ผ่าบทวิเคราะห์หุ้นทั้งตลาด พบ 19 บจ. ถูกคาดงบปี 67 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลของบริษัท ส่วนใหญ่เป็นหุ้น SET100 กลุ่มแบงก์ยกโขยงติดโผเแทบยกแผง พบกำไรปี 67 จ่อโตจากปีก่อนสูงสุดถึง 89% ตะลึง ! ยังมีอัพไซด์สูงสุดอีก 70%
*** พบ 19 บจ. กำไรปี 67 จ่อ All Time High
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จาก IAA Consensus ที่อัปเดทข้อมูลไม่เกิน 2 เดือน ย้อนหลังจาก 15 ม.ค.2567 พบมี 19 บริษัท ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิปี 67 จะทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ประกอบด้วย
จับตา 19 หุ้นกำไรปี 67 เตรียมทำสถิติใหม่ แถมอัพไซด์เพียบ
|
ชื่อย่อหุ้น
|
บล.
|
กำไรปี 66 (ลบ.)
|
กำไรปี 67 (ลบ.)
|
%chg YoY
|
ราคาเหมาะสม (บ.)
|
%อัพไซด์*
|
NEX
|
บียอนด์
|
708
|
1,343
|
89.69
|
13
|
30
|
บัวหลวง
|
1,056
|
1,416
|
34.09
|
14
|
40
|
ดาโอ
|
860
|
1,143
|
32.91
|
12
|
20
|
BBIK
|
เมย์แบงก์
|
284
|
392
|
38.03
|
123
|
42
|
หยวนต้า
|
264
|
358
|
35.61
|
100
|
16
|
กรุงศรี
|
276
|
373
|
35.14
|
120
|
39
|
CHAYO
|
ทรีนีตี้
|
367
|
481
|
31.06
|
9.4
|
66
|
ดาโอ
|
360
|
405
|
12.50
|
6.4
|
13
|
หยวนต้า
|
377
|
410
|
8.75
|
7.5
|
33
|
GULF
|
เอเชีย พลัส
|
15,632
|
20,245
|
29.51
|
63
|
40
|
อินโนเวสท์ฯ
|
15,932
|
20,421
|
28.18
|
63
|
40
|
หยวนต้า
|
15,576
|
18,107
|
16.25
|
52.75
|
17
|
SNNP
|
ดาโอ
|
675
|
870
|
28.89
|
27
|
55
|
ทิสโก้
|
636
|
747
|
17.45
|
24
|
38
|
หยวนต้า
|
649
|
744
|
14.64
|
25.25
|
45
|
JMT
|
ลิเบอเรเตอร์
|
2,026
|
2,484
|
22.61
|
39
|
47
|
บัวหลวง
|
2,078
|
2,497
|
20.16
|
38
|
43
|
เอเชีย พลัส
|
1,961
|
2,326
|
18.61
|
45
|
70
|
SAWAD
|
หยวนต้า
|
5,524
|
6,710
|
21.47
|
68.5
|
66
|
เอเอสแอล
|
4,909
|
5,345
|
8.88
|
50.5
|
22
|
ฟิลลิป
|
5,063
|
5,420
|
7.05
|
51
|
24
|
ICHI
|
ทิสโก้
|
1,111
|
1,272
|
14.49
|
22
|
37
|
หยวนต้า
|
1,084
|
1,234
|
13.84
|
18.4
|
14
|
ฟินันเซียฯ
|
999
|
1,071
|
7.21
|
19
|
18
|
COM7
|
เมย์แบงก์ฯ
|
3,133
|
3,569
|
13.92
|
32.5
|
41
|
เอเชีย พลัส
|
3,102
|
3,472
|
11.93
|
33
|
43
|
บัวหลวง
|
3,115
|
3,183
|
2.18
|
36
|
57
|
SAPPE
|
กรุงศรี
|
1,094
|
1,241
|
13.44
|
115
|
34
|
ดาโอ
|
1,221
|
1,307
|
7.04
|
106
|
23
|
BBL
|
พาย
|
42,232
|
47,734
|
13.03
|
203
|
35
|
เอเอสแอล
|
42,949
|
47,638
|
10.92
|
198.25
|
32
|
หยวนต้า
|
41,856
|
44,291
|
5.82
|
202
|
35
|
SCB
|
หยวนต้า
|
41,706
|
46,037
|
10.38
|
128
|
22
|
ทรีนีตี้
|
41,311
|
45,437
|
9.99
|
121
|
15
|
เอเอสแอล
|
41,715
|
44,593
|
6.90
|
115.5
|
10
|
KTC
|
บัวหลวง
|
7,326
|
8,067
|
10.11
|
46
|
3
|
ฟินันเซียฯ
|
7,285
|
7,912
|
8.61
|
49
|
10
|
หยวนต้า
|
7,434
|
8,056
|
8.37
|
55.5
|
25
|
KTB
|
ทรีนีตี้
|
40,285
|
44,312
|
10.00
|
26
|
41
|
หยวนต้า
|
37,864
|
40,600
|
7.23
|
23
|
25
|
เอเอสแอล
|
40,314
|
42,983
|
6.62
|
22.3
|
21
|
KBANK
|
หยวนต้า
|
42,278
|
46,390
|
9.73
|
162
|
22
|
เอเอสแอล
|
42,791
|
46,950
|
9.72
|
158.25
|
19
|
ทรีนีตี้
|
40,449
|
44,183
|
9.23
|
162
|
22
|
TISCO**
|
หยวนต้า
|
7,302
|
7,927
|
8.56
|
116
|
15
|
ทรีนีตี้
|
7,302
|
7,645
|
4.70
|
114
|
13
|
เอเอสแอล
|
7,302
|
7,476
|
2.38
|
105.25
|
4
|
AH
|
หยวนต้า
|
1,883
|
2,020
|
7.28
|
48.4
|
68
|
เมย์แบงก์ฯ
|
1,758
|
1,852
|
5.35
|
40
|
39
|
TTB
|
ฟิลลิป
|
18,184
|
19,493
|
7.20
|
1.96
|
20
|
หยวนต้า
|
17,683
|
18,752
|
6.05
|
1.7
|
4
|
เอเอสแอล
|
17,999
|
18,774
|
4.31
|
1.82
|
12
|
AP
|
หยวนต้า
|
6,072
|
6,306
|
3.85
|
13
|
15
|
เอเชีย พลัส
|
6,095
|
6,283
|
3.08
|
16
|
42
|
ฟินันเซียฯ
|
6,274
|
6,450
|
2.81
|
14.4
|
27
|
หมายเหตุ : อัปเดทข้อมูล ณ 15 ม.ค.67
*อัปไซด์เทียบราคาปิด 12 ม.ค.67
**รายงานกำไรปี 66 แล้ว ที่เหลือเป็นตัวเลขคาดการณ์
|
*** ปีนี้หุ้นแบงก์ติดโผสูงสุด เกือบยกแผง
19 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในดัชนี SET100 ถึง 16 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ติดโผมากสุดถึง 6 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ติดโผ จำนวน 4 บริษัท
*** มี 3 บจ. กำไรปี 67 จ่อโตมากกว่า 30%
บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) เป็นบริษัทที่ถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิปี 67 มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อนสูงสุดราว 32.91 - 89.69% หลังถูกประเมินกำไรสุทธิปี 67 ไว้ระหว่าง 1,143 - 1,343 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ NEX อยู่ที่ 208 ล้านบาท ในปี 65 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของ NEX มีแนวโน้มทำ All Time High ต่อเนื่อง 3 ปีติด ตั้งแต่ปี 65 อีกด้วย สาเหตุหลักเป็เพราะยอดส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (E-Bus) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ปลายปี 66 ประกอบกับ ยังมีปัจจัยหนุนจากการขยายตลาดรถบัสไฟฟ้า และรถบรรทุกไฟฟ้า (E-Truck) ไปยังตลาดประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม ช่วยต่อยอดการเติบโตของผลการดำเนินงาน อีกด้วย
ด้าน บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 358 - 392 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35.14 - 38.03% จากปีก่อน โดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ BBIK อยู่ที่ 127.09 ล้านบาท ในปี 65 และยังถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของ BBIK ยังมีแนวโน้มทำ All Time High ต่อเนื่อง 3 ปีติด ตั้งแต่ปี 65 อีกด้วย
สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโตของ BBIK ที่นักวิเคราะห์มอง คือ มีการรับงานใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ ยังได้รับอานิสงส์ จาก 2 บริษัทใหม่ และการขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยหนุนการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 67 ได้อีกด้วย
ฟาก บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 405 - 481 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.75 - 31.06% จากปีก่อน โดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ CHAYO อยู่ที่ 251.20 ล้านบาท ในปี 65 และยังถูกนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของ CHAYO ยังมีแนวโน้มทำ All Time High ต่อเนื่อง 3 ปีติด ตั้งแต่ปี 65 อีกด้วย
โดยปัจจัยหนุนการเติบโตของ CHAYO คือ ขนาดกองหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน ตามโอกาสในการเข้าซื้อหนี้เสียที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกองหนี้ Secured loan ที่สถาบันการเงินเริ่มจำหน่ายมากขึ้น ภายหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
*** กลุ่มแบงก์ติดโผสูงสุดถึง 6 บริษัท !
ขณะเดียวกัน หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ติดโผเข้ามาสูงสุดถึง 6 บริษัท ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 44,291 - 47,734 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.82 - 13.03% จากปีก่อน หนุนโดยแนวโน้ม ROE อยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโตดีหนุนให้สินเชื่อทั้งปีมีแนวโน้มขยายตัว 4% จากปีก่อน และมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ กำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ BBL อยู่ที่ 35,816 ล้านบาท ในปี 62 (ยังไม่นับข้อมูลงบการเงินปี 66 ที่ยังไม่รายงาน)
ด้าน บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 44,593 - 46,037 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.9 - 10.38% จากปีก่อน หนุนโดยสินเชื่อที่ยังสามารถเติบโตได้ราว 2 - 3% จากปีก่อน ประกอบกับ การตั้งสำรองหนี้สูญได้ผ่านจุดสูงสุดในปี 66 ไปแล้ว โดยโบรกเกอร์คาดว่า Credit cost จะค่อย ๆ ลดลงต่ำกว่าระดับ 1.8% ณ สิ้นปี 67 หลังตั้งสำรองฯส่วนเกิน และปรับโครงสร้างลูกหนี้ไปพอสมควรแล้ว โดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ SCB อยู่ที่ 37,546 ในปี 65 (ยังไม่นับข้อมูลงบการเงินปี 66 ที่ยังไม่รายงาน)
ฟาก ธนาคารกรุงไทย (KTB) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 40,600 - 44,312 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6.62 - 10% จากปีก่อน หนุนโดยรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ยังขยายตัวจากปีก่อนเล็กน้อย ตามอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ การขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และรัฐบาลที่จะเพิ่มขึ้น ตามการเบิกจ่ายงบปีะมาณแผ่นดินปี 67 โดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ KTB อยู่ที่ 33,697 ในปี 65 (ยังไม่นับข้อมูลงบการเงินปี 66 ที่ยังไม่รายงาน)
ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 44,183 - 46,950 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.23 - 9.73% จากปีก่อน หนุนโดยการปล่อยสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 3.5% จากปีก่อน และ NIM ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 3.7% จากปีก่อน ประกอบกับ รายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากธุรกิจ Wealth ที่กลับมาตามภาวะตลาดทุน โดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ KBANK อยู่ที่ 40,174 ในปี 59 (ยังไม่นับข้อมูลงบการเงินปี 66 ที่ยังไม่รายงาน)
บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 7,476 - 7,927 ล้านบาท (ทำ All Time High ต่อเนื่อง 2 ปีติด) เติบโตขึ้น 2.38 - 8.56% จากปีก่อน หนุนโดยการเร่งขยายสินเชื่อในกลุ่ม High Yield โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถแบรนด์ “สมหวัง” ซึ่ง TISCO ยังตั้งเป้าขยายตัว 15 - 20% จากปีก่อน แต่ยังควบคุมการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่ม Low Yield อย่างสินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถใหม่ไว้ได้
ส่วน ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถูกคาดกำไรสุทธิปี 67 ไว้ที่ 18,752 - 19,483 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.31 - 7.2% จากปีก่อน หนุนโดยรายได้ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มกลับมาเติบโตจากปีก่อน แต่การควบคุมค่าใช้จ่ายอาจทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้อย่างจำกัดแล้ว ขณะที่ การตั้งสำรองฯ ยังไม่ได้มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนมากนักโดยกำไรสุทธิสูงสุดเดิมของ TTB อยู่ที่ 14,195 ในปี 65 (ยังไม่นับข้อมูลงบการเงินปี 66 ที่ยังไม่รายงาน)
*** มี 6 บจ. ราคาหุ้นมีอัพไซด์มากกว่า 50%
ทั้งนี้ มี 6 บริษัท ที่ราคาหุ้นซื้อขายล่าสุด มีอัพไซด์มากกว่า 50% ประกอบด้วย บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 43 - 70% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 38 - 45 บาท/หุ้น, บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 39 - 68% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 40 - 48.4 บาท/หุ้น
บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 22 - 66% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 50.5 - 68.5 บาท/หุ้น, บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 13 - 66% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 6.4 - 9.4 บาท/หุ้น
บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 41 - 57% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 32.5 - 36 บาท/หุ้น และ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ 38 - 55% หลังถูกนักวิเคราะห์ประเมินราคาเหมาะสมไว้ที่ 24 - 27 บาท/หุ้น