เช้านี้ MTC ดิ่งนิวโลว์รอบ 2 ปี หลังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น โบรกฯคาดทุกการขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ของ กนง. กระทบกำไรปี 66ราว 1.2% แต่มองกำไร Q3/65 ยังโตแกร่งได้ ตามสินเชื่อโตแรง แถมเร่งขยายสาขาต่อเนื่อง ดันกำไรปี 65 โตราว 14 – 15% อีกทั้งอัพไซด์ยังเหลือให้ลุ้นอีกเพียบ !
 

*** นิวโลว์รอบ 2 ปี กังวลดอกเบี้ยขาขึ้น
 

ราคาหุ้น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ช่วงเช้าวันนี้ (26 ก.ย.65) ร่วงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 38 บาท ทำระดับราคาหุ้นต่ำสุดใหม่ (นิวโลว์) รอบ 2 ปี ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคาดังกล่าว ลดลง 1 บาท หรือ -2.56% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 42.15% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น MTC เช้านี้ ปรับตัวลงทำราคาหุ้นต่ำสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงลบ หลังตลาดมองว่า ทิศทางดอกเบี้ยในประเทศกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังประเมินคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในรอบการประชุมสัปดาห์นี้ ส่งผลต่อต้นทุนของหุ้นในกลุ่ม Non-Bank

ขณะที่ บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า คาดการณ์ว่า การประชุม กนง. อีก 2 รอบที่เหลือปีนี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบละ 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย สิ้นปี 65 อยู่ที่ 1.25% ขณะที่เมื่อเข้าสู่ปี 66 คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในระดับดังกล่าวอีก 2 รอบ ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทย อยู่ที่ระดับ 1.75% เพื่อรักษาช่องว่างดอกเบี้ยกับธนาคารกลางอื่นๆของโลกไม่ให้ห่างเกินไป
 

*** โบรกฯชี้ดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบจำกัด
 

บล.เอเซีย พลัส มองว่า แม้ในระยะสั้น เทรนด์ดอกเบี้ยไทยกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น แต่มองว่า MTC จะได้รับผลกระทบดังกล่าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเกือบทั้งหมดของ MTC เป็นหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยคาดจะเริ่มเห็นต้นทุนทางการเงิน (Cost of funds) เพิ่มขึ้นราว 0.2% ในไตรมาส 4/65

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯได้ทำ Sensitivity ว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทุกๆ 0.25% (โดยสมมตฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง) จะกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิปี 66 ของ MTC ราว 1.2% 
 

*** กูรูคาดกำไร Q3/65 โตทั้ง YoY – QoQ
 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ MTC ไว้ราว 1.4 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม ทำให้รายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ MTC มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน หลังผ่านการตั้งสำรองฯจำนวนมากในช่วงไตรมาสก่อนไปแล้ว ทำให้คาดว่า Credit cost ในช่วงไตรมาส 3/65 จะผ่อนคลายลง

ขณะที่ กำไรจากการดำเนินงาน มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สอดรับกับขนาดของพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งความต้องการสินเชื่อด่วนของลูกค้ากลุ่มฐานรากยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ MTC มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สินเชื่อเพิ่มเติม อาทิ สินเชื่อ Buy Now Pay Later และสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มวงเงินให้ลูกหนี้ที่มีประวัติชำระหนี้ดี
 

*** คาดสินเชื่อปีนี้โต 30% ลูกค้าใหม่รอเพียบ
 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า สินเชื่อรวมปี 65 ของ MTC มีแนวโน้มเติบโตราว 30% จากปีก่อน หลังสินเชื่อรวมไตรมาส 2/65 เติบโตขึ้น 35% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น  9% จากไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 17% ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ขณะที่เดือน ก.ค. – ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหาร MTC คาดว่า สินเชื่อยังเติบโตดีต่อเนื่อง ตามกิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัว

อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากการเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายเพิ่มเป็น 6.5 พันสาขา ภายในสิ้นปีนี้ เทียบสิ้นปี 64 อยู่ที่ 5.8 พันสาขา ประกอบกับ ยังมีการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ 

ขณะที่ บล.พายให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเติบโตของสินเชื่อ MTC ยังมีแนวโน้มสูงต่อในระยะยาว สะท้อนจากการมีฐานลูกค้าใหม่ที่รอเข้าถึงอีกจำนวนมาก โดยกลุ่มเป้าหมายของ MTC คือ ผู้กู้รายได้ต่ำ ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารปกติได้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ด้วยจำนวน 18 – 20 ล้านคน ทำให้สินเชื่อของ MTC ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

นอกจากนี้ MTC ยังมีเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มเป็น 7.2 พันแห่ง ภายในปี 66 ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นผ่านการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งนี้ ด้วยกิจการที่ใหญ่ขึ้น อาทำให้ MTC ได้ประโยชน์ในแง่ความประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนการดำเนินงานมากขึ้นอีกด้วย 
 

*** กูรูมั่นใจกำไรโตแกร่ง แม้ NPL ยังทรงตัวสูง
 

บล.พาย ระบุว่า แม้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับหนี้เสีย (NPL) ของ MTC ที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น และเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่คาดว่า กำไรสุทธิปี 65 ของ MTC จะทำได้ 5.6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น ตามการเติบโตที่แข็งแกร่งของสินเชื่อ 

นอกจากนี้ ยังประเมินว่า กำไรสุทธิปี 66 – 67 ของ MTC จะเติบโตต่อเนื่องราว 16% และ 18% ตามลำดับ มีเหตุผลหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น เพราะสินเชื่อที่เติบโตขึ้นตามการขยายสาขา และฐานลูกค้าใหม่ยังมีจำนวนมาก อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 

ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า NPL จะมีผลกระทบเชิงลบต่อ MTC ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าประโยชน์จากการยอมเสียอัตรากำไรเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา น่าจะปรากฏชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 65 เป็นต้นไป โดยอาจตอบแทน MTC ให้กำไรสุทธิปี 66 เติบโตสูงสุดในกลุ่ม

ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 – 66 ของ MTC ไว้ดังนี้

*** โบรกฯยังเลือกเป็นหุ้น Top Pick
 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ยังเลือก MTC เป็นหนึ่งในหุ้นเด่น (Top Pick) ของเราในกลุ่มการเงิน ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อในระยะยาว อีกทั้ง P/E ปี 66 ยังอยู่ในระดับเพียง 15.6 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการเติบโตระยะยาว 

ส่วน บล.พาย เสริมว่า มูลค่า (Valuation) ของหุ้น MTC ยังมีความน่าสนใจ สะท้อนจาก PBV ปี 66 ที่อยู่ในระดับ 3.2 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ในระดับที่สูงถึง 6.5 เท่า ขณะที่ P/E ปี 66 เราประเมินไว้ราว 17.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ที่อยู่ในระดับ 27 เท่า 
 

*** ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ"

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่า กำไรสุทธิของ MTC ยังมีแนวโน้มเติบโตระดับเลข 2 หลักต่อเนื่องในระยะยาว จากปัจจัยหนุนสินเชื่อที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยชดเชยปัญหา NPL ที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวสูงได้ 

ราคาหุ้น MTC ที่ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่งผลให้ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน มีอัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกถึง 43% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ อีกทั้ง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรสุทธิของ MTC โดยเชื่อมั่นว่า จะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในระยะยาว จากการเติบโตของสินเชื่อในอัตราเร่ง ....