หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์โกยกำไร Q3/67 รวมกว่า 6.47 หมื่นล้านบาท โต 7% ส่วนใหญ่ฟันกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทำโบรกฯแห่ปรับเป้าอุตลุด มีถึง 6 แบงก์ถูกอัปเป้ากำไร - ราคาเป้าหมายปี 67 รับงบฯดีว่าคาด มีแค่ 2 แบงก์ที่ถูกลดเป้ากำไรรับงบฯอ่อนแอกว่าคาด ยก KTB - KBANK หุ้น Top Picks กลุ่ม หลังคาดตั้งสำรองฯจ่อลดต่อเนื่อง - Valuation ไม่แพง
*** หุ้นแบงก์รายงานงบ Q3/67 โต 7% ดีกว่าตลาดคาด
ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (กลุ่มแรกที่รายงานงบฯ) โดยในช่วงดังกล่าว 11 หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิรวมกัน 6.47 หมมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิระดับดังกล่าว ถือว่าดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่ประเมินไว้ด้วย
ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 3/67 เป็นเพราะส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการตั้งสำรองหนี้สูญที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ หุ้นธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิรวมกัน 1.92 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 4.47% จากปีก่อน
*** พบ 8 หุ้นธนาคาร ถูกโบรกฯปรับเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่มีการอัปเดทข้อมูลหลังหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เสร็จสิ้น พบมี 8 หุ้นในกลุ่ม ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 และราคาเหมาะสมใหม่ ประกอบด้วย
โบรกฯแห่อัปเป้ากำไร - ราคาเหมาะสมหุ้นแบงก์ หลังงบ Q3/67 ดีกว่าคาด
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรปี 67 (ลบ.)
|
%เปลี่ยนแปลง
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
เปลี่ยนแปลง (บ.)
|
KKP
|
กรุงศรี
|
4,773
|
17.50
|
55
|
17
|
ฟินันเซียฯ
|
4,512
|
16.98
|
47
|
9
|
ดาโอ
|
4,802
|
16.02
|
50
|
10
|
บัวหลวง
|
4,862
|
11.03
|
60
|
22
|
ฟิลลิป
|
5,200
|
-5.45
|
50
|
-4
|
KBANK
|
ทิสโก้
|
47,263
|
16.36
|
150
|
10
|
เอเซีย พลัส
|
48,140
|
11.18
|
163
|
3
|
อินโนเวสท์ฯ
|
48,058
|
10.33
|
160
|
15
|
หยวนต้า
|
47,966
|
3.40
|
175
|
13
|
พาย
|
46,861
|
0.29
|
160
|
-18
|
กรุงศรี
|
49,501
|
0.02
|
180
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
เคจีไอ
|
45,691
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
162
|
10
|
KTB
|
ทิสโก้
|
41,639
|
14.56
|
20.6
|
1.6
|
ทรีนีตี้
|
42,626
|
7.31
|
24
|
2.4
|
บัวหลวง
|
41,892
|
7.00
|
24
|
4
|
เอเซีย พลัส
|
39,882
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
23.4
|
3.6
|
หยวนต้า
|
43,791
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
25
|
2
|
พาย
|
41,388
|
-1.17
|
23.8
|
-0.2
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
22.8
|
1.8
|
BBL
|
ทรีนีตี้
|
43,803
|
5.47
|
185
|
6
|
กรุงศรี
|
44,800
|
4.58
|
148
|
-2
|
อินโนเวสท์ฯ
|
45,026
|
3.45
|
180
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
เอเซีย พลัส
|
43,078
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
180
|
5
|
บัวหลวง
|
42,216
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
178
|
8
|
พาย
|
43,746
|
-1.37
|
174
|
3
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
196
|
7
|
SCB
|
พาย
|
41,641
|
4.46
|
123
|
17
|
กรุงศรี
|
41,676
|
2.76
|
110
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
บัวหลวง
|
42,097
|
2.62
|
125
|
25
|
หยวนต้า
|
44,475
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
130
|
5
|
เคจีไอ
|
42,159
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
127
|
10
|
ยูโอบีฯ
|
n/a
|
n/a
|
134
|
6
|
TISCO
|
อินโนเวสท์ฯ
|
6,906
|
4.24
|
103
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
พาย
|
6,928
|
0.77
|
100
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
บัวหลวง
|
6,794
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
92
|
2
|
กรุงศรี
|
6,718
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
97
|
2
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
105
|
-2
|
BAY
|
อินโนเวสท์ฯ
|
31,098
|
-4.79
|
29
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
ทิสโก้
|
30,894
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
26
|
-4
|
TTB
|
อินโนเวสท์ฯ
|
20,890
|
-1.05
|
1.9
|
0.05
|
บัวหลวง
|
20,376
|
-1.00
|
1.9
|
-0.1
|
ดาโอ
|
20,836
|
-0.04
|
2
|
-0.1
|
ฟินันเซียฯ
|
21,336
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
2.52
|
-0.01
|
ทรีนีตี้
|
21,053
|
ไม่เปลี่ยนแปลง
|
2.02
|
-0.14
|
พาย
|
20,733
|
0.37
|
2
|
-0.1
|
กรุงศรี
|
20,810
|
1.31
|
2.2
|
-0.1
|
ดีบีเอสฯ
|
n/a
|
n/a
|
2.12
|
-0.02
|
หมายเหตุ : ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์อัปเดทหลังงบฯ Q3/67
|
*** ส่วนใหญ่ 6 ธนาคารถูกอัพเป้ากำไร - ราคาเหมาะสม
การปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 และราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ในตลาด หลังผ่านการรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พบว่า ส่วนใหญ่ถูกปรับขึ้นไปในทางบวกถึง 6 ธนาคาร โดยมีเพียง 2 ธนาคารเท่านั้น ที่ถูกปรับประมาณการณ์ไปในทางลบ
*** "KKP" ถูกอัปเป้ากำไรปี 67 มากที่สุดถึง 17.50%
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมมากที่สุดระหว่าง 11.03 - 17.50% ขยับขึ้นเป็น 4,512 - 5,200 ล้านบาท แต่ยังชะลอตัว 4.46 - 17.10% จากปีก่อน
ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 9 - 22 บาท/หุ้น เป็น 47 - 60 บาท/หุ้น เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยนักวิเคราะห์ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ค่าธรรมเนียมปีนี้ขึ้นจากเดิมอีก 23% (ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตลาดทุน) และปรับลดอัตราการตั้งสำรองหนี้สูญจาก 1.3% เหลือ 1%
โดยข้อมูลล่าสุด มีนักวิเคราะห์ 5 ราย ที่ออกบทวิเคราะห์หุ้น KKP และได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ 4 ราย ยังให้คำแนะนำการลงทุนหุ้น KKP เพียงแค่ "ถือ" เท่านั้น ขณะที่ อีก 1 ราย แนะนำ "ซื้อ"
รองลงมา คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 0.02 - 16.36% ขยับขึ้นเป็น 45,691 - 49,501 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7.74 - 16.73% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 3 - 15 บาท/หุ้น เป็น 150 - 180 บาท/หุ้น
ปัจจัยหนุนที่ทำให้ KBANK ถูกนักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิ - ราคาเหมาะสมขึ้น แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 จะเป็นไปตามคาด แต่รายได้ค่าธรรมเนียม - บริการยังดีกว่าคาด จากธุรกิจ Wealth management อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK ยังมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จึงคาดว่าในระยะถัดไปจะเห็นการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงสู่ระดับปกติ
*** ส่องอีก 4 ธนาคาร ถูกอัปเป้ากำไร 0.77 - 14.56%
ขณะเดียวกัน ยังมีธนาคารพาณิชย์อีก 4 แห่ง ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 - และราคาเหมาะสมขึ้น หลังผ่านการรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 7 - 14.56% ขยับขึ้นเป็น 39,882 - 43,791 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.92 - 19.59% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 1.6 - 4 บาท/หุ้น เป็น 20.6 - 25 บาท/หุ้น
สาเหตุหลักเป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้มีการปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ปีนี้ของ KTB ขึ้นเป็น 3.3% (เดิมคาด 3.21%) ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมถูกขยับขึ้นตาม
ด้าน ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 3.45 - 5.47% ขยับขึ้นเป็น 42,216 - 45,026 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1.39 - 8.14% จากปีก่อน ส่วน ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 3 - 8 บาท/หุ้น เป็น 148 - 196 บาท/หุ้น
ปัจจัยหนุนเป็นเพราะกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ดีกว่าตลาดคาดการณ์ หลังการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง ขณะที่ ระยะถัดไปเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ ประกอบกับ ช่วยหนุนการฟื้นตัวของสินเชื่อ BBL ในระยะถัดไปได้
ฟาก บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 2.62 - 4.46% ขยับขึ้นเป็น 41,641 - 44,475 ล้านบาท ชะลอตัว 4.31 - เติบโตขึ้น 2.19% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 5 - 25 บาท/หุ้น เป็น 110 - 134 บาท/หุ้น
หนุนโดย กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ดีกว่าตลาดคาดการณ์ หลังค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่าคาด โดยนักวิเคราะห์ได้มีการปรับคาดการณ์อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของ SCB ลงมาอยู่ที่ 42.8% (เดิมคาด 43.9%) ส่งผลให้กำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ถูกโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมระหว่าง 0.77 - 4.24% ขยับขึ้นเป็น 6,718 - 6,928 ล้านบาท แต่ยังชะลอตัว 5.1 - 7.98% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 2 บาท/หุ้น เป็น 92 - 105 บาท/หุ้น
*** "BAY" - "TTB" โดนหั่นเป้ารับงบ Q3/67 ต่ำคาด
ส่วน 2 ธนาคารพาณิชย์ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 - ราคาเหมาะสม หลังรายงานงบการเงินไตรมาส 3/67 ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 4.79% เหลือ 30,894 - 31,098 ล้านบาท ชะลอตัว 5.56 - 6.17% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับลงจากเดิมอีก 4 บาท/หุ้น เหลือ 26 - 29 บาท/หุ้น สะท้อนจากการตั้งสำรองหนี้สูญ และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หนี้เสียมีแนวโน้มยังไม่ปรับตัวลงในระยะสั้นนี้
ปิดท้ายด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 0.04 - 1.05% เหลือ 20,376 - 21,336 ล้านบาท แต่ยังเติบโตขึ้นได้ 10.20 - 15.56% จากปีก่อน ขณะที่ ราคาเหมาะสมถูกปรับลงจากเดิมอีก 0.01 - 0.14 บาท/หุ้น เหลือ 1.9 - 2.52 บาท/หุ้น
ปัจจัยหลักเป็นเพราะนักวิเคราะห์ได้มีการปรับเพิ่มอัตราการตั้งสำรองหนี้สูญปีนี้ของ TTB ขึ้นมาเป็น 1.5% (เดิมคาด 1.35%) อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่การขยายตัวของสินเชื่อในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มลดลง
*** กูรูชี้ กนง.ลดดอกเบี้ยกระทบกำไรแบงก์ปีนี้แค่ 0.5%
"ศรัณรัตน์ พันธโชติรัตน์" ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 : 2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ลงมาอยู่ที่ 2.25% ในรอบการประชุม 16 ต.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้กระทบต่อผลประกอบการของหุ้นธนาคารพาณิชย์ทันที สะท้อนจากะรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงทันที โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่เมินว่า กนง. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง ในปี 68
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ของแต่ละธนาคารคาดอยู่ในกรอบ 0.47 - 0.65% จากคาดการณ์เดิม ส่งผลให้กำไรสุทธิปีรวมของกลุ่มคาดจะมีดาวน์ไซด์ราว 0.5% ขณะที่หุ้นที่ได้รับผลกระทบต่อกำไรสุทธิเรียงจากมากไปน้อยคือ BBL (-0.65%), KTB (-0.64%), KBANK (-0.52%) และ SCB (-0.50%) ขณะที่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงคือ KKP (+0.58%) และ TISCO (+0.38%) จากการคำนวณที่คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง -0.25% เป็นระยะเวลา 2 เดือนครึ่งของปีนี้
*** โบรกฯผสานเสียงยก "KTB" - "KBANK" เด่นสุด
"ศรัณรัตน์ พันธโชติรัตน์" กลับมากล่าวต่อ ยังคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากกว่าตลาด โดยเลือก KBANK และ KTB เป็นหุ้น Top Picks ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยชอบ KBANK เพราะคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และ มูลค่า (valuation) ถูก โดยซื้อขายบน P/BV เพียง 0.65 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ที่อยู่ในระดับ 0.7 เท่า
ส่วน KTB ประเมินว่า กำไรสุทธิปี 67 มีแนวโน้มจะเติบโตจากปีก่อนสูงที่สุดในกลุ่มราว 15% หรือ 4.2 หมื่นล้านบาท จากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง ประกอบกับ KTB เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เน้นการปล่อยสินเชื่อภาครัฐมากขึ้น ซึ่สินเชื่อดังกล่าวงมีความเสี่ยงต่ำที่จะกลายเป็นหนี้เสียในระยะถัดไป
ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เสริมว่า ปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขึ้นเป็นเท่ากับตลาด (เดิมน้อยกว่าตลาด) โดยมีปัจจัยผลักดันจากผลการดำเนินงานของทั้งกลุ่มในปี 67 - 68 ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ การตั้งกองทุนวายุภักษ์ และ Thai ESG จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ประเมินว่า ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ โดยคาดว่าส่วนมากจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5.2 - 5.7% ต่อปี เทียบกับ 2.5 - 4.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยหุ้นเด่นในกลุ่ม แนะนำ KTB, KBANK และ BBL ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์ที่สุดจากรอบการลงทุนใหม่ และ TTB ที่คาดว่า อัตราเงินปันผลจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6 - 7% ต่อปี
ส่วน บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวปิดท้ายว่า กลยุทธ์การลงทุนหุ้นธนาคารพาณิชย์ แนะนำ นักลงทุนพิจารณาหุ้นที่มี COVERAGE RATIO สูง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการตั้งสำรองฯ จากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยชอบ KTB และ BBL มากที่สุด ขณะที่ ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก เลือก TISCO เพราะอัตราเงินปันผลต่อปีเฉลี่ยราว 7 - 8% และยังมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงกว่ากลุ่มฯ อีกด้วย