SET ปีนี้ดิ่งแรงถึง 99 จุด ฉุดหุ้น 596 บจ.วูบตาม ส่องความเคลื่อนไหวบริษัทกลาง - ใหญ่ พบมีถึง 52 บจ. ราคารูดแรงมากกว่า 20% รายย่อยถือรวมกันสูงถึง 1.1 ล้านราย กลุ่มพลังงานฯ - อสังหาฯติดโผเพียบ SABUY ดิ่งแรงสุดถึง 81% นอกจากนี้ยังมีอีก 4 บริษัท ที่ราคาดิ่งมากกว่า 50% ส่วน BANPU รายย่อยถือมากสุด 1.1 แสนราย ด้านโบรกฯมอง SET ลงแรงมากแล้ว ทำ Valuation หลายบริษัทเริ่มถูก ชี้ช่วงนี้เป็นจังหวะ"ซื้อ"ที่ดี แนะเก็บหุ้นราคาลงลึก แนวโน้มกำไรฟื้น !
*** SET ปีนี้ดิ่งแรง 99 จุด ฉุดหุ้น 596 บจ.วูบตาม
ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ปรับตัวลง 99.75 จุด หรือ -7.04% จากหลายปัจจัยลบกดดันทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง, ดอกเบี้ยนโยบาบโลกที่อยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด รวมทั้งตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เป็นต้น ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าวมีหุ้นถึง 596 บริษีท ปรับตัวลงตามดัชนีหุ้นไทย
*** พบ 52 หุ้นกลาง-ใหญ่ดิ่งแรง 20 - 81%
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ในดัชนี SET100 และบริษัทที่อยู่ในดัชนี sSET พบว่ามีถึง 52 บริษัท ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลงมากกว่า 20% ประกอบด้วย
52 บจ. SET100-sSET ราคาหุ้นปีนี้ดิ่งแรง 20 – 81%
|
ชื่อย่อหุ้น
|
ราคาปิด 12 มิ.ย.67 (บ.)
|
%chg YTD
|
ผู้ถือหุ้นรายย่อย (ราย)
|
SABUY
|
0.93
|
-81.58
|
23,251
|
NEX
|
2.12
|
-78.80
|
12,248
|
BYD
|
1.84
|
-58.86
|
11,850
|
EA
|
20.1
|
-54.58
|
42,659
|
AS
|
3.58
|
-52.89
|
6,444
|
MONO
|
0.63
|
-46.15
|
11,053
|
TEAMG
|
3.24
|
-42.65
|
7,222
|
BRI
|
4.84
|
-42.38
|
8,315
|
ORI
|
4.92
|
-41.78
|
21,005
|
HENG
|
1.12
|
-41.67
|
12,363
|
NCAP
|
1.62
|
-38.64
|
8,703
|
RBF
|
9.25
|
-36.64
|
10,000
|
JMT
|
16.5
|
-35.29
|
18,487
|
TSE
|
1.1
|
-35.29
|
9,553
|
BTS
|
4.7
|
-35.17
|
107,896
|
FORTH
|
15.4
|
-33.04
|
8,446
|
KEX
|
3.36
|
-31.98
|
22,492
|
VGI
|
1.32
|
-31.61
|
18,391
|
SPCG
|
8.55
|
-31.05
|
14,382
|
CHAYO
|
3.76
|
-31.01
|
12,780
|
THG
|
37.5
|
-30.88
|
4,787
|
BCPG
|
6.15
|
-30.11
|
35,237
|
RABBIT
|
0.36
|
-29.41
|
30,977
|
SUPER
|
0.29
|
-29.27
|
34,395
|
ASK
|
14.2
|
-28.64
|
8,758
|
BWG
|
0.43
|
-28.33
|
14,174
|
KSL
|
1.92
|
-27.27
|
8,762
|
PF
|
0.22
|
-26.67
|
10,229
|
SMT
|
2.72
|
-26.49
|
7,456
|
AH
|
20.6
|
-26.43
|
6,870
|
MGC
|
4.2
|
-26.32
|
1,940
|
COM7
|
17.6
|
-26.05
|
37,547
|
IVL
|
20.2
|
-25.87
|
36,232
|
BANPU
|
5.05
|
-25.74
|
113,760
|
SCC
|
229
|
-25.16
|
65,171
|
CRC
|
31
|
-24.39
|
15,342
|
M-CHAI
|
48.25
|
-24.02
|
1,398
|
LH
|
6.2
|
-23.93
|
103,003
|
III
|
7.6
|
-23.62
|
6,631
|
SUSCO
|
3.6
|
-23.08
|
10,679
|
AP
|
8.7
|
-23.01
|
25,136
|
ZEN
|
7.1
|
-22.83
|
1,532
|
M
|
30.75
|
-22.64
|
13,380
|
TEAM
|
4.1
|
-22.64
|
4,462
|
BEYOND
|
9.15
|
-22.46
|
5,094
|
HMPRO
|
9.1
|
-22.22
|
45,941
|
SINGER
|
9.05
|
-21.98
|
17,799
|
KCE
|
43.25
|
-21.36
|
32,089
|
ETC
|
2.14
|
-21.32
|
4,642
|
BLAND
|
0.56
|
-21.13
|
21,129
|
SAT
|
14.3
|
-20.99
|
12,491
|
JMART
|
13.8
|
-20.23
|
27,145
|
ที่มา : SETSMART ณ 12 มิ.ย.67
|
52 บริษัทดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นรายย่อยรวมกันสูงถึง 1.1 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางในดัชนี sSET จำนวน 30 บริษัท ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET100 ติดโผจำนวน 22 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคติดโผมากสุด จำนวน 8 บริษัท รองลงมา คือกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ติดโผ จำนวน 7 บริษัท
*** ปีนี้มีถึง 5 บริษัท ราคาหุ้นดิ่งเกิน 50%
โดยปีนี้ มีถึง 5 บริษัท ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลงมากกว่า 50% นำโดย บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมากที่สุดถึง 81.58% รองลงมา คือ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 79.80%
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ราคาหุ้นปรับตัวลง 58.86%, บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ราคาหุ้นปรับตัวลง 54.58% และ บมจ.แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 52.89%
*** มี 3 บจ. รายย่อยถือหุ้นเกิน 1 แสนราย
ขณะเดียวกันมี 3 บจ. ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 1 แสนราย นำโดย บมจ.บ้านปู (BANPU) มีผู้ถือหุ้นรายย่อยมากที่สุดในกลุ่มดังกล่าวถึง 113,760 ราย รองลงมา คือ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 107,896 ราย และ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) มีผู้ถือหุ้นรายย่อย 103,003 ราย
*** โบรกฯชี้ถึงจังหวะ"ซื้อ"ที่เหมาะสม แนะหุ้นลงลึก - พื้นฐานดี
"กิจพณ ไพรไพศาลกิจ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า จากภาวะตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ทยอยสะสม แบบแบ่งไม้ซื้อ หลังดัชนีหุ้นไทยแกว่งลงมาถึงโซน "ซื้อ" 1,300-1,330 จุด ซึ่งเป็นจุดซื้อที่ดีที่สุดในรอบ 12-18 เดือน ข้างหน้า
อีกทั้ง ด้วยมูลค่า (Valuation) ของ SET Index ที่แข็งแกร่งในระดับ 1,300 จุด ประเมินความเสี่ยงของการลงแรงถึงระดับ 1,100-1,200 จุด ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยมองว่านักลงทุนควรเลือกหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งเราชอบหุ้นในกลุ่ม ICT หลังหลายบริษัทเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น
ด้าน "ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวเสริมว่า จากสถานการณ์ที่ราคาหุ้นหลาย ๆ บริษัทปรับตัวลงค่อนข้างมาก อีกนัยหนึ่งก็แสดงถึงโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าสะสมหุ้นได้ด้วย เนื่องจากขณะนี้ Valuation ของหลาย ๆ บริษัทอยู่ในโซนที่ค่อนข้างถูก
ดังนั้น แนะนำนักลงทุนใช้กลยุทธ์ Selective Buy โดยเลือกหุ้นที่ราคาลงลึก แต่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งอยู่ โดยนักลงทุนต้องทำการบ้านอย่างหนักก่อนตัดสินใจซื้อหุ้น ว่าหุ้นตัวที่กำลังสนใจอยู่นั้นมีแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานจริงหรือไม่ และที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงการปรับตัวลงชั่วคราวตามภาวะตลาดหุ้นเท่านั้น
ส่วน บทวิเคราะห์ บล.พาย ให้ข้อมูลปิดท้ายว่า กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นเพื่อรอการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ คือหุ้นค้าปลีก ชอบ HMPRO มากที่สุด ในกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลงแรงดังกล่าว