"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจพอร์ตนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย ไม่รวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ถือหุ้นบริษัทอื่นในฐานะบริษัทย่อย พบ 10 อันดับแรกถือหุ้นรวมเกิน 100 หลักทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 2.58 ล้านล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1."กระทรวงการคลัง" มูลค่าพอร์ตสูงสุด 1.24 ล้านลบ.
กระทรวงการคลัง มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนสูงสุดถึง 1.24 ล้านล้านบาท โดยถือครองหุ้นใหญ่ 13 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “กระทรวงการคลัง” มูลค่ารวม 1.24 ล้านลบ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
AOT
|
70
|
665,000
|
09/12/63
|
6.83
|
PTT
|
51.11
|
547,457
|
30/09/63
|
-11.76
|
TTB
|
11.79
|
13,523
|
30/04/64
|
10.19
|
OR
|
1.28
|
4,102
|
09/09/64
|
48.61 ***
|
TFFIF
|
10
|
3,473
|
31/08/64
|
-21.65
|
DMT
|
22.13
|
3,215
|
25/08/64
|
-23.13 ***
|
MCOT
|
65.8
|
3,029
|
10/03/64
|
58.02
|
BCP
|
4.76
|
1,802
|
09/09/64
|
33.5
|
MFC
|
15.92
|
492
|
05/05/64
|
68.49
|
BEYOND
|
10.8
|
306
|
27/08/64
|
20.99
|
NEP
|
12.72
|
142
|
12/03/64
|
92
|
RPH
|
2.69
|
90
|
24/08/64
|
9.91
|
THAI
|
47.86
|
SP/NP/NC**
|
03/07/63
|
N/A
|
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
** ถูกห้ามซื้อขายเพราะอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ
*** ผลตอบแทนราคาปิด 12 พ.ย.64 เทียบราคาไอพีโอ
|
ทั้งนี้กระทรวงการคลังถือหุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) มูลค่าสูงสุด 6.65 แสนล้านบาท สัดส่วน 70% รองลงมาคือ บมจ.ปตท.(PTT) สัดส่วน 51.11% มูลค่ารวม 5.47 แสนล้านบาท
ส่วนที่ถือครองน้อยสุดคือ บมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์ (RPH) สัดส่วน 2.69% มูลค่า 90 ล้านบาท
นอกจากนี้ ถือครองหุ้น บมจ.การบินไทย (THAI) สัดส่วน 47.86% แต่ถูกห้ามซื้อขายไปแล้ว เพราะอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ และไม่สามารถประเมินมูลค่าล่าสุดได้
สำหรับผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึง 12 พ.ย.64 (YTD) พบว่า 12 หลักทรัพย์ถือครอง (ไม่รวม THAI) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 24.33% ซึ่งส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ให้ผลตอบแทนสูงสุด 68.49%YTD
ขณะที่มี 3 บจ.ให้ผลตอบแทนติดลบ โดย บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) ให้ผลตอบแทนติดลบสูงสุด 23.13% ล่าสุดอยู่ที่ 12.3 บาท จากราคาไอพีโอ 16 บาท ซึ่งเข้าซื้อขายเมื่อ 7 พ.ค.64
2. “SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED” สถาบันต่างชาติถือหุ้นไทยสูงสุด 3.11 แสนลบ.
ลำดับที่ 2 เป็นฝั่งนักลงทุนสถาบันต่างชาติ คือ “SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED” ที่ถือหุ้นไทยถึง 105 หลักทรัพย์ มูลค่ารวมกว่า 3.11 แสนล้านบาท โดย 20 หลักทรัพ์ที่ถือครองมูลค่าสูงสุดได้แก่
TOP20 หุ้นในพอร์ต “SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED”
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
CPALL
|
6.82
|
40,003
|
15/09/64
|
12.02
|
AOT
|
3.74
|
35,536
|
09/12/63
|
6.83
|
PTT
|
1.85
|
19,843
|
30/09/64
|
-11.76
|
SCB
|
3.85
|
17,325
|
06/10/64
|
51.43
|
KBANK
|
4.52
|
15,834
|
09/09/64
|
30.97
|
SCC
|
2.76
|
13,101
|
16/08/64
|
4.76
|
BDMS
|
3.34
|
12,956
|
14/10/64
|
17.31
|
PTTEP
|
2.36
|
11,021
|
13/08/64
|
19.59
|
ADVANC
|
1.75
|
10,017
|
17/08/64
|
9.66
|
MINT
|
4.2
|
7,246
|
07/05/64
|
29.13
|
DELTA
|
1.22
|
6,154
|
05/03/64
|
-16.87
|
PTTGC
|
2.03
|
5,625
|
06/09/64
|
5.13
|
CPN
|
2.15
|
5,615
|
05/03/64
|
21.99
|
COM7
|
5.13
|
4,663
|
30/04/64
|
94.23
|
EA
|
1.85
|
4,601
|
15/03/64
|
35.03
|
TISCO
|
5.97
|
4,397
|
29/04/64
|
3.95
|
CRC
|
1.88
|
4,148
|
30/04/64
|
18.7
|
BBL
|
1.63
|
3,931
|
09/09/64
|
6.75
|
BTS
|
2.79
|
3,567
|
27/07/64
|
4.3
|
CPF
|
1.6
|
3,474
|
31/08/64
|
-5.61
|
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนรายนี้ถือหุ้นรวม 105 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 3.11 แสนลบ.
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
“SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED” ถือหุ้นกระจายในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยสัดส่วนใหญ่อยู่ที่หมวดธุรกิจพาณิชย์, พลังงาน และ ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมี 9 หลักทรัพย์ที่ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และ 42 หลักทรัพย์ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ถือ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) มูลค่าสูงสุด 4 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 6.82%
ส่วนหุ้นที่ถือครองมูลค่าน้อยสุด บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) สัดส่วน 1.12% มูลค่า 58 ล้านบาท
นอกจากนี้ ถือครองหุ้น บมจ.การบินไทย (THAI) สัดส่วน 47.86% แต่ถูกห้ามซื้อขายไปแล้ว เพราะอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ และไม่สามารถประเมินมูลค่าล่าสุดได้
สำหรับผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี พบว่า 104 หลักทรัพย์ที่ถือ (ไม่รวม THAI) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 21%YTD โดยมี 81 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นบวกตั้งแต่ 1.02 - 204.58% ซึ่งมีถึง 5 หลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 100% และ บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) ให้ผลตอบแทนสูงสุด 204.58%
ขณะที่มี 20 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.96 - 21.65% ซึ่ง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ติดลบสูงสุด
3."ประกันสังคม" ถือ 67 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.94 แสนลบ.
ลำดับที่ 3 คือ สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้นถึง 67 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.94 แสนล้านบาท โดย 20 หลักทรัพ์ที่ถือครองมูลค่าสูงสุดได้แก่
TOP20 หลักทรัพย์ในพอร์ต “ประกันสังคม”
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
PTT
|
2.14
|
22,909
|
30/09/64
|
-11.76
|
ADVANC
|
3.36
|
19,290
|
17/08/64
|
9.66
|
SCC
|
4.01
|
19,066
|
16/08/64
|
4.76
|
AOT
|
1.89
|
17,949
|
09/12/63
|
6.83
|
CPALL
|
2.96
|
17,375
|
15/09/64
|
12.02
|
SCB
|
3.54
|
15,946
|
06/10/64
|
51.43
|
BDMS
|
4.08
|
15,819
|
14/10/64
|
17.31
|
KBANK
|
4.18
|
14,659
|
09/09/64
|
30.97
|
BBL
|
5.22
|
12,595
|
09/09/64
|
6.75
|
CPF
|
3.56
|
7,748
|
31/08/64
|
-5.61
|
PTTEP
|
1.56
|
7,290
|
13/08/64
|
19.59
|
HMPRO
|
2.93
|
5,861
|
16/09/64
|
10.95
|
CPN
|
2.16
|
5,644
|
05/03/64
|
21.99
|
WHART
|
15.69
|
5,621
|
21/10/64
|
-2.85
|
BCP
|
14.4
|
5,453
|
09/09/64
|
33.5
|
BEM
|
3.81
|
5,324
|
10/05/64
|
10.24
|
CRC
|
2.19
|
4,830
|
30/04/64
|
18.7
|
LH
|
4.5
|
4,650
|
25/08/64
|
8.81
|
FTREIT
|
11.09
|
4,416
|
17/08/64
|
11.11
|
TU
|
4.54
|
4,399
|
24/08/64
|
49.26
|
หมายเหตุ : “ประกันสังคม” ถือหุ้นรวม 67 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.94 แสนลบ.
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
"ประกันสังคม" ถือครองหุ้นกระจายในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเช่นกัน โดยสัดส่วนใหญ่อยู่ในหมวดธุรกิจ พลังงาน, ธนาคารพาณิชย์ และ พาณิชย์ ซึ่งมี 9 หลักทรัพย์ที่ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และ 38 หลักทรัพย์ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ถือ บมจ.ปตท.(PTT) มูลค่าสูงสุด 2.29 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 2.14%
ส่วนที่ถือครองน้อยสุดคือน้องใหม่ไอพีโออย่าง บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) สัดส่วน 0.75% มูลค่า 57 ล้านบาท
สำหรับผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี พบว่า 67 หลักทรัพย์ที่ถือให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11.44%YTD โดยมี 47 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 1.02 - 149.48% ซึ่ง บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) ให้ผลตอบแทนสูงสุด
ขณะที่มี 19 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.51 - 21.65% โดย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ติดลบสูงสุด
4. "กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง" ถือ 15 หลักทรัพย์ มูลค่า 2.75 แสนลบ.
ลำดับที่ 4 คือ กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ถือครอง 15 หลักทรัพย์ มูลค่า 2.75 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง” มูลค่ารวม 2.75 แสนลบ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
PTT
|
12.16
|
130,267
|
30/09/64
|
-11.75
|
SCB
|
23.12
|
104,052
|
06/10/64
|
51.43
|
TTB
|
10.44
|
11,975
|
30/04/64
|
10.19
|
BCP
|
19.84
|
7,512
|
09/09/64
|
33.5
|
KTB
|
4.36
|
7,193
|
22/04/64
|
6.31
|
AOT
|
0.7
|
6,678
|
09/12/63
|
6.83
|
ESSO
|
8.46
|
2,270
|
19/03/64
|
4.73ถื
|
IVL
|
0.8
|
1,898
|
30/08/64
|
12.84
|
EGCO
|
1.28
|
1,191
|
30/08/64
|
-8.57
|
SCCC
|
1.96
|
967
|
25/02/64
|
22.14
|
RATCH
|
0.98
|
629
|
08/09/64
|
-16.04
|
DTAC
|
0.62
|
518
|
02/08/64
|
7.52
|
KWC
|
8.36
|
140
|
28/04/64
|
1.82
|
THAI
|
17.08
|
SP/NP/NC**
|
03/07/63
|
N/A
|
หมายเหตุ : "กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง" บริหารโดย บลจ.กรุงไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี ซึ่งแบ่งการจัดการทรัพย์สินของกองทุนบริษัทละเท่าๆ กัน
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
** ถูกห้ามซื้อขายเพราะอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ
|
ทั้งนี้ "กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง" บริหารโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี ซึ่งแบ่งการจัดการทรัพย์สินของกองทุนบริษัทละเท่าๆ กัน เช่น การถือครอง บมจ.ปตท. (PTT) ที่ 12.16% เป็น กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย ถือ 6.08% และ กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี ถือ 6.08%
ขณะที่มูลค่าการถือครองสูงสุดอยู่ที่ บมจ.ปตท.(PTT) สัดส่วน 12.16% มูลค่ารวม 1.3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งถือครองมูลค่า 1.04 แสนล้านบาท ให้ผลตอบแทนราคาสูงสุด 51.43%YTD
5. "UBS AG SINGAPORE BRANCH" ถือ 38 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 1.95 แสนลบ.
ลำดับที่ 5 เป็นสถาบันต่างชาติ คือ "UBS AG SINGAPORE BRANCH" ถือหุ้น 38 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 1.95 แสนล้านบาท โดย 20 หลักทรัพ์ที่ถือครองมูลค่าสูงสุดได้แก่
TOP20 หุ้นในพอร์ต “UBS AG SINGAPORE BRANCH”
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
GULF
|
12.56
|
61,532
|
14/05/64
|
21.9
|
EA
|
20.95
|
51,960
|
15/03/64
|
35.03
|
BDMS
|
3.62
|
14,020
|
14/10/64
|
17.31
|
MINT
|
6.98
|
12,051
|
07/05/64
|
29.13
|
AWC
|
6.67
|
9,989
|
05/03/64
|
2.63
|
BTS
|
6.31
|
8,056
|
27/07/64
|
4.3
|
CBG
|
4.52
|
5,577
|
30/08/64
|
7.86
|
BGRIM
|
4.6
|
4,920
|
27/08/64
|
-15.46
|
CPN
|
1.25
|
3,263
|
05/03/64
|
21.99
|
KTC
|
1.95
|
2,905
|
20/04/64
|
-2.94
|
STEC
|
11.04
|
2,307
|
26/03/64
|
7.87
|
WHA
|
3.89
|
1,998
|
10/05/64
|
13.16
|
VGI
|
3.23
|
1,959
|
16/07/64
|
6.02
|
SIRI
|
9.57
|
1,849
|
16/03/64
|
60.49
|
CRC
|
0.83
|
1,818
|
30/04/64
|
18.7
|
SPCG
|
9.02
|
1,723
|
30/08/64
|
-9.95
|
DMT
|
11.65
|
1,693
|
25/08/64
|
-23.13
|
TGH
|
4.45
|
945
|
16/03/64
|
-13.08
|
RML
|
22.43
|
936
|
26/03/64
|
56.25
|
EE
|
18.35
|
847
|
15/06/4
|
163.49
|
หมายเหตุ : ผู้ลงทุนรายนี้ถือหุ้นรวม 38 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 1.95 แสนลบ.
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
"UBS AG SINGAPORE BRANCH" ถือหุ้นกลุ่มพลังงานสูงสุดมากกว่า 40% ของพอร์ต ซึ่ง 4 หลักทรัพย์ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และ 13 หลักทรัพย์ถือครองมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ถือหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) มูลค่าสูงสุดของพอร์ตถึง 6.15 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 12.56%
ส่วนที่ถือครองน้อยสุดคือ บมจ.เทพธานีกรีฑา (CSR) มูลค่า 16 ล้านบาท สัดส่วน 1.32%
สำหรับผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี พบว่า 38 หลักทรัพย์ที่ถือให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 40%YTD โดยมี 27 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 2.63 - 671.56% ซึ่ง บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ที่ถือสัดส่วน 2.91% ให้ผลตอบแทนสูงสุด
ขณะที่มี 9 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ 1.52 - 38.84% โดย บมจ.โมโน เน็กซ์ (MONO) ซึ่งถือ 2.1% ผลตอบแทนติดลบสูงสุด
6. "ธนาคารกรุงเทพ" ถือ 45 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 5.89 หมื่นลบ.
ลำดับที่ 6 คือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ถือครอง 45 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 5.89 หมื่นล้านบาท โดย 20 หลักทรัพ์ที่ถือครองมูลค่าสูงสุดได้แก่
TOP20 พอร์ตลงทุน “ธนาคารกรุงเทพ”
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
IVL
|
4.83
|
11,310
|
30/08/64
|
12.84
|
BH
|
7.58
|
9,277
|
27/08/64
|
28.33
|
GULF
|
1.27
|
6,202
|
14/05/64
|
21.9
|
VGI
|
8.36
|
5,076
|
16/07/64
|
6.02
|
BLA
|
7.61
|
3,998
|
12/05/64
|
46.43
|
BKI
|
9.97
|
2,950
|
27/09/64
|
0.72
|
BEM
|
1.99
|
2,777
|
10/05/64
|
10.24
|
OSP
|
2.5
|
2,625
|
25/08/64
|
-1.41
|
FTREIT
|
4.03
|
1,606
|
17/08/64
|
11.11
|
JASIF
|
1.58
|
1,306
|
24/08/64
|
8.42
|
BA
|
5
|
1,250
|
11/03/64
|
85.94
|
ASK
|
7.35
|
1,067
|
28/04/64
|
104.68
|
RS
|
5.18
|
941
|
27/04/64
|
8.09
|
VNG
|
5.35
|
863
|
27/08/64
|
181.82
|
CK
|
2.3
|
853
|
11/05/64
|
31.93
|
TPIPL
|
2.26
|
749
|
14/10/4
|
-5.98
|
ASP
|
8.46
|
623
|
30/08/64
|
60.55
|
KEX
|
0.98
|
621
|
25/08/64
|
-25.89
|
MILL
|
7.37
|
506
|
10/05/64
|
85.2
|
TSTH
|
3.52
|
474
|
24/05/64
|
138.81
|
หมายเหตุ : “ธนาคารกรุงเทพ” ถือหุ้นรวม 45 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 5.89 หมื่นลบ.
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
ธนาคารกรุงเทพถือหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีสัดส่วนสูงสุด รองลงมาคือกลุ่มการแพทย์ โดยถือหุ้น บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) มูลค่าสูงสุด 1.13 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 4.83%
ส่วนที่ถือครองสัดส่วนน้อยสุดคือ บมจ.พรีเมียร์ โพรดักส์ (PPP) มูลค่าเพียง 12 ล้านบาท
สำหรับผลตอบแทนราคาตั้นแต่ต้นปี พบว่าหุ้นที่ถือครองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 37%YTD โดยมีถึง 38 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 0.72 - 292% ซึ่งมีถึง 5 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนมากกว่า 100% โดย บมจ.ไทยนามพลาสติกส์ (TNPC) ให้ผลตอบแทนสูงสุด
ขณะที่มี 6 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ 0.75 - 25.89% โดย บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ติดลบสูงสุด
7. "HSBC" ถือ 16 หลักทรัพย์ มูลค่า 5.09 หมื่นลบ.
ลำดับที่ 7 คือ “THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED” หรือ HSBC ถือครอง 16 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 5.09 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED”
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
DELTA
|
4.83
|
24,321
|
05/03/64
|
-16.87
|
INTUCH
|
5.2
|
12,632
|
10/09/64
|
34.67
|
ABFTH
|
95.24
|
9,644
|
15/06/64
|
-7.58
|
MTC
|
0.58
|
744
|
30/04/64
|
2.12
|
JWD
|
4.32
|
692
|
11/05/64
|
88.02
|
RS
|
3.04
|
552
|
27/04/64
|
8.09
|
TQM
|
1.59
|
505
|
27/08/64
|
-21.19
|
STARK
|
0.77
|
430
|
05/04/64
|
10.8
|
TIDLOR
|
0.45
|
380
|
06/05/64
|
0.68 ***
|
SINGER
|
1.57
|
353
|
02/11/64
|
74.18
|
GJS
|
1.78
|
173
|
11/03/64
|
137.5
|
ITEL
|
2.67
|
164
|
23/09/64
|
79.56
|
KAMART
|
3.48
|
120
|
26/08/64
|
-1.52
|
MILL
|
1.34
|
92
|
10/05/64
|
85.2
|
PATO
|
3.37
|
59
|
19/03/64
|
16.19
|
PACE
|
2.25
|
SP **
|
16/03/64
|
N/A
|
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64 โดยมีมูลค่าลงทุนรวม 5.09 หมื่นล้านบาท
** ถูกห้ามซื้อขายเพราะไม่ส่งงบการเงิน
*** ผลตอบแทนราคาปิด 12 พ.ย.64 เทียบราคาไอพีโอ
|
ทั้งนี้ถือหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA มูลค่าสูงสุด 2.43 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 4.83%
ขณะที่ผลตอบแทนราคาตั้นแต่ต้นปี พบว่าหุ้นที่ถือครองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 30.62%YTD โดย บมจ.จี เจ สตีล (GJS) ให้ผลตอบแทนสูงสุด 137.5% และ บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) ให้ผลตอบแทนติดลบสูงสุด 21.19%
8.“UBS AG HONG KONG BRANCH” ถือ 7 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 4.7 หมื่นลบ.
ลำดับที่ 8 คือ “UBS AG HONG KONG BRANCH” ถือหุ้น 7 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 4.7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “UBS AG HONG KONG BRANCH” มูลค่ารวม 4.7 หมื่นลบ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
DELTA
|
4.39
|
22,123
|
05/03/64
|
-16.87
|
TRUE
|
9.19
|
11,588
|
15/03/64
|
9.88
|
CPF
|
3.31
|
7,190
|
31/08/64
|
-5.61
|
BTS
|
2.86
|
3,646
|
27/07/64
|
4.3
|
SAWAD
|
2.58
|
2,229
|
06/05/64
|
-4.18
|
NOBLE
|
2.31
|
204
|
25/08/64
|
21.97
|
TRITN
|
1.93
|
60
|
15/10/64
|
-22.22
|
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
ทั้งนี้ถือหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA มูลค่าสูงสุด 2.2 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 4.39%
ขณะที่ผลตอบแทนราคาตั้นแต่ต้นปี พบว่าหุ้นที่ถือครองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -1.82YTD โดยมีถึง 4 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ ซึ่ง บมจ.ไทรทัน โฮลดิ้ง (TRITN) ติดลบสูงสุด 22.22%
9.“RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED” ถือ 8 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 3.67 หมื่นลบ.
ลำดับที่ 9 คือ “RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED” ถือหุ้น 8 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 3.67 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED” มูลค่ารวม 3.67 หมื่นลบ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
DELTA
|
4.62
|
23,279
|
05/03/64
|
-16.87
|
MINT
|
2.82
|
4,864
|
07/05/64
|
29.13
|
AWC
|
1.73
|
2,597
|
05/03/64
|
2.63
|
BJC
|
1.81
|
2,514
|
25/08/64
|
0
|
NOBLE
|
20.05
|
1,771
|
25/08/64
|
-21.97
|
THANI
|
5.6
|
1,307
|
05/03/64
|
-0.96
|
DDD
|
4.94
|
286
|
15/03/64
|
0.55
|
SFP
|
4.9
|
124
|
09/12/63
|
-5.51
|
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
ทั้งนี้ถือหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA มูลค่าสูงสุด 2.3 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 4.62%
ขณะที่ผลตอบแทนราคาตั้นแต่ต้นปี พบว่าหุ้นที่ถือครองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย -1.63YTD โดยมีถึง 4 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนติดลบ ซึ่ง บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ติดลบสูงสุด 21.97%
10."GIC PRIVATE LIMITED" ถือ 9 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 3.55 หมื่นลบ.
ลำดับที่ 10 คือ "GIC PRIVATE LIMITED" ถือหุ้น 9 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 3.55 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
พอร์ตลงทุน “GIC PRIVATE LIMITED” มูลค่ารวม 3.55 หมื่นลบ.
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%สัดส่วน
|
มูลค่า (ลบ.)*
|
วันปิดสมุด
|
%ผลตอบแทน YTD
|
CPALL
|
2.9
|
17,027
|
15/09/64
|
12.02
|
ADVANC
|
1.18
|
6,797
|
17/08/64
|
9.66
|
OR
|
1.03
|
3,312
|
09/09/64
|
48.61
|
TOP
|
2.94
|
3,235
|
10/09/64
|
3.85
|
AWC
|
2.13
|
3,186
|
05/03/64
|
2.63
|
MAJOR
|
4.55
|
847
|
19/07/64
|
13.66
|
KEX
|
0.8
|
507
|
25/08/64
|
-25.89
|
BAM
|
0.68
|
446
|
07/05/64
|
-7.31
|
SHREIT
|
19.34
|
172
|
16/03/64
|
-19.75
|
* มูลค่าคำนวณจากจำนวนหุ้น x ราคาปิด 12 พ.ย.64
|
ทั้งนี้ถือ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) มูลค่าสูงสุด 1.7 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 2.9%
ขณะที่ผลตอบแทนราคาตั้นแต่ต้นปี พบว่าหุ้นที่ถือครองให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.16%YTD โดย บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ให้ผลตอบแทนสูงสุด 48.61%
ส่วน บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ติดลบสูงสุด 25.89%