MAJOR งบโค้งสองจ่อโตแกร่ง … แถมอัพไซด์ยังเหลือเพียบ !

เช้านี้หุ้น MAJOR บวกสูงสุด 3.18% สวน SET ปิดลบ 5.38 จุด ด้วยวอลุ่มเทรดหนาแน่น รับงบ Q2/66 จ่อโตแกร่ง หลังธุรกิจเข้าไฮซีซั่น - จ่อบุ๊คกำไรพิเศษขายหุ้น MPIC อีก 228 ลบ. ด้านโบรกฯประเมินยอดผู้ชม H2/66 จ่อฟื้นใกล้ระดับปกติ (ก่อนโควิด-19) รับสถานการณ์คลี่คลาย หนุนกำไรปีนี้ฟื้นแรงราว 294 – 323% แถมหุ้นยังมีอัพไซด์เหลืออีกเพียบ !

*** บวกสูงสุด 3.18 รับงบ Q2/66 จ่อโตแกร่ง

ราคาหุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ช่วงเช้าวันนี้ (9 มิ.ย.66) ดีดขึ้นทำจุดสูงสุดที่ราคา 16.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.18% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 15.70 บาท เท่ากับราคาปิดวันทำการก่อนหน้า มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 159.87% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น MAJOR เช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.18% สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ปิดซื้อขายภาคเช้า ลบ 5.38 จุด หรือ -0.34% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน จากผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/66 ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

*** เปิดสาเหตุทำไมงบ Q2/66 ถึงจ่อโตแรง

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ของ MAJOR มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น สะท้อนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เข้าฉายตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้

สอดคล้องกับ บล.บัวหลวง ที่ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ของ MAJOR มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) สะท้อนจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ อาทิ Guardians  of  the  Galaxy:  Vol.3, Fast  &  Furious 10, Spiderman, Transformers, The Flash และ Indiana Jones เข้าฉาย

*** แถมจะบุ๊คกำไรพิเศษขายหุ้น MPIC ด้วย

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/66 ทาง MAJOR ได้ขายหุ้น MPIC มูลค่ากว่า 650 ล้านบาทออกไป ซึ่งหักมูลค่าบัญชีต่อหุ้นของ MPIC ที่ 0.35 บาท คาดว่าจะทำให้ MAJOR บันทึกกำไรพิเศษเข้ามาในช่วงดังกล่าวอีกราว 228 ล้านบาท จากเดิมที่เคยเข้าใจว่าด้อยค่าเงินลงทุนไปหมดแล้ว 

ส่วน ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ที่ MPIC ทำให้ MAJOR ยังทำอยู่โดยใช้บริษัทย่อย “เมเจอร์ จอยน์ ฟิล์ม” ในการ JV กับพาร์ทเนอร์ในการผลิตภาพยนตร์ เช่น BEC ที่ปีนี้จะทำภาพยนตร์เข้าฉายอย่างน้อย 2 เรื่อง

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การขายหุ้น MPIC ออกไป นอกจากจะทำให้ MAJOR รับรู้กำไรพิเศษเข้ามาแล้ว ยังช่วยให้ MAJOR สามารถลดความผันผวนจากผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ต่องบการเงินตั้งแต่ปี 62 – 65 ได้อีกด้วย (ปี 62 – 65 ธุรกิจดังกล่าวมีกำไรขั้นต้น 5 – 56 ล้านบาท)

*** คาด H2/66 ผู้ชมเข้าโรงหนังเกือบปกติ

บล.พาย ประเมินว่า ผู้เข้าชมในโรงภาพยนตร์ของ MAJOR ช่วงครึ่งหลังของปี 66 มีแนวโน้มจะฟื้นตัวกลับมาราว 70% ของช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากประเมินว่า การเข้าชมในโรงภาพยนตร์ยังมีแต้มต่อที่ดีกว่าชมผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในแง่คุณภาพทั้งระบบเสียง และขนาดของจอภาพที่มีความคมชัด

นอกจากนี้ MAJOR ยังมีพื้นที่สำหรับปรับเพิ่มราคาตั๋วเข้าชมภาพยนตร์สำหรับหนังทำเงินได้อยู่ และสามารถหาแหล่งรายได้ใหม่จากป๊อปคอร์นนอกโรงภาพยนตร์มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากยอดผู้ชมลดลงได้ในระดับหนึ่ง แม้จะเป็นธุรกิจที่ให้อัตรากำไรต่ำกว่าก็ตาม 

ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์ 2 ราย คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 66 ของ MAJOR จะฟื้นกลับสู่ระดับปกติ (ก่อนโควิด-19) ดังนี้
 

*** โบรกฯมองปันผลสูงยังจูงใจเข้าลงทุน

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้น MAJOR ยังมีความน่าสนใจเข้าสะสม สะท้อนจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ 20.25 บาท/หุ้น  อีกทั้งคาดว่า MAJOR จะจ่ายเงินปันผลงวดปี 66 ที่อัตรา 0.77 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูงราว 4.9%

ทั้งนี้ อัตราเงินปันผลดังกล่าว ยังไม่นับรวมกับเงินปันผลพิเศษ หาก MAJOR นำกำไรทั้งหมดจากการขายหุ้น MPIC มาจ่ายเงินปันผลพิเศษ จะอยู่ที่ราว 0.25 บาท/หุ้น  

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน เสริมว่า จากการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามา ทำให้ MAJOR มีโอกาสจ่ายเงินปันผลทั้งปี 66 รวมทั้งหมดในอัตรา 1.1 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ที่สูงราว 7% ได้เลยทีเดียว 

*** ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ MAJOR มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะกลาง – ยาว หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อีกทั้ง ยังมีเงินปันผลระดับสูงจูงใจให้เข้าลงทุนอีกด้วย 

แม้ว่าราคาหุ้น MAJOR ในช่วงที่ผ่านมาจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย 2 สัปดาห์ล่าสุดปรับตัวขึ้นราว 10% แต่ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังเหลืออัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกถึง 29% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ อีกทั้งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังประเมินว่า กำไรสุทธิของ MAJOR ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยถึงปี 68 อีกด้วย ...