กูรูแนะเก็บหุ้นกำไรโตแกร่ง - ปันผลสูง ป้องกันความเสี่ยงช่วง SET แกว่งตัวแคบไร้ปัจจัยใหม่หนุน สแกนหุ้นทั้งตลาดพบ 12 บจ. กำไรปี 67 จ่อโตแกร่ง แถมปันผลคาดแจกยีลด์มากกว่า 5% กลุ่มพลังงานฯ - ธนาคารฯติดโผเพียบ แต่ BAM ถูกคาดกำไรโตสูงสุด 46% ส่วน SPRC คาดปันผลแจกยีลด์ปีนี้สูงสุดถึง 12%
*** กูรูแนะเก็บหุ้นกำไรแกร่ง - ปันผลสูง
นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุน ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นแบบไซด์เวย์ ขณะเดียวกันในช่วงก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นของหลาย ๆ บริษัทก็ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากหลังถูกปัจจัยลบหลายอย่าง อาทิ ดอกเบี้ยนานกว่าคาก ภัยสงครามกดดัน
ทั้งนี้ มองว่า สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน นักลงทุนควรเลือกหุ้นแบบ Selective buy โดยมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน โดยมองว่า หุ้นที่น่าสนใจเข้าสะสมในช่วงนี้ คือ หุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 67 ระดับสูง ประกอบกับ มีการคาดการณ์ว่า จะจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับสูง เนื่องจากหลาย ๆ บริษัทราคาหุ้นถูกกดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ Dividend Yield ปรับตัวขึ้น และหากในระยะถัดไปสามารถสร้างการเติบโตของกำไรตามที่คาดหวังได้ จะเป็นปัจจัยหนุนทั้ง 2 เด้ง
*** พบ 12 หุ้นงบปีนี้จ่อโตแกร่ง คาดให้ยีลด์สูงสุด 12%
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"สำรวจประมาณการกำไรสุทธิปี 67 และคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลงวดปีนี้ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ใน IAA Consensus ที่มีการอัปเดทข้อมูลหลังช่วงประกาศงบการเงินไตรมาส 1/67 พบว่า มี 12 บริษัท ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่ากำไรปีนี้จะเติบโตแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield มากกว่า 5% ประกอบด้วย
12 บจ. กำไรปี 67 จ่อโตแกร่ง แถมปันผลให้ยีลด์สูงสุดถึง 12% |
ชื่อย่อหุ้น | บล. | กำไรปี 67 (ลบ.) | %chg YoY | ปันผลปี 67 (บ.) | %ยีลด์* |
SPRC | กรุงศรี | 7,321 | พลิกกำไร | 1.01 | 12.24 |
หยวนต้า | 5,546 | พลิกกำไร | 0.64 | 7.75 |
เอเซีย พลีส | 4,277 | พลิกกำไร | 0.49 | 5.93 |
ดาโอ | 4,925 | พลิกกำไร | 0.45 | 5.45 |
NER | บียอนด์ | 1,910 | 23.62 | 0.52 | 9.12 |
หยวนต้า | 2,055 | 33.01 | 0.45 | 7.89 |
เอเอสแอล | 1,922 | 24.40 | 0.4 | 7.01 |
พาย | 1,889 | 22.27 | 0.39 | 6.84 |
TACC | พาย | 237 | 14.49 | 0.4 | 8.47 |
กรุงศรี | 220 | 10.25 | 0.36 | 7.62 |
ฟินันเซียฯ | 225 | 10.87 | 0.31 | 6.6 |
QH | หยวนต้า | 2,809 | 12.23 | 0.16 | 8.08 |
กรุงศรี | 2,880 | 15.06 | 0.17 | 8.58 |
TTB | กรุงศรี | 20,541 | 11.26 | 0.13 | 7.83 |
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 22,282 | 20.69 | 0.13 | 7.83 |
หยวนต้า | 20,175 | 10.05 | 0.12 | 7.22 |
ฟินันเซียฯ | 20,713 | 12.19 | 0.11 | 6.2 |
บัวหลวง | 20,582 | 11.48 | 0.1 | 6.02 |
AUCT | หยวนต้า | 390 | 12.07 | 0.71 | 7.55 |
จีเอ็มโอ | 385 | 10.63 | 0.63 | 6.7 |
BAM | ทิสโก้ | 2,246 | 46.41 | 0.6 | 7.18 |
หยวนต้า | 1,780 | 16.04 | 0.44 | 5.26 |
ดาโอ | 1,758 | 14.60 | 0.44 | 5.26 |
อินโนเวสท์ฯ | 1,739 | 13.36 | 0.43 | 5.14 |
SCCC | เมย์แบงก์ฯ | 3,284 | 22.45 | 9 | 6.76 |
เอเซีย พลัส | 3,436 | 28.11 | 8 | 6.01 |
หยวนต้า | 3,216 | 19.91 | 8 | 6.01 |
EGCO | เอเซีย พลัส | 11,082 | พลิกกำไร | 6.75 | 6.58 |
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 7,815 | พลิกกำไร | 6.5 | 6.34 |
กรุงศรี | 9,685 | พลิกกำไร | 6.5 | 6.34 |
เคจีไอ | 6,557 | พลิกกำไร | 6.5 | 6.34 |
RATCH | หยวนต้า | 5,712 | 10.55 | 1.8 | 6.42 |
กรุงศรี | 7,461 | 44.40 | 1.75 | 6.25 |
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 6,767 | 30.97 | 1.7 | 6.07 |
เอเซีย พลัส | 5,688 | 10.08 | 1.6 | 5.71 |
KTB | ฟิลลิป | 45,221 | 23.50 | 1.07 | 6.22 |
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 40,393 | 10.32 | 0.95 | 5.52 |
หยวนต้า | 43,791 | 19.60 | 0.94 | 5.46 |
BBL | พาย | 45,658 | 10.00 | 7.7 | 5.66 |
ฟิลลิป | 46,000 | 10.48 | 7.5 | 5.51 |
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 46,107 | 10.74 | 7.25 | 5.33 |
*%ยีลด์เทียบราคาปิด 5 มิ.ย.67 |
โดย 12 บริาทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 7 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และธนาคารพาณิชย์ติดโผมากสุด จำนวน 3 บริษัทเท่ากัน ส่วนที่เหลือกระจายตัวออกไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
*** BAM ถูกคาดกำไรปีนี้โตมากสุดถึง 46%
โดย บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 67 มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนมากที่สุดราว 13.36 - 46.41% หลังถูกประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 1,739 - 2,246 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการชำระหนี้ของลูกหนี้ รวมทั้งจะรับรู้การชำระหนี้จากลูกหนี้รายใหญ่ที่ของเลื่อนการชำระจากปี 66 มาเป็นปีนี้
อีกทั้ง คาดว่า จะมีการเติบโตของอุปทานในตลาด NPL หลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สิ้นสุดลง ทำให้คาดการณ์ว่าสถานการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผลการดำเนินงานของ BAM ในระยะกลาง - ยาว ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของ BAM ในปีนี้มีแนวโน้มจะลดลงจากปีก่อนด้วย
รองลงมา คือ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ที่ถูกประเมินกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 5,688 - 7,461 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10.08 - 44.40% จากปีก่อน หนุนโดยการเข้าถือหุ้นในโครงการ Paiton (โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ขนาด2,045 เมกะวัตต์) เสร็จสมบูรณ์ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้คาดการณ์ว่า RATCH จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากส่วนนี้ได้ราว 2,000 ล้านบาท/ปี
นอกจากนั้น ผลการดำเนินงานปีนี้ จะได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากโครงการ Hydro ในประเทศลาว หลังปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และมีการหยุดซ่อมบำรุงน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้ง โครงการใหม่มีกำหนดสร้างเสร็จภายในปีนี้ อาทิ โครงการหินกองโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 1,540 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เฟส 1 แล้วเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และโครงการภายใต้ Nexif Project ทั้งโครงการ Solar ในประเทศฟิลิปปินส์ Hydro ในประเทศเวียดนาม Battery ในประเทศออสเตรเลีย และ SPP ส่วนต่อขยายในประเทศไทย
*** มีอีก 4 บจ. กำไรปี 67 จ่อโตมากกว่า 20%
ขณะเดียวกัน มีอีก 4 บริษัท ที่กำไรสุทธิปี 67 มีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อน ประกอบด้วย บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1,889 - 2,055 ล้านบาท เติบโตขึ้น 22.27 - 33.01% จากปีก่อน หนุนโดยราคาขายยางของปีนี้ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นเป็น 68 - 77 บาท/กิโลกรับ เทียบปีก่อน 50 บาท/กิโลกรัม หลังผลญกับภัยแล้ว ส่งผลให้ปริมาณสินค้าในตลาดปรับตัวลดลง
ด้าน บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 3,216 - 3,436 ล้านบาท เติบโตขึ้น 19.91 - 28.11% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากงบประมาณภาครัฐปี 67 เบิกจ่าย หนุนให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในช่วงที่เหลือของปีกลับมาขยายตัวได้ หลังไตรมาส 1/67 หดตัวถึง 11% จากปีก่อน
ส่วน ตลาดต่างประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในแง่ Demand การใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศศรีลังกา และเวียดนาม ประกอบกับ SCCC จะมีประสิทธิภาพการทำกำไรสูงขึ้น ภายใต้โครงการลดต้นทุนขของบริษัทที่จะเริ่มส่งผลบวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานระยะยาวมีความมั่นคงมากขึ้น
ขณะที่ ธนาคากรุงไทย (KTB) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 40,393 - 45,221 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10.32 - 23.50% จากปีก่อน หนุนโดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีแนวโน้มลดลง หลังตั้งด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายไปมากในช่วงไตรมาส 1/67 อีกทั้ง พอร์ตสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินของภาครัฐ ประกอบกับ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังเร่งตัวขึ้นได้ สะท้อนจากค่าะรรมเนียมที่ยังเร่งตัวขึ้น และการได้หนี้สูญรับคืนทยอยเพิ่มขึ้น
ฟาก ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 20,175 - 22,282 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11.48 - 20.69% จากปีก่อน หนุนโดยสินเชื่อเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านช่วง Repayment ของลูกหนี้รายย่อยในช่วงต้นปีไปแล้ว ประกอบกับ มีการทยอยรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษีเข้ามาในงบกำไรขาดทุน ช่วยซึมซับผลกระทบจากทั้ง NIM ที่ชะลอตัวและการตั้งสำรองเพื่อ Write-Off ลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง
อีกทั้ง ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในพอร์ตยังอยู่ในเกณฑ์ดี ช่วยลดความเสี่ยงที่จะต้องเร่งการตั้งสำรองเพิ่มกว่าประมาณการ และคาดจะเริ่มเห็นการทยอยลด Cost to Income Ratio จากการคืนพื้นที่สาขาที่ทับซ้อนกันมากขึ้น
*** 2 บจ. งบปีนี้เตรียมพลิกกำไร
นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 บริษัท ที่ผลการดำเนินงานปี 67 มีแนวโน้มพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ ประกอบด้วย บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ที่ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 6,557 - 11,082 ล้านบาท เทียบปีก่อนขาดทุนสุทธิ 8,384 ล้านบาท หนุนโดยโครงการโรงไฟฟ้า พาจู อีเอส และ เอสบีพีแอล ที่มีปริมารการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายโครงการหยุนหลินลดลง
ด้าน บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ถูกคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 4,925 - 7,321 ล้านบาท เทียบปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 1,230 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มสูงกว่าคู่แข่ง สะท้อนจากความต้องการน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น โดย SPRC มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันดังกล่าวถึง 24% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ผลิตในประเทศ
อีกทั้ง SPRC ยังสามารถกลับมาเปิดใช้ท่อรับน้ำมันกลางทะเล SPM ภายในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งหากกลับมาเปิดใช้ได้ จะช่วยให้ SPRC ลดค่าใช้จ่ายในด้านการขนส่ง และทำให้ค่าการกลั่นสูงขึ้น 1 - 1.5 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น 140 - 200 ล้านบาท/เดือน
*** ส่องยีลด์ปันผล ปีนี้คาด SPRC จ่ายจุก ๆ 12%
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลงวดปี 67 จากนักวิเคราะห์ IAA Consensus พบว่า บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่าจะจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield สูงที่สุดราว 5.45 - 12.24% หลังถูกคาดเงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 0.45 - 1.01 บาท/หุ้น
รองลงมา คือ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ที่ถูกคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลงวดปี 67 ที่อัตรา 0.39 - 0.52 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 6.84 - 7.89%
นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่างวดปี 67 จะจ่ายเงินปันผลคิดเป็น Dividend Yield มากกว่า 7% ประกอบด้วย บมจ.ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ (TACC) คาดจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.31 - 0.4 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 6.6 - 8.47%
ด้าน บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่างวดปี 67 จะจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.16 - 0.17 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 8.08 - 8.58%, ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่างวดปี 67 จะจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.1 - 0.13 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 6.02 - 7.83%
ส่วน บมจ.สหการประมูล (AUCT) ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่างวดปี 67 จะจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.63 - 0.71 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 6.7 - 7.55% และ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ถูกโบรกเกอร์คาดการณ์ว่างวดปี 67 จะจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.43 - 0.6 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ระดับ 5.14 - 7.18%