ผลตอบแทน DR ต้นปีสุดแกร่ง มีถึง 32 ตัว บวกสวน SET ที่ติดลบกว่า 8% พบ TOP3 ส่วนใหญ่อิงหุ้นจากฮ่องกง บวก 13-16% ด้าน ตลท. แนะกลยุทธ์ก่อนตัดสินใจลงทุน ให้ดูพื้นฐานหุ้นอ้างอิง-แนวโน้มเติบโตเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ และตรวจสอบเงื่อนไขสัญญารับฝาก

*** รู้จัก DR อีก 1 เครื่องมือลงทุนของ SET

ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความน่าสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือหุ้นสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ในทวีปยุโรป รวมถึงหุ้นในกลุ่มประเทศจีนที่ถือว่าเป็นอนาคตของการลงทุน ทำให้นักลงทุนหลายคนคิดอยากลงทุนในหุ้นของบริษัทในต่างประเทศเหล่านี้มากขึ้น

แต่การไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงยังมีข้อจำกัด เพราะการเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเปิดบัญชีหุ้นไทย กฎระเบียบการซื้อขายในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน แถมเงินลงทุนขั้นต่ำที่ต้องมีในการซื้อหุ้นเหล่านั้นก็ไม่ใช่น้อย

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงได้ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวของนักลงทุน ด้วยการจัดตั้งเครื่องมือการลงทุนใหม่ขึ้น คือ DR (Depositary Receipt) ซึ่งเป็นตราสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้น หรือ ETF ในต่างประเทศได้ โดยผ่านการซื้อขาย DR ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ซึ่งกระบวนการในการซื้อขายง่ายกว่าการออกไปลงทุนต่างประเทศโดยตรงด้วยตนเอง เพราะมีตัวกลาง คือ ผู้ออก DR ช่วยบริหารจัดการให้ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการยกหุ้นต่างประเทศมาให้ซื้อขายได้บนตลาดหุ้นไทย ในรูปแบบของการซื้อขาย"ใบรับฝาก"แทน

ทั้งนี้ ผู้ออก DR จะเป็นคนไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมาเก็บไว้ เพื่อใช้ออก DR นำมาเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป (IPO) ก่อนจะนำมาจดทะเบียนและซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเห็นว่าผู้ออก DR ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ในต่างประเทศ แต่จะทำหน้าที่เป็นผู้ที่ถือหลักทรัพย์ต่างประเทศแทนนักลงทุน

*** ล่าสุด "พาย" ส่ง DR ใหม่ 4 ตัว เทรดตลาดหุ้นไทย 

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) ได้ส่ง DR ใหม่เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้นักลงทุนไทย คือ DR03 ที่จะประกอบด้วย 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ WORLD003 ที่จะเน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีระดับบลูชิพ 10 อันดับแรกของโลก, JAP03 ที่รวมบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นมาให้ลงทุน, GOLD03 ที่จะลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงเพื่อรักษามูลค่าเงินในภาวะเงินเฟ้อ และ OIL03 ซึ่งเป็น DR ตัวแรกของตลาดหุ้นไทยที่อ้างอิงกับราคาน้ำมัน ซึ่ง DR ใหม่ทั้ง 4 ตัว ของ บล.พาย เริ่มซื้อขายตั้งแต่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา

*** ต้นปีพบ 32 DR บวกสวน SET สูงสุด 16%

ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) ของ DR ในตลาดหุ้นไทน พบว่า มีถึง 32 ตัว (จากทั้งหมด 54 ตัว) ที่ผลตอบแทนช่วงดังกล่าวเป็นบวก โดยบวกมากที่สุดถึง 16.57% สวนทางผลตอบแทนดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ในช่วงดังกล่าวติดลบอยู่ถึง 7.08%
 

*** TOP3 ผลตอบแทนสูงสุด ส่วนใหญ่อิงหุ้นฮ่องกง

โดย DR ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปีนี้ คือ Depositary Receipt on BABA Issued by KTB (BABA80) ที่ให้ผลตอบแทนถึง 16.57% ซึ่ง BABA80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงหุ้นของบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทำธุรกิจ Ecommerce ที่เป็นธุรกิจหลักสัดส่วน 80% มีหลากหลายรูปแบบทั้ง B2C, B2B และ C2C รวมทั้งยังมีการขยายแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Ecommerce อีกด้วย

รองลงมา คือ Depositary Receipt on HERMES Issued by KTB (HERMES80) ที่ปีนี้ให้ผลตอบแทน 16.46% ซึ่ง HERMES80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของหุ้น บริษัท HERMES INTERNATIONAL SCA ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซต์ ปารีส ประกอบธุรกิจด้านแฟชั่น อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนมจากประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งเครื่องประดับ, นาฬิกา, เสื้อผ้า และน้ำหอม เป็นต้น 

ขณะที่ Depositary Receipt on XIAOMI Issued by KTB (XIAOMI80) ที่ให้ผลตอบแทน 13.82% ซึ่ง XIAOMI80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (Xiaomi Corporation) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ประกอบธุรกิจด้านสินค้าไอที 

*** ยังมีอีก 4 DR ผลตอบแทนปีนี้มากกว่า 10%

นอกจากนี้ ยังมี DR อีก 4 หลักทรัพพย์ ที่ให้ผลตอบแทนปีนี้มากกว่า 10% ประกอบด้วย Depositary Receipt on NINTENDO Issued by YUANTA (NINTENDO19) ให้ผลตอบแทน 12.32% ซึ่ง NINTENDO19 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท NINTENDO ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ประกอบธุรกิจด้านเกมส์ อาทิ Mario, Animal Crossing, Super Smash Bosh เป็นต้น

ขณะที่ Depositary Receipt on SANOFI Issued by KTB (SANOFI80) ให้ผลตอบแทน 10.91% ซึ่ง SANOFI80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท SANOFI ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซต์ ปารีส ประกอบธุรกิจด้านเภสัชกรรม และจำหน่ายยารักษาโรค

Depositary Receipt on CAM HSTECH ETF Issued by BLS (CNTECH01) ให้ผลตอบแทน 10.89% ซึ่ง CNTECH01 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของ ChinaAMC Hang Seng TECH Index ETF (3088.HK) ที่รวม 30 หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง มาไว้ให้ลงทุน

ฟาก Depositary Receipt on HSTECH ETF Issued by KGI (HKTECH13) ให้ผลตอบแทน 10.66% ซึ่ง HKTECH13 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของกองทุน Hang Seng Tech Index ETF (3032HK) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง มีนโยบายการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่สุด 30 อันดับ ในตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น Xiaomi, Alibaba, BYD Electronic และ Tencent เป็นต้น

*** แต่ยังมี DR อีก 21 ตัว ผลตอบแทนต้นปีติดลบ 

อย่างไรก็ตาม ยังมี DR อีก 21 ตัว ที่ผลตอบแทนช่วงต้นปีติดลบเช่นเดียวกับ SET Index ซึ่งติดลบสูงสุด 9% ประกอบด้วย 
 

โดย DR ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดในช่วงต้นปี 3 อันดับแรก พบเป็นหลักทรัพย์อ้างอิงตลาดหุ้นของประเทศญี่ปุ่นถึง 2 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย Depositary Receipt on UNIQLO Issued by KTB (UNIQLO80) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุด 9.48% ซึ่ง UNIQLO80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท Fast Retailing ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า ภายใต้แบรนด์ยูนิโคล่

ด้าน Depositary Receipt on HONDA Issued by YUANTA (HONDA19) ผลตอบแทนติดลบ 8.48% ซึ่ง HONDA19 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท Honda ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวของญี่ปุ่น ประกอบธุรกิจยานยนต์

ส่วน Depositary Receipt on NOVOB Issued by KTB (NOVOB80) ผลตอบแทนติดลบ 7.26% ซึ่ง NOVOB80 เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของบริษัท Novo Nordisk ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค โคเปนเฮเก้น ของประเทศเดนมาร์ก ประกอบธุรกิจเภสัชกรรม มีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น คือ ยารักษาโรคเบาหวาน

*** SET แนะกลยุทธ์เลือกลงทุน DR อย่างไร ?

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า กลยุทธ์ในการเลือกลงทุน DR มีด้วยกัน 2 วิธี ดังนี้

1.เลือกลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีความน่าสนใจในการลงทุน : ต้องวิเคราะห์หลักทรัพย์อ้างอิงก่อนว่า มีทิศทางการเติบโตที่ดีหรือไม่ มีโอกาสเติบโตมากน้อยเพียงใด ซึ่งดูได้จากทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศนั้น, ภาวะอุตสาหกรรม และแนวโน้มการเติบโตของบริษัท รวมถึงปัจจัยที่จะเข้ามากระทบกับหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ DR นั้นอ้างอิงอยู่

ในส่วนของการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ นักลงทุนต้องพิจารณาปัจจัยการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศนั้นว่ามีการเติบโตในระดับไหน แข็งแกร่งเพียงพอและน่าสนใจลงทุนหรือเปล่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศข้างเคียงหรือประเทศที่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจในระดับเดียวกัน

การมองภาพรวมของประเทศ หรือความสามารถทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่มีประโยชน์กับ DR ที่ลงทุนในดัชนีอ้างอิงในต่างประเทศอย่างเดียว แต่จะมีประโยชน์กับ DR ที่อ้างอิงหุ้นรายตัวอีกด้วย

ขณะที่ การวิเคราะห์บริษัท นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ความแข็งแกร่งด้านพื้นฐาน รวมถึงความสามารถของบริษัทจากผลการดำเนินงานในอดีต เช่น กิจการต้องมีผลประกอบการดี เติบโตอย่างต่อเนื่อง, มีกำไรอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาขาดทุน, มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน หนี้สินอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริหารมีความสามารถ และธรรมาภิบาลของบริษัทอยู่ในระดับที่ดี และ ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม

2.ตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญารับฝาก : การตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญารับฝากเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะจะมีผลกับราคา DR ซึ่งมีเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น สิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือ DR จะได้รับ, ค่าใช้จ่ายที่ผู้ออก DR เรียกเก็บ, เงื่อนไขและวิธีการรับซื้อคืน DR และ การทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน (ถ้ามี)  

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพยย์ฯทิ้งท้ายว่า การลงทุนใน DR ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียด และต้องติดตามทิศทางราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่ DR นั้นลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนจาก DR ได้อย่างมั่นใจแล้ว