เช้านี้ NER พุ่งสูงสุด 2.22% รับจีนลดภาษีรถยนต์ หนุนยอดคำสั่งซื้อเพิ่มทางอ้อม ขณะที่ โบรกฯ ประเมินกำไร Q2-Q3/65 เดินหน้าทำนิวไฮต่อเนื่อง หลังราคาขายเฉลี่ยคาดสูงขึ้นจาก Q1/65 หนุนกำไรทั้งปีนิวไฮต่อที่ 1.9 – 2.1 พันลบ. โต 5 – 20% แต่ยังมีอัพไซด์จากปริมาณการขาย – ราคา อาจสูงกว่าคาด – บุ๊คกำไรธุรกิจใหม่ปีแรก
*** เช้านี้พุ่งสูงสุด 2.22% รับจีนลดภาษีรถยนต์
ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ช่วงเช้าวันนี้ (26 พ.ค.65) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 6.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.22% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.74% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 141.87% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น NER เช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 2.22% เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลดภาษีรถยนต์ ส่งผลให้ NER มีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคายางในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นเป็น 71 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 10%
*** ลุ้นกำไร Q2-Q3 นิวไฮต่อเนื่อง หลังราคาขายสูงขึ้น
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์รอบล่าสุด ทำให้มีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ของ NER มากขึ้นกว่าเดิม โดยคาดว่าปริมาณการขายของ NER จะเพิ่มขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และ ไตรมาสก่อน (QoQ) (เดิมคาดเพิ่มขึ้น QoQ แต่ชะลอลง YoY)
หากสมมติฐานดังกล่าวเป็นจริง จะทำให้ปริมาณการขายของ NER ในช่วงไตรมาส 2/65 สูงกว่าในช่วงไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นไตรมาสที่กำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เอาไว้ ขณะที่ ราคาขายเฉลี่ยในงวดไตรมาส 2/65 ยังสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน จึงคาดว่า กำไรปกติไตรมาส 2/65 ของ NER มีโอกาสกลับมาทำนิวไฮอีกครั้ง ในกรณีที่ตู้คอนเทนเนอร์ไม่ล่าช้าอีก
ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 คาดกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง มีปัจจัยหนุน จากปริมาณการส่งมอบที่เร่งตัวขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาล และ การกลับมา Restocking สินค้าของประเทศจีน หลังการคลายล็อกดาวน์ อีกทั้ง NER ยังสามารถปิดการขายได้ถึงเดือน ต.ค.65 แล้ว ทำให้ตัดปัญหาความเสี่ยงด้านยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าได้ในระดับหนึ่ง
*** คาดกำไรปี 65 นิวไฮต่อ แถมมีอัพไซด์ธุรกิจใหม่
บล.เคทีบีเอสที ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ NER ไว้ที่ 2.2 พันล้านบาท (ทำนิวไฮ) เติบโตขึ้น 20% จากปีก่อน ภายใต้สมมติฐาน Gross margin อยู่ที่ 12.6% จากการเริ่มรับรู้รายได้ธุรกิจแผ่นปูนอนวัว ขณะที่ คาดว่าราคาขายเฉลี่ยยางปี 65 – 66 จะอยู่ที่ 55 บาท/กิโลกรัม และ ปริมาณการขายยางธรรมชาติปี 65 อยู่ที่ 5 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ที่ประเมินไว้ 2.2 พันล้านบาท ยังมีอัพไซด์ส่วนเพิ่ม จากแนวโน้มปริมาณการขายยาง และ ราคายาง ที่อาจจะสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ ปัจจุบัน
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ NER ไว้ราว 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อน แต่ประมาณการดังกล่าว ยังมีอัพไซด์ จากปริมาณการขาย และ ราคาขายเฉลี่ยที่อาจสูงกว่าคาดได้ รวมถึงธุรกิจแผ่นปูนอนวัว ที่ NER ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 294 ล้านบาท แต่เรายังไม่ได้รวมรายได้ส่วนดังกล่าว ไว้ในประมาณการของเรา
ส่วน บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับธุรกิจใหม่ของ NER ไว้ว่า ปัจจุบัน เครื่องจักรที่ใช้สำหรับผลิตแผ่นปูนอนวัว เริ่มทยอยติดตั้งแล้ว โดยคาดว่า จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป
โดยสรุป มีนักวิเคราะห์ 3 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ NER ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
เคทีบีฯ |
2,216 |
20 |
หยวนต้า |
2,095 |
13 |
โนมูระฯ |
1,936 |
5 |
*** ยานยนต์ฟื้น - ลูกค้าใหม่ หนุนปริมาณขายพุ่ง
บล.เอเซีย พลัส มองว่า ในช่วงที่เหลือของปี 65 มีโอกาสสูง ที่ปริมาณการขายยางพาราของ NER จะเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนความต้องการใช้ยางล้อในอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้น ประกอบกับ มีการขยายฐานลูกค้าใหม่ในประเทศอินเดีย อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน NER ทำยอดขายยางพาราได้แล้ว 2 แสนต้น จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 แสนตัน อีกทั้ง NER ยังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหม่ต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลูกค้าใหม่เพิ่มมาแล้ว 4 ราย (ในประเทศ 2 ราย และ อินเดีย 2 ราย) และ ยังอยู่ระหว่างเจรจาอีก 2 ราย (ยุโรป และ จีน)
*** โบรกเลือกเป็น Top picks กลุ่ม ชี้ปันผลน่าสนใจ
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า เลือก NER เป็นหุ้น Top picks ของกลุ่มสินค้าเกษตรประจำปี 65 สะท้อนจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์สูงราว 70% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 11.80 บาท/หุ้น อีกทั้ง หุ้น NER ยังซื้อ – ขาย บนระดับ P/E ปี 65 เพียง 5.6 เท่า และ คาดให้เงินปันผลงวดปี 65 อัตรา 0.47 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงถึง 7.1%
สอดคล้องกับ บล.เอเซีย พลัส ที่มองว่า หุ้น NER ยังมีความน่าสนใจในการเข้าสะสม เนื่องจากปัจจุบัน ซื้อ – ขาย บนระดับ P/E เพียง 6 เท่า ประกอบกับ นักลงทุนยังสามารถคาดหวังเงินปันผลปี 65 คิดเป็น Dividend Yield สูงราว 6% ต่อปี จึงยังแนะนำ"ซื้อ"
โดยสรุป มีนักวิเคราะห์ 5 ราย คาดการณ์ Dividend Yield ปี 65 ของ NER ไว้ดังนี้
บล. |
%ยีลด์ (ปี65) |
เคทีบีฯ |
7.40 |
หยวนต้า |
7.10 |
พาย |
6.80 |
ไทยพาณิชย์ |
6.70 |
เอเซีย พลัส |
6.00 |
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าปริมาณการขายยางพาราของ NER ปีนี้ มีโอกาสสูงกว่าที่ประเมินไว้เดิม ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับ เป็นปีแรก ที่จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ที่มาร์จิ้นสูง อย่าง แผ่นปูนอนวัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิปี 65 จะสามารถทำนิวไฮได้ต่อเนื่องอีกปี
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
11.80 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
10.20 |
เคทีบีฯ |
ซื้อ |
10.00 |
พาย |
ซื้อ |
9.10 |
โนมูระฯ |
ซื้อ |
8.30 |
ราคาเฉลี่ย |
9.88 |
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะมองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3/65 ของ NER มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) กลับปรับตัวลง 2.14% จากความกังวลราคายางในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ปัจจุบัน NER มีอัพไซด์สูงถึง 44.22% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ ซึ่งอาจยังไม่ได้สะท้อนการเติบโต ที่กำลังจะมาถึงอันใกล้นี้ ...