4 กูรูผสานเสียง SET ช่วงนี้ผันผวนมาก ไม่แนะนำให้ลงทุนระยะสั้น แนะทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดี - ราคาลงลึก - ปันผลสูง ถือลงทุนระยะกลาง - ยาว ช่วยจำกัดความเสี่ยงการลงทุนลดลง ชี้ควรทยอยแบ่งไม่ซื้อ ยิ่งดัชนีอยู่ใกล้บริเวณ 1,350 จุด ถือเป็นช่วงที่ต้องเพิ่มน้ำหนักลงทุน เหตุสะท้อนส่วนลดของ SET ค่อนข้างมาก แถมดาวน์ไซด์จำกัด !
*** กูรูชี้หุ้นช่วงนี้ผันผวน ไม่ควรเสี่ยงลงทุนระยะสั้น
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาพตลาดหุ้นไทย (SET) ในช่วงนี้ ยังมีความผันผวน โดยมีปัจจัยกดดันจากการทำสงครามระหว่างอิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส ดังนั้น การลงทุนแบบหวังเก็งกำไรระยะสั้น เป็นกลยุทธ์ที่เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงในช่วงนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุน
เช่นเดียวกับ"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ที่มองว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังมีความผันผวนสูง จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์เข้าเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุนได้
*** แนะดักเก็บหุ้นลงลึก - ปันผลสูง ถือลงทุนกลาง - ยาว
"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" กลับมาให้ความเห็นต่อว่า สถานการณ์ปัจจุบัน แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบระยะกลาง - ยาว โดยเลือกหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาลึกพอสมควร และมีประวัติการจ่ายเงินปันผล คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับสูง โดยมองว่าเป็นกลยุทธ์ลงทุนที่ปลอดภัยอีกหนึ่งวิธีในช่วงนี้
สอดคล้องกับ "วิจิตร อารยะพิศิษฐ" นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ ที่ระบุว่าหากอ้างอิงเทรนด์การลงทุนของผู้จัดการกองทุนระดับโลก ที่ปัจจุบันหันมาล็อกยีลด์จากการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯซึ่งให้ผลตอบแทนราว 5% ถือว่า การมองหาหุ้นปันผลสูงเพื่อล็อกยีลด์ระดับสูง ในช่วงเวลาที่ราคาหุ้นหลาย ๆ บริษัทปรับตัวลง เป็นจังหวะที่เหมาะสมแล้ว เพราะจะทำให้ต้นทุนต่ำลง และได้รับผลตอบเเทนเงินปันผลสูงขึ้นด้วย
ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู่ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่นักลงทุนจะทยอยสะสมหุ้นปันผลสูง เนื่องจาก SET ปรับตัวลงค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้มูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ดูไม่แพงแล้ว สอดคล้องกับ Valuation ของหุ้นหลาย ๆ บริษัทในตลาดหุ้นไทยด้วย
*** วงการชี้ถึงเวลาทยอยสะสมแล้ว เเนะแบ่งไม้ซื้อ
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" มองว่า ในช่วงดัชนีต่ำกว่าระดับ 1,450 จุด ถือเป็นจังหวะที่น่าสนใจที่นักลงทุนจะทยอยเข้าสะสมหุ้นแล้ว สะท้อนจากความนิยมในการยอมรับ Forward P/E ของตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ระดับ 17 เท่า ซึ่งในช่วงดังกล่าว ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว จึงทำให้นักลงทุนอาจจะต้องเริ่มทยอยแบ่งไม้เข้าสะสมหุ้นพื้นฐานดี และจ่ายเงินปันผลสูงได้แล้ว
ยิ่งถ้าดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวลงสู่ระดับใกล้เคียง 1,350 จุด ยิ่งเป็นจังหวะที่ต้องเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนมากขึ้น เพราะถือว่าในช่วงดัชนีดังกล่าว มีส่วนลดค่อนข้างเยอะ คิดเป็น Forward P/E เพียงแค่ 14.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อย่างมีนัยสำคัญ และอีกนัยหนึ่ง ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า ดาวน์ไซด์ของดัชนีเริ่มจำกัดแล้วเช่นกัน
สอดคล้องกับ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ที่มองว่า หลังจากดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 1,400 จุด ถือว่า เป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าซื้อแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า จุดต่ำสุดของดัชนีจะผ่านไปหรือยัง เพราะในระยะถัดไปยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของสงครามระหว่างอิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส รวมถึงปัจจัยในประเทศ ก็ยังไม่หวือหวามากนัก
ดังนั้น การลงทุนหุ้นปันผลในช่วงนี้ จึงแนะนำเสี่ยงเข้าสะสมหุ้นปันผลสูงที่พื้นฐานดี เนื่องจากหากปัจจัยดังกล่าวคลี่คลายจะช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ โดยแนะนำทยอยซื้อไม้แรกสัก 30% ของเงินลงทุนไปก่อน และหลังจากนั้น ถ้าราคายังลงอีก ก็ค่อย ๆ ทยอยเข้าไปเก็บหุ้นเพิ่มตามสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละคน เพื่อถือลงทุนระยะกลาง - ยาว
*** เลือกหุ้นปันผล มีเทคนิคอย่างไรบ้าง ?
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ระบุว่า เทคนิคเลือกลงทุนหุ้นปันผล คือ ควรมองหาหุ้นที่จ่ายเงินปันผลคิดเป็นยีลด์มากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย ที่อยู่ในระดับราว 3% ประกอบกับ พิจารณาประวัติการจ่ายเงินปันผลย้อนหลังของบริษัทดังกล่าวสัก 3 ปี ว่า มีความสม่ำเสมอหรือไม่
และที่สำคัญ อย่าลืมพิจารณาแนวโน้มการเติบโตของกำไรในอนาคตด้วย ว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ เพราะจะเป็นตัวชี้วัดว่า บริษัทดังกล่าว จะสามารถรักษาการจ่ายเงินปันผลระดับสูงต่อไปได้หรือไม่ ?
ขณะที่ "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" แนะนำว่า หุ้นปันผลที่นักลงทุนจะเข้าไปซื้อ ต้องเป็นหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลสูงมาก่อน และมีอัตราส่วนหนี้สิน/ทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับ ผลการดำเนินงานในระยะถัดไป มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หรือผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเลือกหุ้นปันผลที่ดี ควรจำแนกเซคเตอร์ และ คุณภาพบริษัท โดยการคัดกรองหุ้นว่าอยู่ในเซคเตอร์ใด เพราะหากเลือกลงทุนในเซคเตอร์ที่ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องการจ่ายเงินปันผล ก็จะทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่เราได้รับ น้อยกว่าที่คาดหวัง
สำหรับ เซคเตอร์ที่ไม่เหมาะกับการถือลงทุน เพื่อรับเงินปันผล คือ กลุ่มที่เป็นสินค้าวงจร มาเป็นรอบ ๆ เช่น เหล็ก หรือ การเกษตร เพราะถ้าช่วงไหนเป็นขาขึ้นกำไรก็จะพุ่งกระฉูด ทำให้เงินปันผลเยอะด้วย แต่ถ้าเราเข้าซื้อช่วงผลประกอบการขาลงพอดี ก็จะสวนทางกันเลย เพราะราคาหุ้นมีแต่จะดิ่งลง แถมเงินปันผลก็จะน้อยตามกำไรด้วย
ขณะเดียวกัน เรื่องคุณภาพบริษัทก็สำคัญ ซึ่งอาจต้องพิจารณาลึกไปถึง ROE แต่ละบริษัท ว่า สูงระดับไหน และนอกจากจะสูงแล้ว ต้องดูด้วยว่า มันสูงสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะ จะยิ่งการันตีได้ว่า บริษัทที่เราเลือกมานั้น จะเป็นหุ้นปันผลสูงระยะยาวตัวจริง นั่นเอง ....