efinancethai

ประเด็นร้อน

ส่อง TOP20 หุ้นเล็ก - ใหญ่ ผลตอบแทนปี 65 สูง - ต่ำสุด

ส่อง TOP20 หุ้นเล็ก - ใหญ่ ผลตอบแทนปี 65 สูง - ต่ำสุด

SET สิ้นปี 65 บวก 0.67% ดัน Market Cap.หุ้นไทยทะลุ 20 ลล.บ. พบ Fund Flow ซื้อสุทธิสูงสุดกว่า 2 แสนลบ. ขณะที่เมื่อสำรวจผลตอบแทนหุ้นเล็ก - ใหญ่ตลอดปี 65 พบ CPH ให้ผลตอบแทนสูงสุด 704.97% ด้าน DELTA พุ่งแรงสุดกลุ่ม SET100 ถึง 101.46% ฟาก mai พบ HYDRO แจกผลตอบแทน 169.44% ส่วนฝั่งติดลบพบใน mai รูดหนักสุด EFORL วูบ 83%


*** SET สิ้นปี 65 บวก 0.67% ดันมาร์เก็ตแคปหุ้นทะลุ 20 ลล.บ.
 

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ณ สิ้นปี 65 ปิดที่ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.04 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.67% เทียบกับสิ้นปี 64 โดย SET ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1,713 .20 จุด เมื่อ 18 ก.พ.65 และปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 1,533.37 จุด เมื่อ 15 ก.ค.65 

ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รวมกันอยู่ที่ 20.97 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.59% จากปีก่อน


*** หุ้น mai วอลุ่มซื้อ-ขายโต 2.67% แต่ SET วูบ 19.47%
 

โดยมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งปี 65 ของ SET อยู่ที่ 17.16 ล้านล้านบาท (สิ้นปี 64 อยู่ที่ 21.1 ล้านล้านบาท) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 7.12 หมื่นล้านบาท ลดลง 19.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งปี 65 ของ mai อยู่ที่ 1.33 ล้านล้านบาท (สิ้นปี 64 อยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 5.5 พันบาท เพิ่มขึ้น 2.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


*** Fund Flow พลิกกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดกว่า 2 แสนลบ.
 

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างประเทศ (Fund Flow) มีสถานะพลิกกับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยปี 65 และเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิสูงสุดราว 2 แสนล้านบาท เทียบปีก่อน ขายสุทธิ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1.54 แสนล้านบาท เทียบปีก่อนซื้อสุทธิ 7.4 หมื่นล้านบาท 

ด้าน นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 3.9 หมื่นล้านบาท เทียบปีก่อนซื้อสุทธิ 1.1 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ขายสุทธิ 3.4 พันล้านบาท เทียบปีก่อนซื้อสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท 


*** DELTAให้ผลตอบแทนสูงสุดกลุ่ม SET100 ถึง 101.46%
 

ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจผลตอบแทนหุ้นดัชนี SET100 พบว่า กลุ่มดังกล่าวให้ผลตอบแทนเป็นบวก จำนวน 45 บริษัท โดย 20 บริษัท ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุด ประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้น SET100 ให้ผลตอบแทนสูงสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

DELTA

412

830

101.46

THG

37.25

68.5

83.89

ESSO

7.35

12.6

71.43

CENTEL

31.25

50.25

60.80

FORTH

21.2

32.25

52.12

BH

141

212

50.35

PTTEP

118

176.5

49.58

CRC

32

46.25

44.53

AWC

4.64

6.3

35.78

KTB

13.2

17.7

34.09

BYD

10.17

13.3

30.78

BANPU

10.6

13.7

29.25

BDMS

23

29

26.09

CPN

56.5

71

25.66

BCP

25.25

31.5

24.75

KKP

59.75

73.75

23.43

AOT

61

75

22.95

BBL

121.5

148

21.81

AP

9.55

11.6

21.47

GULF

45.75

55.25

20.77

ที่มา : SETSMART


20 บริษัทดังกล่าว ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 22.7% โดยหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 101.46% รองลงมาคือ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ที่ให้ผลตอบแทน 83.89% 

ขณะที่ มีอีก 4 บริษัทใน SET100 ที่ปี 65 ให้ผลตอบแทนราคาหุ้นมากกว่า 50% ประกอบด้วย บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ให้ผลตอบแทน 71.43%, บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ให้ผลตอบแทน 60.80%

ด้าน บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) ให้ผลตอบแทน 52.12% และ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ให้ผลตอบแทน 50.35%
 

*** STGT หุ้น SET100 ผลตอบแทนติดลบมากสุด 66.94%
 

ฟากหุ้นในดัชนี SET100 ที่ให้ผลตอบแทนปี 65 ติดลบ มีทั้งหมด 55 บริษัท เฉลี่ยติดลบ 20.43% โดย 20 บริษัทที่ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้น SET100 ให้ผลตอบแทนต่ำสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

STGT

30.25

10

-66.94

SABUY

24.7

11.3

-54.25

STARK

4.74

2.5

-47.26

KCE

88

46.5

-47.16

SINGER

53

28.75

-45.75

RBF

22.5

12.9

-42.67

HANA

88.5

51.5

-41.81

TIPH

77

46

-40.26

KEX

30.25

18.4

-39.17

RCL

49.25

30.75

-37.56

JAS

3.5

2.2

-37.14

MTC

58.75

38

-35.32

STA

31

21.1

-31.94

VGI

6.34

4.4

-30.60

JMART

57.5

40.75

-29.13

BEC

14.1

10.1

-28.37

BAM

21.6

15.8

-26.85

ONEE

10.8

7.95

-26.39

DOHOME

19.42

14.8

-23.79

ACE

3.5

2.7

-22.86

ที่มา : SETSMART


บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT เป็นบริษัทในดัชนี SET100 ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด 66.94% รองลงมา คือ บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 54.25%

นอกจากนี้ ยังมีอีก 6 บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากกว่า 40% ประกอบด้วย บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ให้ผลตอบแทนติดลบ 47.26%, บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ให้ผลตอบแทนติดลบ 47.16%

ฟาก บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ให้ผลตอบแทนติดลบ 45.75%, บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) ให้ผลตอบแทนติดลบ 42.67%, บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ให้ผลตอบแทนติดลบ 41.81% และ บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) ให้ผลตอบแทนติดลบ 40.26
 

*** HYDRO ให้ผลตอบแทนสูงสุดกลุ่ม mai ถึง 169.44% 
 

ด้าน หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) พบว่ามี 44 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก เฉลี่ย 48.29% โดย 20 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้น mai ให้ผลตอบแทนสูงสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

HYDRO

0.36

0.97

169.44

A5

1.5

3.94

162.67

NINE

2.85

7.35

157.89

ARIN

2.08

5.35

157.21

PSG

0.58

1.3

124.14

TAKUNI

1.47

3.16

114.97

THANA

1.33

2.66

100.00

TMC

1.28

2.52

96.88

KGEN

1.1

2.02

83.64

SPA

6.75

11.8

74.81

BBIK

81.25

133.5

64.31

SENAJ

0.73

1.18

61.64

D

3.92

5.85

49.23

SEAOIL

2.79

4.12

47.67

QLT

4.12

6

45.63

UMS

1.26

1.83

45.24

BE8

42.75

61

42.69

CPANEL

7.36

10.1

37.23

HL

18.1

24.6

35.91

TMI

1.16

1.49

28.45

ที่มา : SETSMART


โดย บมจ. ไฮโดรเท็ค (HYDRO) เป็นบริษัทในดัชนี mai ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 169.44% รองลงมา คือ บมจ.แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป (A5) ที่ให้ผลตอบแทน 162.67%

ขณะที่ มีอีก 4 บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 100% ประกอบด้วย บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) ให้ผลตอบแทน 157.89%, บมจ.อรินสิริ แลนด์ (ARIN) ให้ผลตอบแทน 157.21%, บมจ.พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น (PSG) ให้ผลตอบแทน 121.14% และ บมจ.ทาคูนิ กร๊ป (TAKUNI) ให้ผลตอบแทน 114.97%
 

*** EFORL กลุ่ม mai ผลตอบแทนติดลบสูงสุด 83% 
 

ส่วน หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ พบว่ามี 128 บริษัท เฉลี่ยติดลบ 28.35% โดย 20 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากสุด ประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้น mai ให้ผลตอบแทนต่ำสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

EFORL

2

0.34

-83.00

MORE

1.8

0.42

-76.67

ALL

1.42

0.36

-74.65

TNDT

1.43

0.39

-72.73

CHO

1.02

0.33

-67.65

ADD

31.5

10.3

-67.30

JCKH

0.35

0.13

-62.86

BROOK

1.06

0.41

-61.32

DOD

11.2

4.36

-61.07

UREKA

2.58

1.1

-57.36

SIMAT

4.6

2.04

-55.65

SECURE

30.75

14.4

-53.17

RWI

1.86

0.88

-52.69

JSP

7.4

3.62

-51.08

IRCP

2

1.02

-49.00

HEMP

8.4

4.36

-48.10

DHOUSE

1.23

0.64

-47.97

GCAP

2.18

1.21

-44.50

STOWER

0.07

0.04

-42.86

UPA

0.37

0.21

-43.24

ที่มา : SETSMART


บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) เป็นบริษัทในดัชนี mai ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากสุด 83% รองลงมา คือ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 76.67%

และยังมีอีก 7 บริษัทในดัชนี mai ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากกว่า 60% ประกอบด้วย บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) ผลตอบแทนติดลบ 74.65%, บมจ.ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) ผลตอบแทนติดลบ 72.73%, บมจ.ช ทวี (CHO) ผลตอบแทนติดลบ 67.65%

ด้าน บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) ผลตอบแทนติดลบ 67.30%, บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) ผลตอบแทนติดลบ 62.86%, บมจ.บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป (BROOK) ผลตอบแทนติดลบ 61.32% และ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ผลตอบแทนติดลบ 61.07%
 

*** CPH ให้ผลตอบแทนสูงสุด กลุ่มนอก SET100 ถึง 704.97%
 

ทั้งนี้ ยังมีอีก 20 บริษัทนอกดัชนี SET100 ที่ให้ผลตอบแทนระหว่าง 53.64 - 704.97% ประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้นนอก SET100 ให้ผลตอบแทนสูงสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

CPH

3.82

30.75

704.97

INSURE

37

227

513.51

TEAMG

3.04

13

327.63

NSI

81.25

206

153.54

NEW

50.25

118

134.83

KAMART

3.72

7.95

113.71

SISB

9.4

19.2

104.26

TC

6.05

12.1

100.00

Q-CON

5.55

10.4

87.39

TNL

18

33

83.33

GIFT

4.26

7.35

72.54

SNNP

11.9

20.1

68.91

SAPPE

26.25

44.25

68.57

KWI

1.7

2.82

65.88

VARO

4.7

7.75

64.89

TEAM

4.84

7.8

61.16

TKT

1.78

2.8

57.30

BRR

5.5

8.65

57.27

DEMCO

3.8

5.9

55.26

PR9

11

16.9

53.64

ที่มา : SETSMART


โดย บมจ.คาสเซ่อร์พีคโฮลดิ้งส์ (CPH) เป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มดังกล่าว 704.97% ขณะที่ มีอีก 2 บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 300% ประกอบด้วย บมจ.อินทรประกันภัย (INSURE) ที่ให้ผลตอบแทน 513.51% และ บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) ให้ผลตอบแทน 327.63%
 

*** SMK หุ้นนอก SET100 ผลตอบแทนติดลบมากสุด 81.05%
 

ส่วน 20 บริษัท นอกดัชนี SET100 ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากสุด ระหว่าง 48.85 - 81.05% ประกอบด้วย ดังนี้
 

20 หุ้นนอก SET100 ให้ผลตอบแทนต่ำสุดปี 65

ชื่อย่อหุ้น

ราคาปิดปี 64 (บ.)

ราคาปิดปี 65 (บ.)

%chg

SMK

22.8

4.32

-81.05

IT

16.5

4.74

-71.27

JCK

1.07

0.31

-71.03

KKC

1.09

0.33

-69.72

JTS

131

44

-66.41

PPPM

0.36

0.12

-66.67

AJA

0.61

0.21

-65.57

NV

7.05

2.56

-63.69

SDC

0.51

0.19

-62.75

NCAP

8.04

3.18

-60.45

TVI

27.25

12

-55.96

WAVE

0.29

0.13

-55.17

SYNEX

36.5

16.4

-55.07

W

4.34

1.98

-54.38

SABUY

24.7

11.3

-54.25

EMC

0.27

0.13

-51.85

B

0.81

0.4

-50.62

JKN

8.1

4.08

-49.63

7UP

1.21

0.61

-49.59

CGH

1.31

0.67

-48.85

ที่มา : SETSMART


บมจ.สินมั่นคงประกันภัย (SMK) เป็นบริษัทในกลุ่มดังกล่าว ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด 81.05% ขณะที่ มีอีก 2 บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากกว่า 70% ประกอบด้วย  บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 71.27% และ บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) ให้ผลตอบแทนติดลบ 71.03%

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด