FPT กลับเข้าสู่เรดาร์นักลงทุนอีกครั้ง โบรกฯ คาดงบปี 66 เดินหน้าโตต่อทำนิวไฮรอบ 3 ปี หลัง 3 ธุรกิจหลักฟื้นตัวสวนเศรษฐกิจโลก มองผลงานกลับเข้าสู่การเติบโตรอบใหม่ - ปันผลแจ่ม คาดงบปี 66 - 67 แจกยีลด์สูง 3.57% - 5.58% ตามลำดับ แถมอัพไซด์ยังเปิดกว้าง
*** กลับเข้าเรดาร์ รับงบปี 66 จ่อโตต่อเนื่อง
หุ้น บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) หรือ FPT กลับเข้าสู่ความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง หลังนักวิเคราะห์ในตลาดส่วนใหญ่ประเมินว่า กำไรสุทธิงวดผลการดำเนินงานงบปี 66 (ต.ค.65 - ก.ย.66) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากงบงวดปี 65 (ต.ค.64 - ก.ย.65) โดยบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ให้ข้อมูลว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 66 ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง, ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจยืดเยื้อ ส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิต และวิกฤติพลังงานในทวีปยุโรป
แต่ด้วยธุรกิจของ FPT ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย, อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ที่อิงกับเศรษฐกิจและภาคบริการในประเทศ จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากเศรษฐกิจที่กำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19
*** จับตา! งบปี 66 มีลุ้นนิวไฮรอบ 3 ปี
บล.กสิกรไทย ประเมินกำไรสุทธิงบปี 66 ของ FPT ไว้ที่ 2.52 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 3% จากปีก่อน และทำระดับกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รอบ 3 ปี มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักได้รับอานิสงส์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ ธุรกิจ อสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม และธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอสังหาฯ เพื่อพาณิชยกรรมได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเปิดประเทศเต็มที่มากขึ้นกว่าปีก่อน
การฟื้นตัวดังกล่าวจะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการขยายการลงทุนจากจีน, ไต้หวัน และทวีปยุโรป เข้ามามากขึ้น และด้วยความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มอสังหาฯ ครบวงจรของ FPT จะทำให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก สนับสนุนให้ปี 66 มีแนวโน้มเติบโตได้ดี
*** ส่องการเติบโต 3 กลุ่มธุรกิจ หนุนผลงานปี 66
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตกำไรสุทธิงวดงบปี 66 ของ FPT มาจากแผนธุรกิจที่แข็งแกร่งของทุกกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
1.ธุรกิจอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย: มีแผนเปิดตัว18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท โดยในงวดงบปี 66 ทาง FPT เน้นไปที่กลุ่มบ้านเดี่ยวเป็นหลัก จำนวน 9 โครงการ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง อีกทั้งเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้ดีด้วย Gross Margin เฉลี่ย 35% สูงสุดเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน มีแผนเพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่ คือ คอนโดมิเนียม จับตลาด Real Demand ในราคา 3 - 5 ล้านบาท ด้วยการพัฒนาอาคารแบบ Low - Rise (ตึกสูง 8 ชั้น) เน้นรับรู้รายได้เร็ว ภายใต้แผนธุรกิจข้างต้น FPT ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์งวดงบปี 66 ไว้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากปีก่อน
2.ธุรกิจอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรม: FPT มีแผนขยายสินทรัพย์ในพอร์ตต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ให้เช่าภายใต้พอร์ตบริหารทั้งหมด 3.4 ล้านตารางเมตร เป็น 3.5 ล้านตารางเมตร และ 3.7 ล้านตารางเมตร ในปี 66 - 67 ตามลำดับ โดยธุรกิจให้เช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเชิงอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการย้ายฐานผลิตจากจีน รวมถึงเห็นสัญญาณการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce และโลจิสติกส์ ส่งผลให้มีความต้องการเช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้น
โดยในปีนี้ยังรับรู้รายได้เต็มปีจากการส่งมอบพื้นที่เช่าใหม่ 1.5 แสนตารางเมตรที่เกิดขึ้นปีที่ผ่านมา และจากสินทรัพย์ในอินโดนีเซียที่เพิ่มสัดส่วนลงทุนตั้งแต่ มิ.ย. 2565 ซึ่งมองว่าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%
ส่วนแผนขายสินทรัพย์ปีนี้ ตั้งเป้ามูลค่าขายไว้ที่ 1.7 - 2.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่า 1 - 1.5 พันล้านบาท จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง FTREIT และอีก 700 ล้านบาท มาจากการขายทรัพย์อื่น ๆ เช่น ที่ดิน และอาคารเก่าให้แก่ผู้เช่า เป็นต้น
3.ธุรกิจอสังหาฯ เพื่อพาณิชยกรรม: ปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานและรีเทลภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น 2.3 แสนตารางเมตร โดยอาคารสำนักงานชั้นนำเกรด A ในย่าน CBD ประกอบด้วย FYI Center, Park Ventures Ecoplex, Sathorn Square และ Mitrtown Office Tower ในภาพรวมของทั้งหมดรักษาอัตราการเช่าไว้ในระดับสูงที่มากกว่า 90% ขณะที่โครงการมิกซ์ยูสใหม่ล่าสุด Silom Edge เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีผู้เช่าทยอยเซ็นสัญญาต่อเนื่อง ส่วนศูนย์การค้า Samyan Mitrtown มีอัตราผู้ใช้บริการฟื้นตัวสูงขึ้น และมีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงถึง 96%
สำหรับโรงแรม 5 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของ FPT ได้แก่ Mayfair Marriott Executive Apartment, The Ascott Sathorn and Sky Villa, W Bangkok, Triple Y Hotel และ Modena by Fraser Bangkok มีอัตราการเข้าพักฟื้นตัวดีขึ้นเฉลี่ย 63% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของงบปี 65 เติบโตขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน และทั้งงบปี 65 เฉลี่ยอยู่ที่ 67% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 24%
*** กูรูเชียร์ซื้อ กำไรโตระยะยาว – ปันผลแจ่ม
บล.กสิกรไทย แนะนำซื้อหุ้น FPT โดยมองว่า บริษัทฯ มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และมีความพร้อมในการฟื้นฟูแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่กำหนดไว้ก่อนสถานการณ์โควิด-19 นอกจากโครงการทาวน์ชิปใหม่ในย่านถนนบางนา-ตราดแล้ว อาจมีการพัฒนาโครงการใหม่ในเวียดนามเพิ่มเติมด้วย
ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิของ FPT จะเดินหน้าเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอีก 2 - 3 ปี ข้างหน้า และคาดว่า FPT จะจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงขึ้นด้วย ซึ่ง FPT ได้ประกาศเงินปันผลของงวดงบปี 65 อยู่ที่ 0.43 บาท โดยบล.กสิกรไทยได้ประเมินด้วยว่า งวดงบปี 66 - 67 จะจ่ายในอัตรา 0.54 บาท/หุ้น และ 0.85 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ระดับ 3.57% และ 5.58% ตามลำดับ
*** ส่องราคาเหมาะสม ยังเหลืออัพไซด์ให้ลุ้น
จากการสำรวจราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ใน IAA Consensus พบว่า ประเมินราคาเหมาะสมของ FPT อยู่ในกรอบ 16 - 17.20 บาท/หุ้น ซึ่งหากคิดเป็นราคาเหมาะสมเฉลี่ย พบว่า หุ้น FPT ยังคงเหลืออัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกราว 11% ด้วยกัน
บล. |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
กสิกรฯ |
17.20 |
เอเชีย พลัส |
16.00 |
ราคาเฉลี่ย |
16.60 |
หากอ้างอิงข้อมูลโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ พบว่าการเติบโตในงวดงบปี 66 ของ FPT ยังมีความน่าสนใจอย่างมาก ด้วยการได้รับประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ผลักดันให้ FPT ยังคงเติบโตอย่างมั่นคง