efinancethai

ประเด็นร้อน

เปิดกลยุทธ์ พ.ค.66 ลุ้นผลเลือกตั้ง จับตา Sell in May

เปิดกลยุทธ์ พ.ค.66 ลุ้นผลเลือกตั้ง จับตา Sell in May

 

โบรกฯ มอง SET เดือน พ.ค.66 มีโอกาสบวกรับ เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย - ผลเลือกตั้งหนุน  มองโอกาสเกิด Sell in May ยังมี แต่หากเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ อาจช่วยลดความเสี่ยงได้ แนะติดตามปรับประมาณการหลังแจ้งงบ Q1/66 เสร็จสิ้น ประเมินกรอบ 1,500 - 1,600 จุด พร้อมแนะ 22 หุ้นเด่นน่าสะสม

 

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุน - หุ้นเด่น เดือนพ.ค.66 จาก 4 โบรกเกอร์ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจาก 2 ประเด็นหลักได้แก่ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมพ.ค.นี้ 0.25% และคาดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดไป พร้อมการเลือกตั้งในไทย หากได้รัฐบาลใหม่จัดตั้งไวหนุนหุ้นไทยต่อเนื่อง ลดโอกาสเกิด Sell in May แนะระวังการปรับประมาณการหุ้นไทยใหม่หลังแจ้งงบ Q1/66 เสร็จ - government shutdown ฝั่งสหรัฐฯ 

 

*** ฟินันเซียไซรัส คาด SET เดือน พ.ค. ระบุหากการเมืองจัดตั้งรัฐบาลได้ - จีดีพี Q1/66 แจ่ม คงเป้า SET ทั้งปี 1,700 จุด

 

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนเดือนพ.ค.66 มีปัจจัยการเมืองที่ต้องติดตาม โดยจากผลโพลล่าสุดคาดว่าเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และหากมีเสถียรภาพสูง มองตลาดจะตอบรับ ในเชิงบวก ขณะที่ตัวเลข GDP ช่วงไตรมาส 1/66  ที่คาดออกมาฟื้นตัวช่วยหนุนความเชื่อมั่น นอกจากนี้ผลตอบแทนเดือน เม.ย. ที่เป็นลบ ช่วยลดโอกาส Sell in May ปีนี้ลง ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/66 คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ โดยเฉพาะฝั่งรายได้ ส่วน Margin จะฟื้นชัดขึ้นในไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป โบรกฯ ยังคง SET Target ทั้งปีที่ 1,700 จุด โดยเลือก หุ้นเด่น เดือน พ.ค. ได้แก่ BA , BDMS , CPALL , ICHI และ TOA

 

*** หยวนต้า ชี้ สถิติหลังเลือกตั้งหนุนหุ้นบวก 3-5%  ลดความเสี่ยง Sell in May  

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นช่วงพ.ค.66 มีโอกาสฟื้นตัว โดยประเมินกรอบแนวต้าน 1,580 - 1,600 จุด ส่วนแนวรับ 1,520 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.66 คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และปัจจัย 2. จากผลการเลือกตั้งจะช่วยหนุนตลาดตอบรับในเชิงบวก ซึ่งตามสถิตหลังเลือกตั้งหุ้นปรับขึ้น 3-5% ในช่วง 1 เดือนแรก  อย่างไรก็ตามยังขึ้นกับปัจจัยการจัดตั้งรัฐบาลว่าทำได้เร็วเพียงใด 

 

โดยทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนไม่ให้เกิด Sell in May ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง จากการบริโภคในประเทศ และอานิสงส์การเลือกตั้ง รวมถึงปัจจัยบวกเฉพาะตัวคือคำนวณเข้าดัชนี MSCI เช่น MAKRO , SCAP , OSP

 

*** ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุเฟดจ่อยุติขึ้นดบ. - เลือกตั้ง - ศก.ในประเทศโต หนุนหุ้นพ.ค.แจ่ม 

 

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ภาพรวมตลาดหุ้นพ.ค. มีสัญญาณหลายอย่างที่ช่วยสนับสนุนให้ดัชนีฯ ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ 1. คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สำหรับการประชุม 2-3 พ.ค. นี้ และหลังจากนั้นจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง 2.การเลือกตั้งซึ่งหุ้นไทยมักเคลื่อนไหวเป็นบวกก่อน 1 สัปดาห์เลือกตั้ง ต่อเนื่องหลักเดือนหลังจบการเลือกตั้ง 3.การรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 อาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  แต่กลุ่มที่มีสัญญาณเชิงบวกยังเห็นการเติบโตในประเทศทั้งกลุ่มค้าปลีก , เปิดเมืองหนุนการท่องเที่ยว 

 

ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดภาพการลงทุนในเดือนพ.ค. 66 โดยยังมีทิศทางเป็นบวก ซึ่งแนะนำให้เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ค้าปลีก CPALL BJC , ท่องเที่ยว ERW SPA VRANDA , นิคมอุตสาหกรรม WHA ROJNA  และประเด็นความกังวลเศรษฐกิจถดถอย จะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์บางกลุ่มเช่น ไฟฟ้า GULF BGRIM ,ไอซีที ADVANC ทั้งนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ที่ 1,520 - 1,580 จุด 

 

*** ไอร่า คาด SET พ.ค. ยังผันผวนรับปัจจัยบวก - ลบ 

 

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ดัชนีฯ เดือนพ.ค. 66 คาดว่ายังผันผวนในกรอบ 1,500 - 1,580 จุด จากปัจจัยบวกและลบเข้ามากระทบการลงทุน โดยเริ่มต้นเดือนจากปัจจัยการประชุมเฟดซึ่งตลาดคาดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และสิ่งสำคัญคือต้องจับตาว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นในครั้งนี้จะส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อหรือไม่ และหากคงค้างดอกเบี้ยระดับสูงดังกล่าว จะยาวนานเท่าไหร่ ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนดังกล่าว 

 

ส่วนช่วงกลางเดือนมีประเด็นการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่าขั้วรัฐบาลอยู่พรรคไหน หรือแม้แต่เลือกตั้งเสร็จหน้าตารัฐบาลจะเป็นในรูปแบบไหน ซึ่งหากฝั่งรัฐบาลมาจากเสียงข้างมากโอกาสหุ้นไทยไปต่อได้ เพราะตามสถิติการเลือกตั้งย้อนหลังตั้งแต่ปี 2544 การเลือกตั้ง 5 ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้เป็นโมฆะ ตลาดจะให้ผลตอบแทนบวก รวมถึงประเด็นการปรับประมาณการตลาดหุ้นไทย หลังจากประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ออกมาเสร็จสิ้น และการติดตามปลายเดือนพ.ค. เรื่อง government shutdown จากกฎหมายร่างเพดานหนี้สหรัฐฯ ว่าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่

 

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ หุ้นพื้นฐานดีที่อิงการเติบโตเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารพาณิชย์ซึ่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าตลาดคาดประมาณ 7% และทิศทางไตรมาส 2/66 มีโอกาสเติบโตต่อจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังปรับขึ้น ด้านปัญหาหนี้เสียลดลง ได้แก่ KBANK BBL SCB TTB KTB,  กลุ่มค้าปลีกทิศทางกำไรดีขึ้นต่อเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวดี และการเลือกตั้งที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา MAKRO CPALL BJC

 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด