เช้านี้ BH ดีดทำนิวไฮรอบ 7 ปี หลังผู้ป่วยต่างประเทศฟื้น คาดดัน EBITDA margin ครึ่งปีหลังทำนิวไฮ ขณะที่โบรกฯประเมินกำไร Q3/65 เป็นจุดพีคปีนี้ รับธุรกิจโรงพยาบาลเข้าไฮซีซั่น อัพเป้ากำไรปี 65 โตแรงถึง 247% แถมมีอัพไซด์จับมือโรงพยาบาลท้องถิ่น แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นถึง 64% YTD ยังทำให้การเข้าลงทุนน่าสนใจหรือไม่ ?
*** นิวไฮ 7 ปี รับงบครึ่งปีหลังแกร่ง
ราคาหุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เช้านี้ (17 ต.ค.65) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 238 บาท ทำสถิติราคาหุ้นสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ในรอบ 8 ปี ก่อนปิดซื้อขายภาคเข้าด้วยราคา 232 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 0.87% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 86.91% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส ระบุสาเหตุที่ทำให้ ราคาหุ้น BH เช้านี้ ที่ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮในรอบ 7 ปี เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงบวก หลังคาดว่า EBITDA margin ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มอยู่ในระดับที่สูงกว่า 35 – 35.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ BH เคยทำได้ในปี 61
ปัจจัยหลัก ที่ทำให้ EBITDA margin ของ BH ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มทำลายสถิติสูงสุดของบริษัท เนื่องจากปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น หนุนให้รายได้ที่มาจากการรักษาโรคซ้ำซ้อนเพิ่มขึ้น ประกอบกับ BH ยังมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ขณะที่ ผลกระทบเงินเฟ้อกระทบจำกัด เพราะ BH สามารถส่งผ่านต้นทุนให้แก่ลูกค้าได้
*** กูรูคาดงบ Q3/65 เป็นจุดพีคปีนี้
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ BH มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) อีกทั้ง คาดว่า กำไรสุทธิช่วงดังกล่าว จะเป็นจุดสูงสุด (พีค) ของปีนี้ด้วย เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มโรงพยาบาล และอัตรากำไรขั้นต้น ที่คาดจะสูงขึ้น จากการเข้ามารักษาของคนไข้ชาวต่างประเทศ หลังเปิดประเทศมากขึ้น
อีกทั้ง BH ยังมีกลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น โดยการบริหารจัดการต้นทุนแพทย์/พยาบาล ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีการปรับอัตราส่วนลด และการจัดโปรโมชั่นสำหรับค่าห้องรักษาพยาบาล/ค่ายา ให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง BH ตั้งเป้าจะให้ส่วนลดต่ำกว่า 10% ภายในปีนี้
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 2/65 รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศของ BH ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยรายได้สูงสุด 5 อันดับแรกมาจาก ผู้ป่วยเมียนมา, คูเวต, กาตาร์, กัมพูชา และ บังกลาเทศ ขณะที่รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศที่ทำงานในไทย (expat) สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ถึง 41%
ส่วนรายได้ผู้ป่วยอินโดจีน สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ราว 16% แต่รายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลางยังไม่กลับไปแตะระดับก่อนโควิด-19 โดยคิดเป็น 96% ของระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ตัวเลขดังกล่าว จะกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทั้งหมด เพราะเป็นฤดูการท่องเที่ยว สำหรับผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามารับการรักษา
*** โบรกฯอัพเป้ากำไร หลังฟื้นไวกว่าคาด
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ BH ขึ้นจากเดิมอีก 30% เป็น 4.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 247% จากปีก่อน เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก โดดเด่นกว่าคาด อีกทั้ง ยังได้ปรับประมาณการรายได้ปี 65 ขึ้นอีก 19% เป็น 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 53% จากปีก่อน หลังปรับรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศขึ้นจากเดิม 21% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้ปรับประมาณการายได้ผู้ป่วยไทยขึ้นจากเดิม 16% เป็น 6.8 พันล้านบาท (ไม่รวมรายได้เกี่ยวข้องกับโควิด-19) อีกทั้งยังปรับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ขึ้นจากเดิม 2% เป็น 45.4% เพื่อให้สอดคล้องกับมาร์จิ้นที่สูงขึ้น ตามสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ ยังได้ปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A/Sale) ลงเป็น 19.2% (เดิมคาด 19.9%) เพื่อสะท้อนการควบคุมต้นทุนแพทย์/พยาบาล และการประหยัดต่อขนาด ที่ทำได้ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด
*** ร่วมมือ รพ.ท้องถิ่น อาจเปิดอัพไซด์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ปีนี้ BH ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลท้องถิ่น 10 แห่ง ซึ่งเปิดให้บริการศูนย์ความเป็นเลิศของ BH เพิ่มขึ้นจาก 5 แห่งปีที่แล้ว จากความเชี่ยวชาญในการรักษาเฉพาะทาง เช่น หัวใจ และกระดูกสันหลัง โดย BH ฝึกอบรมแก่แพทย์โรงพยาบาลพันธมิตร และ BH จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการรักษาคนไข้
จากการรับรู้กำไรในส่วนนี้ อาจสร้างการเติบโตระยะยาวให้กับ BH อีกหนึ่งช่องทาง และหากรายได้ในส่วนดังกล่าวดีกว่าที่คาดหวังไว้ อาจเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิ และ ราคาหุ้น ของ BH ได้อีกด้วย
*** กูรูชี้ Valuation – พื้นฐานยังน่าสนใจ
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า มูลค่า (Valuation) ณ ปัจจุบัน ของ BH ยังมีความน่าสนใจ สะท้อนจากการเทรด P/E ปี 66 ที่ระดับ 33 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่อยู่ในระดับ 36 เท่า ขณะที่ ระยะสั้น ยังมีปัจจัยหนุนราคาหุ้น อาทิ กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส
สอดคล้องกับ บล.เอเซีย พลัส ที่ระบุว่า ยังคงแนะนำซื้อหุ้น BH เนื่องจากมองว่า ระยะสั้น ยังมีปัจจัยหนุน อาทิ กำไรสุทธิครึ่งหลังปี 65 ที่มีแนวโน้มโดดเด่นกว่าช่วงครึ่งปีแรก จนทำให้กำไรสุทธิปี 65 มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเร่งถึง 247% และคาดว่า กำไรสุทธิปี 66 ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องอีกราว 9%
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าระยะสั้น ยังมีปัจจัยหนุนราคาหุ้น BH อาทิ งบการเงินไตรมาส 3/65 ที่มีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส ซึ่งจะหนุนให้กำไรสุทธิปี 65 เติบโตมากกว่า 200% ขณะที่ กำไรสุทธิปี 66 ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องอีกด้วย
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
เอเชีย พลัส | ซื้อ | 235.00 |
ฟินันเซียฯ | ซื้อ | 235.00 |
กรุงศรี | ซื้อ | 223.00 |
ยูโอบีฯ | ถือ | 225.00 |
เมย์แบงก์ฯ | ขาย | 185.00 |
ราคาเฉลี่ย | 220.60 |
แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ จะมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานปี 65 – 66 ของ BH โดยคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงดังกล่าว จะเติบโตต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี (YTD) ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 64% สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่มีผลตอบแทนติดลบราว 6% ส่งผลให้ราคาหุ้น BH ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน เกินพื้นฐานมาแล้ว 4% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ...