5 โบรกเกอร์ แห่เพิ่มเป้า SET Index ปี 64 เป็น 1,605 - 1,646 จุด หลังทะยานขึ้นต่อเนื่องแต่ต้นปี รับเทรนด์ตลาดหุ้นขาขึ้น-สภาพคล่องล้นระบบ ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง แม้ยังปรับเป้ากำไร บจ.ไม่มาก เหตุรอดูงบ Q1/64 แต่ดันพี/อีขึ้น ให้สอดคล้องสภาพตลาด แนะเลือกลงทุนหุ้น Laggard
*** ปรับเป้าดัชนีปี 64 เป็น 1,605-1,646 จุด
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พบว่าล่าสุด มี 5 แห่งปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 64 ประกอบด้วย
5 โบรกเพิ่มเป้าดัชนีฯ ปี 64
|
บริษัทหลักทรัพย์
|
เป้าใหม่ (จุด)
|
เป้าเดิม (จุด)
|
เอเซีย พลัส
|
1,646
|
1,550
|
ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี
|
1,640
|
1,520
|
ยูโอบีฯ
|
1,640
|
N/A
|
เคทีบีเอสที
|
1,611
|
1,505
|
บัวหลวง
|
1,605
|
1,548
|
"ชาญชัย พันทาธนากิจ" ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ฟื้นตัวแรงเช่นกัน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ของสหรัฐฯ เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนเริ่มไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ ขณะเดียวกันมีปัจจัยบวกภายในประเทศ คือความคาดหวังการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่ง บล.เอเซีย พลัส ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปี 64 มาอยู่ที่ 1,646 จุด จากเดิม 1,550 จุด
"แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังเป็นทิศทางขาขึ้น เพราะสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นระบบไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นเป้าหมายสำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยมีปัจจัยบวกเกี่ยวกับวัคซีนโควิด, การเปิดประเทศ และการฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้ามาเป็นแรงผลักดัน สะท้อนจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของหุ้นไทยที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูง"
ด้าน "กิติชาญ ศิริสุขอาชา" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ปีนี้มีปัจจัยหนุนสำคัญคือการฟื้นตัวของกำไร บจ. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการหลังงบไตรมาส 4/63 ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งคาดว่าจะปรับเพิ่มประมาณ 5-10% โดยคาดดัชนีสิ้นปีจะอยู่ที่ 1,640 จุด จากเดิม 1,520 จุด
เช่นเดียวกับ "กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ปรับกรอบ SET Index ปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 1,550 - 1,620 จุด รวมถึงปรับเป้าดัชนีปี 64 เป็น 1,640 จุด เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมดัชนีฯ ที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
*** ปรับเพิ่มกำไร บจ.เล็กน้อย ขอรอดูงบ Q1/64
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มประมาณการกำไร บจ.ปี 64 เพียงเล็กน้อย หรือใกล้เคียงกับประมาณการเดิม เนื่องจากรอประเมินผลประกอบการไตรมาส 1/64 ซึ่งจะสะท้อนภาพรวมธุรกิจในปีนี้มากกว่า โดยการปรับเป้าหมายดัชนี ใช้วิธีการเพิ่มอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) แทน เพื่อให้สะท้อนสภาพตลาดในปัจจุบัน
"มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า เป้าหมายกำไร บจ.ปีนี้ใกล้เคียงประมาณการก่อนหน้าที่ 7.95 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ 70.8 บาท/หุ้น แต่ปรับเป้าดัชนีขึ้นไปซื้อขายที่พี/อีระดับ 21.8 เท่าคิดเป็นดัชนีปี 64 ที่ 1,611 จุด จากเดิมประเมินไว้ที่ 1,505 จุด คิดที่พี/อีราว 18-19 เท่า
เช่นเดียวกับ "วิกิจ ถิรวรรณรัตน์" ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ระบุว่า ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้เป็น 1,605 จุด จากเดิม 1,548 จุด ซึ่งคงระดับ EPS ไว้ที่ 83 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป้าดัชนีจากพี/อี 19 เท่า จากเดิม 18 เท่า ซึ่งต้องรอประเมินตัวเลขงบการเงินไตรมาส 1/64 อีกครั้ง ก่อนปรับเป้าหมายกำไร บจ.
อย่างไรก็ตาม "ชาญชัย พันทาธนากิจ" ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส เผยว่า ปรับประมาณการ EPS ปีนี้เป็น 70.2 บาทต่อหุ้น จากเดิม 65.04 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 32% สะท้อนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/63 ที่ดีกว่าคาด และแนวโน้มการฟื้นตัวโดดเด่นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
*** เน้นลงทุนหุ้น Laggard
"วิกิจ ถิรวรรณรัตน์" ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิจัย บล.บัวหลวง แนะนำ กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นกลุ่มที่ราคายัง Laggard โดยเฉพาะกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และ อสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์
ด้าน "มงคล พ่วงเภตรา" ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที เผยว่า กลยุทธ์การลงทุนปีนี้ให้เน้นกลุ่มธุรกิจใหม่นวัตกรรมใหม่ เช่น แบตเตอรี่ หรือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ต้องพิจารณาเป็นรายบริษัท โดยต้องให้ความสำคัญกับ Valuation เพราะบางบริษัทแม้ธุรกิจมีแนวโน้มสดใส แต่ราคาหุ้นปรับตัวจนเต็มมูลค่าแล้ว
เช่นเดียวกับ "กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำ เลือกลงทุนหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มากเช่น และธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตหรือฟื้นตัวจากปีก่อน ขณะที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน เพราะให้ยีลด์ปันผลในระดับสูง