตามได้ในระยะสั้น
ส่วน กองทุนที่ยังต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน คือ กองทุนที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน แม้จะมีการคลายล็อกดาวน์แล้วก็ตาม แต่หลายบริษัทยังคงใช้นโยบายทำงานที่บ้าน (WFH) เหมือนเดิม ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า แต่ละบริษัทจะให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงานได้ตามปกติ เหมืนช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งอาจทำให้รายได้ในสินทรัพย์ดังกล่าว ฟื้นตัวช้าที่สุดในกลุ่ม
*** เปิดสถิติ 36 หลักทรัพย์ปันผลเฉลี่ย 3 ปีหลังเกิน 5%
ทั้งนี้เมื่อสำรวจสถิติการจ่ายเงินปันผลของหลักทรัพย์หลุ่มนี้พบว่ามี 36 หลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอช่วง 3 ปีหลัง (61-63) และมี Dividend Yield เฉลี่ยมากกว่า 5% ได้แก่
36 กองทุนอสังหาฯ – REIT – โครงสร้างพื้นฐาน ปันผลสูง 3 ปีหลัง
|
ชื่อย่อหลักทรัพย์
|
%DIV. Yield ปี 61
|
%DIV. Yield ปี 62
|
%DIV. Yield ปี 63
|
%DIV. Yield เฉลี่ย 3 ปี
|
กองทุนอสังหาฯ - REIT
|
M-PAT
|
10.17
|
12.07
|
7.21
|
9.82
|
MJLF
|
9.84
|
7.82
|
7.22
|
8.29
|
POPF
|
9.49
|
7.71
|
7.67
|
8.29
|
QHHR
|
10.71
|
6.35
|
7.2
|
8.09
|
CPNCG
|
9.48
|
7.67
|
6.39
|
7.85
|
QHPF
|
10.14
|
6.76
|
6.51
|
7.80
|
M-STOR
|
6.97
|
7.36
|
8.9
|
7.74
|
LHHOTEL
|
11.1
|
5.64
|
5.38
|
7.37
|
TLHPF
|
8.51
|
6.73
|
6.7
|
7.31
|
TTLPF
|
7.3
|
6.88
|
7.35
|
7.18
|
LHPF
|
8.98
|
5.97
|
6.4
|
7.12
|
CPTGF
|
7.85
|
6.22
|
6.12
|
6.73
|
M-II
|
7.83
|
6.34
|
5.87
|
6.68
|
AMATAR
|
7.3
|
5.66
|
6.9
|
6.62
|
HPF
|
5.63
|
6.77
|
7.35
|
6.58
|
SRIPANWA
|
6.29
|
6.43
|
7.03
|
6.58
|
TIF1
|
6.98
|
6.37
|
6.34
|
6.56
|
CTARAF
|
6.6
|
6.03
|
7.01
|
6.55
|
FUTUREPF
|
7.81
|
5.63
|
6.2
|
6.55
|
PPF
|
6.16
|
6.15
|
6.62
|
6.31
|
LHSC
|
8.37
|
5.03
|
5.45
|
6.28
|
BKKCP
|
6.9
|
6.11
|
5.64
|
6.22
|
SIRIP
|
7.92
|
5.54
|
5.14
|
6.20
|
WHABT
|
6.91
|
5.61
|
5.48
|
6.00
|
LUXF
|
2.39
|
7.81
|
7.26
|
5.82
|
GVREIT
|
6.19
|
5.26
|
5.74
|
5.73
|
QHOP
|
4.8
|
7.37
|
4.35
|
5.51
|
KPNPF
|
6
|
5.03
|
5.06
|
5.36
|
MIPF
|
4.72
|
6.1
|
5
|
5.27
|
GAHREIT
|
7.64
|
6.59
|
1.45
|
5.23
|
กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
|
ABPIF
|
14.14
|
11.68
|
9.9
|
11.91
|
JASIF
|
9.1
|
6.38
|
7.17
|
7.55
|
EGATIF
|
7.05
|
6.37
|
6.55
|
6.66
|
BRRGIF
|
2.93
|
7.65
|
9.08
|
6.55
|
BTSGIF
|
6.76
|
6.14
|
5.26
|
6.05
|
DIF
|
4.08
|
4.87
|
7.57
|
5.51
|
ที่มา : SET ข้อมูล ณ 19 พ.ย.64
|
36 หลักทรัพย์ข้างต้นประกอบด้วยกองทุนอสังหาฯ - REIT จำนวน 30 หลักทรัพย์ และ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 6 หลักทรัพย์
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี ป่าตอง เฮอริเทจ (M-PAT) ให้ Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปีหลังสูงสุด 9.82%
ฟากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ให้ Dividend Yield เฉลี่ย 3 ปีหลังสูงสุดคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.91%