จับตาหุ้น"พี/อีสูง"เสี่ยงถูกขายทำกำไร หลังงบ บจ.มีแนวโน้มต่ำกว่าคาด

โบรกฯ เตือนหุ้น "พี/อีสูง" เสี่ยงเจอแรงขายทำกำไร หลังผลประกอบการของหลายบริษัทในงวดปี 65 ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ดัชนีติดแนวต้าน 1,700 จุด แนะเพิ่มความระมัดระวังลงทุน พร้อมดูพี/อีปัจจุบัน และพี/อีในอนาคตประกอบ พบ 53 หุ้น มีระดับพี/อี เกิน 50 เท่า

*** เอเซีย พลัส เตือนหุ้น P/E สูง ระวังเจอแรงขาย หากกำไรไม่ซัพพอร์ต

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยกับ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า ในระยะถัดไปถือเป็นความเสี่ยงของตลาด โดยเฉพาะหุ้นที่มีค่าอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) สูงๆ ซึ่งหากการประกาศผลประกอบการปี 65 ออกมาต่ำกว่าคาด ก็อาจเจอแรงเทขายออกมาได้ ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังหากคิดจะเข้าไปลงทุนในหุ้นเหล่านี้

ทั้งนี้ มองว่าปัจจุบันนักลงทุนนิยมเข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเพื่อเก็งกำไรในช่วงก่อนการประกาศงบงวดไตรมาส 4 และทั้งปี 65 ออกมา ซึ่งหากบริษัทที่ประกาศงบออกมาไม่ดีหรือออกมาต่ำกว่าที่คาดก็เชื่อว่าอาจกดดันให้ P/E หุ้นเหล่านั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก รวมถึงก็อาจเจอกับแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนออกมาจำนวนมาก โดยประเด็นดังกล่าวก็ถือเป็นความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยที่เพิ่มมากขึ้น

"แนะนำนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากก็อาจต้องเพิ่มระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ระดับ P/E สูงๆ เนื่องจากการประกาศงบออกมาไม่ดีก็อาจเจอแรงขายได้" นายภราดร กล่าว

*** ยูโอบีฯ แนะดูเป็นรายตัว เหตุบางบริษัท P/E สูงมีกำไร

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่าอยากแนะนำให้ดู P/E หุ้นเป็นรายตัวมากกว่า เพราะหากดูเป็นกลุ่มจะพบว่าอาจยังไม่แพง โดยเฉพาะบางบริษัทที่ปีนี้แนวโน้มผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุน ซึ่งก็อาจทำให้นักลงทุนเลือกเข้ามาเก็งกำไรกันจำนวนมาก จึงทำให้การเน้นดูที่ระดับ P/E อย่างเดียวอาจทำได้ค่อนข้างยาก

ทั้งนี้ มองว่าการดูระดับ P/E ของแต่ละบริษัทอาจต้องไปดู Forward P/E หรือคาดการณ์กำไรของบริษัทในปีนี้ด้วย เพราะหากแนวโน้มของธุรกิจยังคงสัญญาณที่ดีหรือยังไม่สุดทางของการฟื้นตัวตลาดก็คงยังไม่อิงกับระดับ P/E เป็นหลัก อย่างไรก็ตามยอมรับว่าปัจจุบันก็มีหุ้นบางตัวที่ระดับ P/E สูงมากๆ เช่น DELTA เป็นต้น

*** เมย์แบงก์ฯ ชี้หุ้นสนามบิน-โรงแรม ราคาไม่ถูกแล้ว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันนักลงทุนเทรดกันในโซนไม่ถูกแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากอย่างหุ้นสนามบินและหุ้นโรงแรมที่ราคาหุ้นเริ่มกลับไปที่ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 หมดแล้ว อย่างไรก็ตามมองว่าการวิเคราะห์ก็อยากให้นักลงทุนดูระดับ P/E ในอนาคตหรือกำไรปีนี้ว่าจะเติบโตสูงหรือไม่ รวมถึงเทียบเคียงกับค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่มอุตสาหกรรมประกอบกัน

ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสไปต่อได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมองว่าค่าเฉลี่ย P/E ของตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 16 เท่า แต่ปัจจุบันค่า P/E ของตลาดเทรดกันยังไม่ถึงระดับดังกล่าวเลย

*** พบ 53 หุ้นที่มีค่า P/E เกินกว่าระดับ 50 เท่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างผันผวน ภายหลังจากในช่วงก่อนหน้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ทั้งหมด โดยใช้โปรแกรม efin Stock PickUp ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีหุ้นที่มีค่า P/E เกินกว่าระดับ 50 เท่า จำนวนกว่า 53 บริษัท โดยแบ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม SET 100 ราว 10 บริษัท และหุ้นที่มีค่า P/E เกินกว่าระดับ 100 เท่า มีจำนวนถึง 13 บริษัท

*** CENTEL ครองแชมป์ค่า P/E สูงที่สุดในตลาด

ทั้งนี้สำหรับหุ้นที่มีค่า P/E สูงที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.CENTEL โดยมีค่า P/E ที่ระดับกว่า 1,333 เท่า รองลงมาคือ 2.STPI ที่ระดับ724 เท่า ,3.SSC ที่ระดับ 714 เท่า ,4.GRAMMY ที่ระดับ 455 เท่า ,5.PRIME ที่ระดับ 343 เท่า ,6.CCP ที่ระดับ 222 เท่า,7.MINT ที่ระดับ 219 เท่า ,8.RS ที่ระดับ185 เท่า ,9.BBGI ที่ระดับ 159 เท่า และ10. JTS ที่ระดับ 157 เท่า

อนึ่ง ข้อมูล ณ สิ้น 26 ม.ค.66   

ทั้งนี้หากแยกเฉพาะหุ้นใน SET100 พบมี 10 บริษัท ดังนี้