หุ้นแบงก์ประกาศกำไร Q1/66 รวม 6 หมื่นลบ. โต 13% หลังรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น พบ 7 หุ้น ถูกปรับเป้ากำไร - ราคาเหมาะสม "BBL" - "BAY" ถูกอัพเป้ากำไรสูงสุดอีก 16.67% เท่ากัน หลังงบ Q1/66 โตกว่าคาด แถม NIM จ่อโตตามดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ "KBANK" - "KKP" ถูกหั่นเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย เหตุคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นช้า - OPEX ไม่แน่นอน
*** แบงก์ฟันกำไร Q1/66 รวม 6 หมื่นลบ. โต 13%
ล่าสุด หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกาศงบการเงินไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิรวม 6 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 5.3 หมื่นล้านบาท มีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
*** พบ 7 หุ้นแบงก์ถูกโบรกฯปรับเป้ากำไร - ราคาเหมาะสม
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลังหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศงบการเงินไตรมาส 1/66 เสร็จสิ้น พบ 7 หุ้นในกลุ่มดังกล่าว ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 และราคาเหมาะสมขึ้น และลง ประกอบด้วย
7 หุ้นแบงก์ ถูกปรับเป้ากำไร – ราคาเป้าหมาย หลังประกาศงบ Q1/66
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรสุทธิใหม่ (บ.)
|
%ปรับขึ้น
|
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.)
|
เปลี่ยนแปลง (บ.)
|
BBL
|
ฟิลลิป
|
42,000
|
16.67
|
191
|
13
|
ดาโอ
|
38,608
|
10.24
|
195
|
8
|
ทรีนีตี้
|
36,571
|
8.57
|
181
|
4
|
พาย
|
35,700
|
5.00
|
190
|
6
|
BAY
|
ฟิลลิป
|
35,000
|
16.67
|
38
|
3
|
TTB
|
ดาโอ
|
15,946
|
10.85
|
1.65
|
0.1
|
ทรีนีตี้
|
16,151
|
4.03
|
1.55
|
0.1
|
KTB
|
ทรีนีตี้
|
39,486
|
5.41
|
25
|
3
|
ดาโอ
|
38,295
|
5.10
|
21
|
1
|
พาย
|
38,200
|
4.66
|
21.4
|
0.7
|
ดีบีเอสฯ
|
37,745
|
4.12
|
20.5
|
0.5
|
SCB
|
ฟิลลิป
|
40,000
|
5.26
|
129
|
4
|
KKP
|
เอเชีย พลัส
|
7,599
|
0.00
|
73
|
-4
|
KBANK
|
หยวนต้า
|
44,296
|
-8.08
|
178
|
-9
|
เอเชีย พลัส
|
38,494
|
-4.09
|
140
|
-19
|
ทรีนีตี้
|
40,449
|
-1.40
|
167
|
0
|
หมายเหตุ : ข้อมูลเฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์รองรับ
|
*** "BBL" - "BAY" ถูกอัพเป้ากำไรสูงสุด 16.67%
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้นจากเดิมมากที่สุด 16.67% เท่ากัน
โดยกำไรสุทธิใหม่ของ BBL ที่ถูกปรับขึ้นใหม่อยู่ระหว่าง 3.5 - 4.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 19 - 45% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่ถูกปรับขึ้นเป็น 181 - 195 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 4 - 13 บาท/หุ้น
ส่วน กำไรสุทธิใหม่ของ BAY ที่ถูกปรับขึ้น ถูกคาดไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน และราคาเหมาะสมใหม่ถูกปรับขึ้นเป็น 38 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 3 บาท/หุ้น
ปัจจัยหนุน ที่โบรกเกอร์ปรับประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมของทั้ง BBL และ BAY ขึ้น หลัก ๆ เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ที่ดีกว่าคาด อีกทั้งคาดส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ย ประกอบกับ คาดว่าจะเห็นการตั้งสำรองหนี้สูญลดลงอย่างต่อเนื่อง
*** ส่วนอีก 3 แบงก์ถูกอัพเป้ากำไรปีนี้ขึ้น 4 - 10%
ขณะเดียวกัน ยังมีธนาคารพาณิชย์อีก 3 แห่งที่ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้นระหว่าง 4 - 10% ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ที่ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้นอีก 4.03 - 10.85% เป็น 1.59 - 1.61 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 12 - 13% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่ถูกปรับขึ้นเป็น 1.55 - 1.65 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 0.1 บาท/หุ้น
ฟาก ธนาคารกรุงไทย (KTB) ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้นอีก 4.12 - 5.41% เป็น 3.7 - 3.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 12 - 17% จากปีก่อน และราคาเหมาะสมใหม่ ถูกปรับขึ้นเป็น 20.5 - 25 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5 - 3 บาท/หุ้น
ด้าน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้นอีก 5.26% เป็น 4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 7% จากปีก่อน และราคาเหมาะสมใหม่ ถูกปรับขึ้นเป็น 129 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 4 บาท/หุ้น
สำหรับ เหตุผลหลักที่ทั้ง 3 ธนาคารดังกล่าว ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 และราคาเหมาะสมขึ้น ยังมาจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ที่ดีกว่าคาดการณ์ อีกทั้ง ยังคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ NIM จะเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
*** แต่อีก 2 แบงก์ ถูกหั่นเป้ากำไร - ราคาเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ยังมีธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 66 และ ราคาเหมาะสมลง หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66
โดย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ถูกปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ลงจากเดิม 1.4 - 8.08% เหลือ 3.8 - 4.4 หมื่นล้านบาท แต่ยังเติบโตขึ้น 8 - 23% จากปีก่อน ขระที่ ราคาเหมาะสมใหม่ ถูกปรับลดลงเหลือ 140 - 178 บาท/หุ้น ลดลง 9 - 19 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อน Credit cost ที่อาจสูงกว่าคาด ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
ส่วน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ยังถูกคงเป้ากำไรสุทธิไว้ที่ 7.59 พันล้านบาท ลดลง 0.3% จากปีก่อน แต่ถูกปรับลดราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 73 บาท/หุ้น ลดลง 4 บาท/หุ้น เนื่องจากผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี 66 มีโอกาสอ่อนตัวลงจากไตรมาส 1/66 เพราะความไม่แน่นอนของ OPEX ประกอบกับ NIM ยังถูกกดดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก
ส่งผลให้โครงสร้าง Source of fund (เงินฝาก และตราสารหนี้) CASA : FIXED อยู่ที่ 43% และ 57% ตามลำดับ เทียบกับสิ้นปี 65 อยู่ที่ 49% และ 51% ตามลำดับ ทำให้ประเมินว่า โครงสร้างดังกล่าวทำให้ Cost of Fund ยังไม่ผ่านจุดสูงสุด