เปิดโผ 15 หุ้น "หนี้ต่ำ-เงินสดสูง-กำไรโตต่อเนื่อง-ปันผลแจ่ม" กูรูชี้พื้นฐานแกร่ง ธุรกิจคล่องตัวสูง เป็นหุ้นปลอดภัย แนะทยอยสะสม พบหลายบริษัทราคาสุดถูก P/E และ P/BV ต่ำ แถมลุ้นรับยีลด์สูงเกิน 3%
*** กูรูแนะเก็บหุ้นหนี้ต่ำ-เงินสดสูง-ปันผลดี
"วิจิตร อารยะพิศิษฐ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 หุ้นกลุ่มที่มีหนี้สินต่ำและเงินสดสูง จะมีความได้เปรียบในการปรับตัวทางธุรกิจ และถือเป็นหุ้นที่มีความปลอดภัย เพราะกิจการจะได้รับผลกระทบช้ากว่า แม้ว่าระยะสั้นราคาจะปรับตัวลดลง แต่ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเลือกสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว โดยเน้นบริษัทที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 ปี และมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
เช่นเดียวกับ "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำว่า กลุ่มหุ้นที่เหมาะสำหรับลงทุนในภาวะปัจจุบัน คือหุ้นที่มีกระแสเงินสดมั่นคง หนี้สินไม่สูงเกินไป มีอัตราการจ่ายเงินปันผลดีต่อเนื่อง กำไรสุทธิมีการเติบโต อยู่ในธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย ที่สำคัญต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่อง
ด้าน "ณัฐชาต เมฆมาสิน" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เสริมว่า หุ้นที่มีเงินสดสุทธิสูงและหนี้สินต่ำสะท้อนสภาพคล่องของธุรกิจได้เป็นอย่างดี มีศักยภาพในการปรับตัวในช่วงที่ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีวิกฤติมากระทบ และหากเป็นบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสม่ำเสมอ ถือเป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่่ค่อนข้างปลอดภัยในภาวะตลาดหุ้นผันผวน
*** พบ 15 บจ.เข้าข่าย
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลงบการเงิน บจ.งวดปี 62 โดยเลือกบริษัทที่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing Debt) ต่ำกว่า 0.5 เท่า, มีเงินสดสุทธิเป็นบวก, กำไรสุทธิเติบโตอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน, มีการจ่ายเงินปันผลสม่้ำเสมอ และมีสภาพคล่องในการซื้อขาย พบว่ามี 15 บจ.ที่เข้าข่ายดังนี้
หุ้นหนี้ต่ำ-เงินสดสูง-กำไรโตต่อเนื่อง
|
ชื่อย่อหุ้น
|
IBD/E (เท่า)
|
เงินสดสุทธิ (ลบ.)
|
% กำไรโตเฉลี่ย (60-62)
|
HARN
|
0.02
|
98
|
78.31%
|
APCS
|
0.25
|
169
|
74.64%
|
VNT
|
0.01
|
2,975
|
51.66%
|
AU
|
0.05
|
21
|
35.23%
|
SABINA
|
0.42
|
5
|
33.80%
|
EKH
|
0.05
|
121
|
29.32%
|
PLANB
|
0.04
|
1,924
|
28.73%
|
COL
|
0.10
|
150
|
26.86%
|
NETBAY
|
0.21
|
2
|
26.16%
|
TSTE
|
0.28
|
2
|
19.66%
|
JUBILE
|
0.07
|
79
|
19.36%
|
TNP
|
0.01
|
16
|
17.47%
|
DRT
|
0.24
|
11
|
14.30%
|
M
|
0.04
|
83
|
7.59%
|
SPCG
|
0.43
|
331
|
4.92%
|
ทั้งนี้ข้อมูลงบการเงินของ บจ.ทั้งหมดงวดปี 62 มีบริษัทที่เงินสดสุทธิติดลบถึง 376 บริษัท เกินครึ่งของ บจ.ทั้งหมด 712 บริษัท โดยบริษัทที่มีเงินสดสุทธิสูงสุด 3 อันดับแรกคือ คือ บมจ.ไทยออยล์ (TOP), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) อยู่ที่ระดับ 4.5 หมื่นล้านบาท, 2.9 หมื่นล้านบาท และ 2.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ แต่เงื่อนไขอื่นๆไม่เข้าเกณฑ์ โดยเป็นบริษัทที่มีหนี้สินเกิน 1 เท่า ทั้งหมด ขณะที่ TOP และ TRUE กำไรปรับตัวลดลง
ส่วน 15 บริษัทในตาราง บมจ.วีนิไทย (VNT) เป็นบริษัทที่มีเงินสดสุทธิสูงสุด 2,975 ล้านบาท และเป็น 1 ใน 2 บริษัทที่มีหนี้สินต่ำที่สุด มี IBD/E เพียง 0.01 เท่า โดย 3 ปีหลัง (60-62) กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ยถึง 51.66% ต่อปี
ขณะที่ บมจ.หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ (HARN) กำไร 3 ปีหลังเติบโตเฉลี่ยสูงสุดถึง 78.31% ต่อปี
ขณะเดียวกันพบว่ามี 3 บริษัทที่กำไรสุทธิเติบโต 5 ปีติดต่อกัน (58-62) ได้แก่ บมจ.ซาบีน่า (SABINA) เติบโตเฉลี่ย 24% ต่อปี, บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี และ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เติบโตเฉลี่ย 11% ต่อปี
*** 6 บจ.P/E ต่ำกว่า 10 เท่า
ทั้งนี้พบว่ามี 6 บริษัทในกลุ่มนี้ปัจจุบันซื้อขายด้วยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ต่ำกว่า 10 เท่า ได้แก่
6 หุ้น P/E ต่ำกว่า 10 เท่า-อัพไซด์สูง
|
ชื่อย่อหุ้น
|
P/E (เท่า)
|
ราคาล่าสุด (บ.)
|
*ราคาเหมาะสม (บ.)
|
%อัพไซด์
|
SPCG
|
5.18
|
14.2
|
17.6
|
24
|
VNT
|
5.44
|
16.7
|
28.5
|
71
|
HARN
|
6.8
|
1.74
|
2.84
|
63
|
DRT
|
8.06
|
4.86
|
6.95
|
43
|
JUBILE
|
8.18
|
12.3
|
23.2
|
89
|
COL
|
9.74
|
11.6
|
21.15
|
82
|
*%ราคาเหมาะสมเฉลี่ยจาก IAA Consensus ณ 27 มี.ค.63
|
บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) ซื้อขายที่พี/อีต่ำสุดเพียง 5.18 เท่า หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงตามภาวะตลาด ขณะที่ราคาล่าสุด 14.20 บาท อยู่ในระดับใกล้กับมูลค่าทางบัญชี (Book Value) ที่ 14.19 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยเหมาะสมจาก IAA Consensus ณ 27 มี.ค.63 ที่ 17.6 บาท มีอัพไซด์อีก 24%
ขณะที่มี 4 บริษัทที่อัพไซด์ราคาเหมาะสมเทียบกับราคาปัจจุบันสูงเกิน 50% โดย บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) มีอัพไซด์สูงสุดถึง 89% โดยนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมปี 63 เฉลี่ยที่ 23.20 บาท ซึ่งมองว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 7% เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด เนื่องจากลูกค้ากว่า 90% เป็นคนไทย และมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย
*** 3 บจ.เทรดต่ำบุ๊ค
ขณะเดียวกันพบว่ามี 3 บจ.ที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ประกอบด้วย
3 หุ้นเทรดต่ำบุ๊ค
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคา 27 มี.ค.63 (บ.)
|
Book Value (บ.)
|
P/BV (เท่า)
|
VNT
|
16.7
|
18.43
|
0.91
|
HARN
|
1.74
|
2.26
|
0.77
|
TSTE
|
7.15
|
8.43
|
0.85
|
*** 6 บจ.ปันผล 3 หลังเฉลี่ยเกิน 3%
นอกจากนี้พบว่ามี 6 บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังมากกว่า 3% ได้แก่
6 หุ้นปันผลสูง
|
ชื่อย่อหุ้น
|
%Div.Yield เฉลี่ย (60-62)
|
%Div.Yield ปี 63*
|
DRT
|
5.94
|
8.9
|
SPCG
|
5.78
|
7.2
|
HARN
|
5.16
|
10.9
|
VNT
|
3.94
|
7
|
JUBILE
|
3.40
|
7.1
|
M
|
3.02
|
5.6
|
*% Div.Yield ปี 63 มาจาก IAA Consensus ณ 27 มี.ค.63
|
ทั้งนี้ เมื่อสำรวจข้อมูลจาก IAA Consensus ณ 27 มี.ค.63 พบว่า 6 บริษัทข้างต้นมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงต่อเนื่องมากกว่า 5% ทุกบริษัท โดย บมจ.หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ (HARN) มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 10.9% ซึ่ง บทวิเคราะห์ บล.เออีซี คาดกำไรปีนี้เติบโตต่อเนื่องอีก 7.1% ประเมินจ่ายปันผลประจำงวดผลประกอบการปี 63 ที่ 0.19 บาทต่อหุ้น ให้ราคาเหมาะสม 2.84 บาท