79 บจ.ถูกโบรกฯปรับเป้ากำไร – ราคาเหมาะสม หลังรายงานงบ Q2/67

บจ.ฟันกำไร Q2/67 รวม 2.62 แสนล้านบาท แย่กว่าคาด 3.8% ส่องบทวิเคราะห์หลังงบฯออก พบ 79 บริษัท จาก 17 กลุ่มอุตสาหกรรมถูกปรับเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย หุ้นขนส่งฯนำโดย "AAV" โดนหั่นเป้ากำไรมากสุด 50.74% ส่วน "CPF" ถูกอัปเป้ากำไรสูงสุดถึง 176% ฟาก "SAPPE" โดนหั่นราคาเป้าหมายลงมากสุดถึง 30.50 บาท/หุ้น สวนทาง "DELTA" ที่ถูกอัปราคามากสุด 39 บาท/หุ้น

*** บจ.ฟันกำไร Q2/67 รวม 2.62 แสนลบ. ต่ำกว่าตลาดคาด 3.8%

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ช่วงไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิรวมกัน 2.62 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิระดับดังกล่าวต่ำกว่าตลาดคาดไว้ 3.8% และต่ำกว่าฝ่ายวิจัย บล.ดาโอ(ประเทศไทย) คาดไว้ 4.02%

โดย กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลการดำเนินงานหนุนตลาดในช่วงไตรมาส 2/67 ประกอบด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, พลังงานและสาธารณูปโภค และขนส่งและโลจิสติกส์ โดยส่วนใหญ่ผลการดำเนินงานปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนกลุ่ม ICT เป็นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานถ่วงตลาดในช่วงไตรมาสดังกล่าว 

*** พบ 79 หุ้น ถูกปรับเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย หลังงบฯ Q2/67

ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หลังผ่านช่วงการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 ของบริษัทจดทะเบียน พบว่า มีถึง 79 บริษัท จาก 17 กลุ่มอุตสาหกรรม (เฉพาะหุ้นที่มีบทวิเคราะห์อัปเดทหลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/67) ถูกนักวิเคราะห์มากกว่า 2 แห่ง ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 และราคาเป้าหมายใหม่ ประกอบด้วย
 

*** ส่วนใหญ่ถูกหั่นเป้ากำไร - ราคาเป้าหมาย

หุ้นทั้ง 17 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์ใหม่ ส่วนใหญ่ 14 กลุ่มอุตสาหกรรมถูกปรับมุมมองเชิง"ลบ" มีเพียง 3 อุตสาหกรรมเท่านั้น ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับมุมมองในเชิง"บวก"มากขึ้น 

*** หุ้น"ขนส่งฯ"ถูกหั่นเป้ากำไรมากสุด 50.74%

โดยหุ้นกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ นำโดย บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิมมากที่สุดถึง 50.74% เหลือ 1,196 ล้านบาท แต่ยังเติบโตขึ้น 157.20% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 2.7 - 3.3 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 0.6 - 1.5 บาท/หุ้น

ส่วนอีก 1 บริษัทในกลุ่มขนส่งฯ ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการลง คือ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ที่ถูกปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 18.78% เหลือ 467 - 499 ล้านบาท ลดลง 42.37 - 46.07% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 5.8 - 9 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 1.5 - 4.9 บาท/หุ้น

*** มีอีก 4 บริษัท ถูกหั่นเป้ากำไรลงมากกว่า 40%

ขณะเดียวกัน ยังมีอีก 4 บริษัท ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิมมากกว่า 40% ประกอบด้วย บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ถูกปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 73.58% เหลือ 4,973 ล้านบาท แต่ยังเติบโตขึ้น 397.79% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 32 - 40 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 5 - 7.5 บาท/หุ้น

ด้าน บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) ถูกปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 46.59 - 48.95% เหลือ 792 - 1,118 ล้านบาท หดตัว 51.49 - 57.03% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 16.2 - 19.3 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 0.6 - 0.8 บาท/หุ้น

ขณะที่ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) ถูกปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 48.24% เหลือ 176 ล้านบาท ลดลง 35.29% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 2.58 - 3.4 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 0.3 - 1.22 บาท/หุ้น

ฟาก บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) ถูกปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลงจากเดิม 47.36% เหลือ 289 - 350 ล้านบาท หดตัว 0.56 - 17.42% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 2.35 - 3.02 บาท/หุ้น ลดลงจากเดิม 0.35 - 0.43 บาท/หุ้น

*** หุ้น"อาหาร"ถูกอัปเป้ากำไรสูงถึง 176%

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาข้อมูลของกลุ่มหุ้นที่ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้น พบว่า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มถูกปรับขึ้นมากที่สุด นำโดย บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่ถูกปรับขึ้นจากเดิมอีก 33.18 - 176.04% เป็น 10,132 - 17,902 ล้านบาท เทียบปีก่อนขาดทุนสุทธิ 5,207 ล้านบาท ส่วนราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 27.5 - 30 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 1 - 4.5 บาท/หุ้น

ส่วนอีก 1 บริษัทในกลุ่มอาหารฯ อย่าง บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) ก็ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 23.56% ส่งผลให้กำไรสุทธิขยับขึ้นเป็น 1,138 ล้านบาท เติบโตขึ้น 197.90% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 7.8 - 9.5 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5 - 1 บาท/หุ้น

*** มีอีก 3 บริษัท ถูกอัปเป้ากำไรมากกว่า 40%

นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 บริษัท ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมมากกว่า 40% ประกอบด้วย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมอีก 87.22 - 155.69% เป็น 6,726 - 7,947 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 14,580 ล้านบาท ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 9.4 - 12.8 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5 - 2 บาท/หุ้น

ด้าน บมจ.เอสวีไอ (SVI) ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมอีก 15.31 - 54.92% เป็น 1,386 - 1,607 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50 - 73.91% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 9 - 10.4 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.6 - 2.2 บาท/หุ้น

ฟาก บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67 ขึ้นจากเดิมอีก 11.78 - 45.89% เป็น 1,903 - 2,060 ล้านบาท เติบโตขึ้น 38.51 - 49.70% จากปีก่อน ขณะที่ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ที่ 16 - 18.2 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.5 - 3.6 บาท/หุ้น

*** พบ "DELTA" ถูกอัปเป้าราคามากสุด 39 บาท

ขณะเดียวกัน บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ถูกนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิมมากที่สุด 10.5 - 39 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 88.75 - 109 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 20,831 - 23,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 5.62 - 11.54%

รองลงมา คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม 1 - 25 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 260 - 280 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 31,567 - 35,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 1.73 - 12.32%

และยังมีอีก 2 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับราคาเหมาะสมขึ้นจากเดิมมากกว่า 10 บาท/หุ้น นำโดย บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม 2 - 13 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 75 - 91 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 2,635 - 2,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 1.78 - 20.80%

ด้าน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ถูกนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายขึ้นจากเดิม 2 - 14 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 145 - 155 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 43,557 - 49,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 0.25 - 8.33%

*** ตะลึง "SAPPE" โดนหั่นเป้าราคามากสุดถึง 30.50 บาท/หุ้น

ส่วน บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิมมากที่สุดถึง 21 - 30.50 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 80.5 - 100 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,226 - 1,302 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.92 - 8.71%

รองลงมา คือ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 24 - 30 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 110 - 114 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 6,557 - 7,875 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 18.69%

*** มีอีกถึง 14 บจ. ถูกโบรกฯหั่นราคาลงมากกว่า 10 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ มีอีกถึง 14 บริษัท ที่ถูกโบรกเกอร์ปรับลดราคาเหมาะสมลงจากเดิมมากกว่า 10 บาท/หุ้น นำโดย บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 2 - 28 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 35 - 47 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 7,300 - 7,521 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.82 - 1.91%

ด้าน บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 5 - 18 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 33 - 40 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 5,810 - 6,298 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 2.03 - 7.45%

ขณะที่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 16.6 - 17 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 5 - 6.4 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 3,644 - 4,805 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.64 - 29.61%

บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 16 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 75 - 91 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 2,635 - 2,808 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิม 1.78 - 20.80%

ฟาก บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 4 - 14.6 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 22.4 - 28 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,691 - 2,273 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 10.85 - 24.81%

ส่วน บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 0.8 - 14 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 164.4 - 183 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 73,467 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 5.21%

ด้าน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 3.5 - 15 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 100 - 118 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 39,587 - 43,679 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 3.53 - 11.59%

ฟาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 5 - 13 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 32 - 40 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ (-10,229) - 10,011 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 73.58%

ส่วน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 4 - 13 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 37 - 46 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 3,764 - 4,791 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 13.36 - 31.80%

ขณะที่ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 13 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 34 - 39 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,451 - 1,549 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 11.74%

ด้าน บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส (HANA) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 8 - 11 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 44 - 55.25 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,741 - 2,166 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 11.01%

ฟาก บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 1.2 - 11 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 26 - 47 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 5,010 - 4,419 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 0.1 - 13.60%

ขณะที่ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส  (JMT) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 3 - 10.56 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 10 - 13.75 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,455 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 4.78%

ปิดท้ายด้วย บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายลงจากเดิม 4 - 40 บาท/หุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 35.75 - 40 บาท/หุ้น ขณะที่กำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ 1,291 ล้านบาท ลดลงจากคาดการณ์เดิม 13.76%