เช้านี้หุ้น SAPPE ยังนิ่ง หลังวันก่อนดิ่งแรง กังวลฟิลิปปินส์ขึ้นภาษีความหวาน ด้านโบรกฯมองกระทบจำกัด – แถม SAPPE เผยมีแผนรับมือแล้ว มองปัจจัยหนุนระยะสั้น คือ งบ Q2-Q3/66 จ่อทุบนิวไฮ ตามตลาดในประเทศ – ยุโรป เข้าไฮซีซั่น ดันงบทั้งปีโตแรง 45 – 67% ชี้หุ้นตอบรับปัจจัยลบมากไปแล้ว อาจเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นที่ดีอีกจังหวะ !
*** หุ้นยังนิ่ง หลังกังวลขึ้นภาษีความหวาน
ราคาหุ้น บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) ช่วงเช้าวันนี้ (26 มิ.ย.66) ดีดขึ้นทำจุดสูงสุดที่ราคา 78.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.61% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 76 บาท เท่ากับราคาปิดวันทำการก่อนหน้า มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 76.12% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น SAPPE เช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.61% สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ปิดภาคเช้าลบ 17.01 จุด หรือ -1.13% เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก จากความกังวลเพิ่มภาษีความหวานในประเทศฟิลิปปินส์ได้ถูกสะท้อนในราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงมากพอสมควร ช่วงวันทำการก่อนหน้าแล้ว ประกอบกับ ผลการดำเนินงานของ SAPPE ยังมีแนวโน้มเติบโตโดเด่นในระยะกลาง – ยาว
*** โบรกฯมองภาษีความหวานกระทบจำกัด
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า หากฟิลิปปินส์มีการขึ้นภาษีความหวานราว 1 บาท/ขวด จะทำให้ประมาณการกำไรปกติปี 66 ของเรามีดาวน์ไซด์เพียง 3% เท่านั้น โดย SAPPE มีสัดส่วนยอดขายในฟิลิปปินส์ราว 15% และสินค้าที่มี Portion มากที่สุด คือ Mogu Mogu ที่มีน้ำตาลราว 10 กรัม/ขวด
ขณะที่ ผู้บริหารของ SAPPE ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การขึ้นภาษีความหวานในประเทศฟิลิปปินส์ ยังมีแนวโน้มที่จะไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่หากมีมาตรการดังกล่าวบังคับใช้จริง ทาง SAPPE ก็มีแผนที่จะปรับสูตรลดน้ำตาล เพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว
*** ปัจจัยหนุนระยะสั้น คือ งบ Q2/66 นิวไฮ
บล.กรุงศรี ประเมินว่า กำไรปกติไตรมาส 2/66 ของ SAPPE ไว้ที่ 302 ล้านบาท เติบโตขึ้น 69% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน ทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) มีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของยอดขาย โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน จากทังตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ตามสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้
อีกทั้ง คาดว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 85% จาก 81% ในไตรมาสก่อน ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน โดยไตรมาสนี้ SAPPE ทำการ outsource ยอดขายส่วนใหญ่ของ Beauty Drink (10% ของยอดขายรวม) ให้กับ supplier ที่เป็นบุคคลที่สาม
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ประเมินกำไรปกติไตรมาส 2/66 ของ SAPPE ไว้ที่ 298 ล้านบาท เติบโตขึ้น 68% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน หนุนโดยรายได้ที่คาดทำได้ 1.6 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน เพราะการขยายช่องทางจัดจำหน่ายในประเทศฝรั่งเศส และ อังกฤษ เป็นหลัก
ประกอบกับ Demand ยังอยู่ในระดับสูง และมีการออกสินค้าใหม่ราว 2 SKU ควบคู่กับการทำแคมเปญส่งเสริมการขายมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ อีกทั้ง ยังมีการรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากการจ้างบุคคลภายนอกผลิต โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ที่ 43.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน และไตรมาสก่อนที่อยู่ในระดับ 40.4% และ 43.2% ตามลำดับ
*** โบรกฯมองงบยังนิวไฮได้ต่อถึง Q3/66
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ของ SAPPE ยังมีแนวโน้มทำนิวไฮได้ต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในทวีปยุโรป ประกอบกับ ผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้มีโอกาสที่สภาพอากาศในทวีปยุโรปจะร้อนกว่าปกติ หนุนความต้องการสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น
*** กูรูอัพเป้า – เพิ่มกำลังผลิตเป็นอัพไซด์อีก
บล.กรุงศรี ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ SAPPE ขึ้นจากเดิมอีก 19% เป็น 1.09 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยหนุน จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้านี้
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ SAPPE ไว้ที่ 946 ล้านบาท เติบโตขึ้น 45% จากปีก่อน แต่ประมาณการดังกล่าวของเรายังมีอัพไซด์ส่วนเพิ่ม จากแผนการเพิ่มคลังสินค้าที่ใช้เครื่องจักรทั้งหมด ใช้งบลงทุน 130 ล้านบาท โดยคาดจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/66
นอกจากนี้ SAPPE ยังมีการลงทุนอีก 1.5 พันล้านบาท สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตรวมเป็น 6.6 หมื่นตัน/ปี หรือ เพิ่มขึ้น 25% จากกำลังการผลิตเดิม โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในปี 68
*** แนะ"ซื้อ" ชี้หุ้นรับแรงกดดันมากไปแล้ว
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับคำแนะนำการลงทุน SAPPE ขึ้นเป็น"ซื้อ" (เดิม"ถือ") พร้อมทั้งเพิ่มราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 88 บาท/หุ้น (เดิม 78 บาท/หุ้น) เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานปี 66 – 67 ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้เดิม โดยราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีมูลค่า (Valuation) ที่น่าสนใจ จากการมีอัพไซด์ที่เหลืออยู่เยอะพอสมควร
ขณะที่ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากวันทำการก่อนหน้า จากความกังวลต่อการขึ้นภาษีความหวานในฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ SAPPE เทรด P/E ปี 67 เหลือ 19 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับ 25 – 30 เท่า โดยมองว่าราคาหุ้นได้ตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวไปมากพอสมควรแล้ว จนทำให้เป็นจังหวะที่น่าทยอยเข้าสะสมหุ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ 4 ราย ให้คำแนะนำการลงทุน SAPPE ไว้ดังนี้
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
กรุงศรี | ซื้อ | 110.00 |
ทิสโก้ | ซื้อ | 97.00 |
หยวนต้า | ซื้อ | 88.00 |
ฟินันเซียฯ | ซื้อ | 88.00 |
ราคาเฉลี่ย | 95.75 |
หากอ้างอิงข้อมูลของนักวิเคราะห์ ดูเหมือนว่าการลงทุนใน SAPPE มีความน่าสนใจมากขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงแรงในช่วงวันทำการก่อนหน้า จากประเด็นความกังวลที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ และถ้าเกิดขึ้นจริงก็ยังกระทบต่อผลการดำเนินงานเล็กน้อย ขณะที่ บริษัทเองก็มีแผนรับมือกับสถานการณ์ไว้แล้ว
ดังนั้น ส่วนใหญ่จึงมองว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในช่วงดังกล่าว ถือว่าเป็นการตอบสนองเชิงลบที่มากเกินไป จึงทำให้การเข้าลงทุนในช่วงนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ของ SAPPE กลับมามีอัพไซด์ที่สูงราว 22% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ อีกทั้ง คาดว่า ผลการดำเนินงาน ยังมีแนวโน้มเติบโตแกร่งต่อเนื่อง ...