efinancethai

หุ้นเด่นวันนี้

วงการผสานเสียง SET เดือน ก.พ.ฟื้นได้ แต่ยังไม่ทะลุ 1,400 จุด แนะสะสมหุ้นบิ๊กแคปปัจจัยพื้นฐานแกร่ง !

วงการผสานเสียง SET เดือน ก.พ.ฟื้นได้ แต่ยังไม่ทะลุ 1,400 จุด แนะสะสมหุ้นบิ๊กแคปปัจจัยพื้นฐานแกร่ง !

โบรกฯผสายเสียง SET เดือน ก.พ.ฟื้นได้ หลังประเมินแรงขาย LTF เบาลง - งบฯ Q4/67 แกร่ง - สหรัฐฯอาจขึ้นกำแพงภาษีจีนแค่ 10% เป็นปัจจัยหลักช่วยกระตุ้น แต่มองการรีบาวด์ ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป คาดไม่ทะลุแนวต้าน 1,400 จุด แนะกลยุทธ์หลักเก็บหุ้นบิ๊กแคป ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง !

 

*** วงการผสานเสียง SET ก.พ. ฟื้นได้ ให้กรอบ 1,305 - 1,390 จุด

"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความคิดเห็นโบรกเกอร์ 5 แห่ง ต่อแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เดือน ก.พ.นี้ โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าเริ่มเห็นดาวน์ไซด์จำกัด และดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นได้ ปัจจัยหลักเป็นเพราะคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับ คาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากจีนเพียงแค่ 10% เท่านั้น โดยประเมินดัชนีหุ้นไทยในเดือนดังกล่าวเคลื่อนไหวในกรอบ 1,305 - 1,390 จุด 



โดย "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า SET Index เดือน ก.พ.นี้ มีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยดัชนีหุ้นไทยมีลุ้นขยับเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุด มีปัจจัยหนุนจากมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทยที่อยู่ในระดับถูกมากแล้ว สะท้อนจากการซื้อขายบนระดับ P/E ราว 15 - 16 เท่า อีกทั้ง Market Earning Yield ยังขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับราว 4.5 - 4.8% สูงกว่าระดับปกติที่อยู่ 3.8%


ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ มาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 และมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยหนุนทางอ้อม


อีกทั้ง ยังมีปรากฏการณ์ของ Deep Seek ที่เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (Fund flow) พลิกไหลกลับหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หลังหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯมี Valuation ที่แพงมากแล้ว ประกอบกับ ในอนาคตอาจถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดไปด้วยเพราะ Deep Seek มีต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปรากฏการณ์ Deep Seek จะเป็นประโยชน์เชิงบวกแก่กลุ่ม User อาทิ  ธนาคารพาณิชย์, ค้าปลีก, ศูนย์การค้า เป็นต้น จากต้นทุนที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  


สอดคล้องกับ "สรพล วีระเมธีกุล" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย ที่มองว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเดือน ก.พ.นี้ จะเป็นแบบลงเพื่อปรับตัวขึ้น โดยประเมินว่า SET Index จะลงได้ต่ำสุดที่บริเวณ 1,305 จุด จากนั้นจะรีบาวด์ขึ้นได้ในกรอบ 1,390 จุด


ปัจจัยหนุนที่จะทำให้ SET Index เดือน ก.พ. ฟื้นตัวขึ้นได้ เป็นเพราะแรงขายจากกองทุน LTF ผ่อนคลายลงจากเดือน ม.ค. ที่มียอดขายกองทุนดังกล่าวราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ที่เดือน ม.ค.ของทุกปีจะมีแรงขาย LTF เพียงแค่ราว 7 - 8 พันล้านบาท เท่านั้น 


ขณะเดียวกัน ในช่วง 1 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า จะมีท่าทีเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าต่อประเทศคู่ค้าเช่นไร โดยเฉพาะกับประเทศจีน ถ้าในช่วงดังกล่าว "โดนัลด์ ทรัมป์" ยังมีท่าทีอ่อนลงต่อจีนเหมือนที่ส่งสัญญาณขณะนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพียงแค่ 10% ซึ่งที่ระดับดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นไทยทันที


เช่นเดียวกับ "กรรณ์ หทัยศรัทธา" นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ที่มองว่า การฟื้นตัวของ SET Index เดือน ก.พ.นี้ ยังเป็นภาพการฟื้นแบบจำกัด โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่บริเวณ 1,320 - 1,385 จุด


สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามองในช่วงเดือนดังกล่าว คือ การประกาศงบการเงินไตรมาส 4/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่ม Real Sector โดยมองว่ากลุ่มดังกล่าว จะมีผลการดำเนินงานออกมาเป็นกลางไม่ได้โดดเด่นเท่ากับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่รายงานงบการเงินออกมาเป็นกลุ่มแรก


ประกอบกับ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับมาตรการทางเศรษฐกิจของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นอยู่เป็นระยะ ซึ่งในช่วงนี้เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น แต่เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศกลับยังไม่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย จึงถือเป็นความเสี่ยง และเป็นปัจจัยที่กดดันให้การฟื้นตัวในช่วงเดือน ก.พ.นี้ ยังเป็นไปอย่างจำกัด


ฟาก "ณัฐพล คำถาเครือ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเดือน ก.พ.นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up ในกรอบ 1,330 - 1,380 จุด หนุนโดยการประกาศงบการเงินไตรมาส 4/67 ของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มสดใส และไม่น่าจะเห็นการถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68 และราคาเหมาะสม ลงมามากเท่าไรนัก อีกทั้ง หลังประกาศงบฯช่วงดังกล่าว บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 67 ตามมาด้วย จะยิ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาหุ้นของหลาย  ๆ บริษัท ไม่ให้ปรับตัวลงในเดือน ก.พ.นี้


นอกจากนั้น การเติบโต GDP ในประเทศช่วงไตรมาส 4/67 คาดจะอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากตัวเลขภาคการส่งออกที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ อยู่ในระดับที่สูงกว่าตลาดคาดการณ์ ประกอบกับ ดอกเบี้ยนโยบายได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว หลังจากนี้จะได้เห็นการทยอยปรับลดลง ซึ่งจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้น


ส่วน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ประเมินว่า SET Index ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวค่อนข้างยาก เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามาหนุนอย่างชัดเจน โดยถ้าดัชนีหุ้นไทยจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงดังกล่าว ต้องอาศัย 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้


1. ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/67 หรือปี 67 ต้องออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด โดยล่าสุด Boomberg Consensus คาดการณ์ EPS ปี 67 ของบริษัทจดทะเบียนไทยไว้ที่ 86 บาท/หุ้น ถ้าในช่วงงบการเงินปี 67 ของ บจ. ออกมาดีกว่าตัวเลขดังกล่าวจะหนุนดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวได้ 


2.พัฒนาการความรุนแรงของนโยบายการค้าสหรัฐฯจะทวีความรุนแรงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ หากมีพัฒนาการรุนแรงขึ้นก็จะเป็นปัจจัยหลักที่กดดัน SET Index ในเดือน ก.พ.ได้ด้วย ในทางตรงกันข้ามหากไม่มีอะไรที่รุนแรงขึ้น ก็จะเป็นแรงส่งให้ SET Index ในเดือน ก.พ. รีบาวด์ขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมองกรอบแนวต้านดัชนีหุ้นไทยในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 1,400 จุด คาดบริเวณดังกล่าวยังผ่านไปค่อนข้างยาก

 

*** พบ 26 หุ้นเด่นเดือน ก.พ. ส่วนใหญ่เน้นธีมปัจจัยพื้นฐานแกร่ง
 
ขณะที่ เมื่อสำรวจหุ้นแนะนำประจำเดือน ก.พ.นี้ ของทั้ง 5 โบรกเกอร์ พบว่า มีหุ้นรวมกันทั้งหมด 16 บริษัท โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ที่ถูกมองว่ามีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับความผันผวนของ SET Index ได้ ประกอบด้วยดังนี้

 

5 โบรกฯชี้เป้า 16 หุ้นเด่นเดือน ก.พ. เน้นธีมปัจจัยพื้นฐานแกร่ง !

บล.

ชื่อย่อหุ้น

เหตุผล

ราคาเหมาะสม (บ.)

%อัปไซด์*

เอเซีย พลัส

CPALL

มีลุ้น Flow ไหลกลับ

91

61.06

BJC

มีลุ้น Flow ไหลกลับ

28.5

26.67

COM7

มีลุ้น Flow ไหลกลับ

29.75

26.06

BBL

มีลุ้น Flow ไหลกลับ

180

16.13

TTB

มีลุ้น Flow ไหลกลับ

2.02

10.02

หยวนต้า

CPAXT

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

39.5

39.82

BCPG

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

8.5

28.79

INTUCH

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

110.5

11.06

TTB

Treasury Stock ช่วยพยุงหุ้น

2.12

10.23

กสิกรฯ

BA

ราคาลงลึก - งบฯแกร่ง

27.36

41.03

BBIK

งบ Q4/67 - Q1/68 แกร่ง

49.46

31.89

KKP

ปันผลสูง - งบฯ Q1/68 ฟื้น

57.5

10.02

ซีจีเอสฯ

BBL

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

193

24.52

KBANK

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

188

17.13

GULF

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

64.25

10.32

SCB

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

130

10.22

INTUCH

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

103

10.20

ADVANC

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

296

10.15

DELTA

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

136.5

2.53

ไอร่า

INTUCH

งบ Q4/67 แกร่ง

115

15.58

GULF

ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง

64.83

10.08

ADVANC

งบ Q4/67 แกร่ง

310

10.07

*อัปไซด์เทียบราคาปิด 28 ม.ค.68

 

*** เดือน ก.พ.นี้ กลุ่ม"แบงก์"-"ค้าปลีก" กอดคอติดโผเพียบ ! 

16 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 ถึง 15 บริษัท ซึ่งหุ้นนอกดัชนี SET100 ติดโผเข้ามาเพียง 1 บริษัทเท่านั้น โดยกลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ติดโผมากที่สุด 5 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ที่ติดโผจำนวน 4 บริษัท

 

*** พบ "INTUCH" มีโบรกฯแนะนำตรงกันมากที่สุดถึง 3 แห่ง

โดยในเดือน ก.พ.นี้ พบว่า บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เป็นหุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันมากที่สุดถึง 3 โบรกเกอร์ รองลงมา คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) และ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ที่มีนักวิเคราะห์แนะนำตรงกัน 2 แห่ง เท่ากัน 


*** "CPALL" ราคาหุ้นล่าสุดมีอัปไซด์สูงถึง 61%

ทั้งนี้ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นล่าสุด มีอัปไซด์มากที่สุด 61.06% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 91 บาท/หุ้น รองลงมา บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 41.03% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 27.36 บาท/หุ้น


นอกจากนี้ ยังมีอีก 6 บริษัท ที่ราคาหุ้นล่าสุด มีอัปไซด์มากกว่า 20% ประกอบด้วย บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 39.82% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 39.50 บาท/หุ้น, บมจ.บลูบิค กรุ๊ป  (BBIK) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 31.89% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 49.46 บาท/หุ้น


ด้าน บมจ.บีซีพีจี (BCPG) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 28.79% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 8.50 บาท/หุ้น, บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 26.67% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 28.50 บาท/หุ้น


ปิดท้ายด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 26.06% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 29.75 บาท/หุ้น และ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 16.13 - 24.52% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 180 - 193 บาท/หุ้น



 

แบบสอบถามความพึงพอใจ






ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม

Refresh




LATEST NEWS

ข่าวหุ้นล่าสุด

Refresh

ดูข่าวทั้งหมด