สถิติไอพีโอ 9 เดือน พบกลุ่มที่ได้หุ้นจองกำไรแจ่ม ราคาเปิดทำกำไรเฉลี่ย 32.44% สูงสุดถึง 133.33% ส่วนนักลงทุนที่เก็บในกระดานเจ็บตัวอื้อ ซื้อปิดวันแรก เทียบราคาเปิด ติดลบเฉลี่ย 8.28% หรือเทียบราคาล่าสุดติดลบเฉลี่ยถึง 15.54%
*** ปีนี้กลุ่มได้ไอพีโอฟันกำไรวันแรกบาน
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจผลตอบแทนหุ้นไอพีโอ 9 เดือนปีนี้ พบว่านักลงทุนที่ส่วนใหญ่ได้กำไร จะเป็นกลุ่มที่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นไอพีโอ และขายในราคาเปิดหรือปิดซื้อขายวันแรก โดยให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 32.44% และ 22.03% ตามลำดับ
ผลตอบแทนวันแรกหุ้น IPO (SET-mai) |
SET |
ชื่อย่อหุ้น | ราคาไอพีโอ (บ.) | ราคาเปิดวันแรก (บ.) | %chg* | ราคาปิดวันแรก (บ.) | %chg* | ราคาล่าสุด (บ.) | %chg* |
PQS | 6 | 14 | 133.33 | 5.75 | -4.17 | 3.02 | -49.67 |
PSP | 6.2 | 9.4 | 51.61 | 10 | 61.29 | 9.5 | 53.23 |
COCOCO | 5.5 | 8 | 45.45 | 7.9 | 43.64 | 10.2 | 85.45 |
PRTR | 7.2 | 8.9 | 23.61 | 10.1 | 40.28 | 7.7 | 6.94 |
CHASE | 2.9 | 3.52 | 21.38 | 3 | 3.45 | 2.44 | -15.86 |
SINO | 1.4 | 1.6 | 14.29 | 1.92 | 37.14 | 1.93 | 37.86 |
GABLE | 6.39 | 7.3 | 14.24 | 6 | -6.10 | 5.4 | -15.49 |
MGC | 7.95 | 8.45 | 6.29 | 8.9 | 11.95 | 7.6 | -4.40 |
KCG | 8.5 | 8.55 | 0.59 | 8.3 | -2.35 | 10.6 | 24.71 |
BLC | 10.5 | 10.5 | 0.00 | 7.2 | -31.43 | 5.35 | -49.05 |
PHG | 21 | 19.8 | -5.71 | 16.3 | -22.38 | 12.6 | -40.00 |
mai |
ITTHI | 3 | 5.8 | 93.33 | 3.06 | 2.00 | 1.61 | -46.33 |
TPL | 3.3 | 5.9 | 78.79 | 2.22 | -32.72 | 2.06 | -37.58 |
BVG | 3.85 | 6.35 | 64.94 | 6.5 | 68.83 | 5.1 | 32.47 |
TBN | 17 | 27.5 | 61.76 | 42.5 | 150.00 | 19.1 | 12.35 |
MEB | 28.5 | 45 | 57.89 | 44.25 | 55.26 | 34.75 | 21.93 |
GFC | 7 | 10.7 | 52.86 | 10.5 | 50.00 | 11.1 | 58.57 |
READY | 7.3 | 10.7 | 46.58 | 15 | 105.47 | 13.7 | 87.67 |
NTSC | 26.25 | 38 | 44.76 | 37 | 40.95 | 15.7 | -40.19 |
MASTER | 46 | 56.59 | 23.02 | 69 | 50.00 | 66.5 | 44.57 |
I2 | 2.7 | 3.12 | 15.56 | 2.5 | -7.40 | 2.38 | -11.85 |
PLT | 1.55 | 1.74 | 12.26 | 1.26 | -18.70 | 1.07 | -30.97 |
DEXON | 4.5 | 4.56 | 1.33 | 4.62 | 2.66 | 2.66 | -40.89 |
SVR | 2.2 | 1.94 | -11.82 | 1.97 | 13.63 | 1.84 | -16.36 |
SAF | 1.93 | 1.25 | -35.23 | 1.23 | 46.11 | 1.1 | -43.01 |
*chg เทียบราคา IPO |
25 หุ้นไอพีโอในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 14 บริษัท และเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 11 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจบริการจดทะเบียนเข้ามาใหม่มากสุด จำนวน 8 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนทศและการสื่อสาร จำนวน 5 บริษัท
อย่างไรก็ตามหากได้รับสิทธิ์จองซื้่อหุ้นและวถือหุ้นจนถึงราคาล่าสุด ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ไจะเหลือเพียง 0.97% เท่านั้น
*** หุ้น mai เปิดสวยบวกเฉลี่ย 36.14% ชนะ SET
อย่างไรก็ตาม หากแบ่งย่อยหุ้น SET และ mai พบว่า หุ้น mai ให้ผลตอบแทนราคาเปิดซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาไอพีโอเฉลี่ยมากกว่า SET อยู่ที่ 36.14% ต่อ 27.73%
โดยหุ้นจาก mai สามารถทำกำไรจากราคาเปิดซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาไอพีโอมากกว่า 50% ได้ถึง 6 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น (ITTHI) ที่ให้ผลตอบแทน 93.33%, บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ให้ผลตอบแทน 78.79%, บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) ให้ผลตอบแทน 64.94%
บมจ.ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น (TBN) ให้ผลตอบแทน 61.76%, บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ให้ผลตอบแทน 57.89% และ บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) ให้ผลตอบแทน 52.86%
ส่วนหุ้นจาก SET ให้ผลตอบแทนราคาเปิด เทียบกับราคาไอพีโอมากกว่า 50% ได้เพียง 2 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มถึง 133.33% และ บมจ.พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ให้ผลตอบแทน 51.61%
*** ปิดวันแรก mai ยังให้ผลตอบแทนแจ่มเทียบ IPO
เช่นเดียวกับราคาปิดซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาไอพีโอ หุ้น mai ก็ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าหุ้นในกลุ่ม SET ที่ 37.57% ต่อ 11.94%
โดยหุ้นในกลุ่ม mai มีถึง 2 บริษัท ที่สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่า 100% ประกอบด้วย บมจ.ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น (TBN) ที่ให้ผลตอบแทน 150% และ บมจ.เรดดี้แพลนเน็ต (READY) ที่ให้ผลตอบแทน 105.47%
ขณะที่ หุ้นในกลุ่ม SET มีเพียง 1 บริษัท เท่านั้น ที่สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่า 50% ในช่วงดังกล่าว คือ บมจ.พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ที่ให้ผลตอบแทน 61.29%
*** แต่ถือไอพีโอราคาจองซื้อถึงปัจจุบัน กำไรวูบ
อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนที่ได้หุ้นไอพีโอ และถือหุ้นมาถึงปัจจุบัน พบว่าหุ้น mai กลับให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 0.69% ส่วนหุ้นใน SET ยังมีผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก แต่ลดลมาอยู่เพียง 3.07% เท่านั้น
ทั้งนี้ หุ้น 2 กลุ่ม มีบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนในช่วงดังกล่าวมากกว่า 50% ได้ 2 บริษัท เท่ากัน แต่หุ้น mai ก็ยังให้ผลตอบแททนรายตัวที่สูงกว่า สะท้อนจาก บมจ.เรดดี้แพลนเน็ต (READY) ที่ให้ผลตอบแทน 87.67% และ บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) ที่ให้ผลตอบแทน 58.57%
ส่วนหุ้นในกลุ่ม SET มี บมจ.ไทย โคโคนัท (COCOCO) ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 85.45% รองลงมา คือ บมจ.พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ที่ให้ผลตอบแทน 53.23%
*** เก็บในกระดาน พบส่วนใหญ่จะเจ็บ !
ขณะเดียวกัน หากเป็นนักลงทุนที่ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นไอพีโอ และเข้าซื้อหุ้นในกระดานพบว่า ส่วนใหญ่มักขาดทุน สะท้อนจากราคาปิดซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาเปิดซื้อขายวันแรก ที่ติดลบเฉลี่ย 8.28% เช่นเดียวกับราคาล่าสุด เทียบกับราคาเปิดซื้อขายวันแรก ก็ติดลบเฉลี่ย 15.54% ประกอบด้วย
ผลตอบแทน IPO ปี 66 ล่าสุด (SET-mai) |
SET |
ชื่อย่อหุ้น | ราคาเปิดวันแรก (บ.) | ราคาปิดวันแรก (บ.) | %chg | ราคาล่าสุด (บ.) | %chg | ราคาไฮ (บ.) | ราคาโลว์ (บ.) |
PQS | 14 | 5.75 | -58.93 | 3.02 | -78.43 | 15.8 | 2.94 |
BLC | 10.5 | 7.2 | -31.43 | 5.35 | -49.05 | 10.5 | 4.84 |
GABLE | 7.3 | 6 | -17.81 | 5.4 | -26.03 | 7.6 | 4.36 |
PHG | 19.8 | 16.3 | -17.68 | 12.6 | -36.36 | 21.1 | 11.1 |
CHASE | 3.52 | 3 | -14.77 | 2.44 | -30.68 | 3.58 | 1.32 |
KCG | 8.55 | 8.3 | -2.92 | 10.6 | 23.98 | 11.7 | 7.65 |
COCOCO | 8 | 7.9 | -1.25 | 10.2 | 27.50 | 10.1 | 7.7 |
MGC | 8.45 | 8.9 | 5.33 | 7.6 | -10.06 | 10.4 | 7.15 |
PSP | 9.4 | 10 | 6.38 | 9.5 | 1.06 | 13.9 | 8.05 |
PRTR | 8.9 | 10.1 | 13.48 | 7.7 | -13.48 | 10.8 | 5.2 |
SINO | 1.6 | 1.92 | 20.00 | 1.93 | 20.63 | 1.97 | 1.58 |
mai |
TPL | 5.9 | 2.22 | -62.37 | 2.06 | -65.08 | 7.25 | 1.66 |
ITTHI | 5.8 | 3.06 | -47.24 | 1.61 | -72.24 | 5.9 | 1.41 |
SAF | 4.8 | 2.82 | -41.25 | 1.1 | -77.08 | 4.84 | 0.94 |
PLT | 1.74 | 1.26 | -27.59 | 1.07 | -38.50 | 1.78 | 0.89 |
SVR | 3.26 | 2.5 | -23.31 | 1.84 | -43.55 | 3.3 | 1.38 |
I2 | 3.12 | 2.5 | -19.87 | 2.38 | -23.71 | 3.2 | 2.34 |
NTSC | 38 | 37 | -2.63 | 15.7 | -58.59 | 46.75 | 11.7 |
GFC | 10.7 | 10.5 | -1.87 | 11.1 | 3.73 | 12.7 | 9.05 |
MEB | 45 | 44.25 | -1.67 | 34.75 | -22.77 | 49 | 27.25 |
DEXON | 4.56 | 4.62 | 1.32 | 2.66 | -41.66 | 5.3 | 2.5 |
BVG | 6.35 | 6.5 | 2.36 | 5.1 | -19.68 | 9.4 | 4.5 |
MASTER | 56.59 | 69 | 21.93 | 66.5 | 17.51 | 83.18 | 52.73 |
READY | 10.7 | 15 | 40.19 | 13.7 | 28.03 | 17.3 | 10.4 |
TBN | 27.5 | 42.5 | 54.55 | 19.1 | -30.54 | 45.25 | 17.2 |
*%chg เทียบราคาเปิดวันแรก |
*** เก็บในกระดานวันแรก หุ้น SET เจ็บหนัก
อย่างไรก็ตาม หากแบ่งย่อยหุ้น SET และ mai พบว่า หุ้น SET ให้ผลตอบแทนราคาปิดซื้อขายวันแรก เทียบกับราคาเปิดซื้อขายวันแรกติดลบเฉลี่ยมากกว่ากลุ่ม mai โดยติดลบเฉลี่ย 9.05% ขณะที่ กลุ่ม mai ติดลบเฉลี่ย 7.68%
โดยหุ้นกลุ่ม SET ที่ให้ผลตอบแทนช่วงดังกล่าว ติดลบมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 58.93% รองลงมา คือ บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 31.43%
ส่วนหุ้นในกลุ่ม mai ที่ให้ผลตอบแทนในช่วงดังกล่าว ติดลบมากที่สุด 2 อันดับแรก คือ บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 62.37% รองลงมา คือ บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น (ITTHI) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 47.24%
*** เทียบราคาล่าสุดกับราคาเปิด หุ้น mai เจ็บกว่า !
ทั้งนี้ หากเทียบราคาล่าสุด กับราคาเปิดซื้อขายวันแรก พบว่า หุ้นในกลุ่ม mai ให้ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ยถึง 27.59% ซึ่งมากกว่าหุ้นในกลุ่ม SET ที่ให้ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ย 15.54%
โดยหุ้นกลุ่ม mai ที่ให้ผลตอบแทนช่วงดังกล่าว ติดลบมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล (SAF) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 77.08% และ บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น (ITTHI) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 72.24%
ส่วนหุ้นกลุ่ม mai ที่ให้ผลตอบแทนช่วงดังกล่าว ติดลบมากที่สุด 2 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช (PQS) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 78.43% รองลงมา คือ บมจ.บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค (BLC) ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 49.05%
*** วงการชี้ตลาดไม่ดี กดผลตอบแทนในกระดาน
"ณรงค์เดช จันทรไพศาล" ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะหลักทรัพย์ บล.ไอร่า ระบุสาเหตุที่ทำให้ผลตอบแทนไอพีโอในกระดานปีนี้ไม่ดีเท่าไรนัก เนื่องจากปีนี้มีจำนวนไอพีโอเข้ามาค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นในลักษณะรีบเข้าเกินไป เพราะปี 67 จะมีกฏคุมเข้มมากขึ้น ทำให้หลายบริษัทอาจจะยังไม่ทันได้เตรียมความพร้อมเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ภาวะตลาดหุ้นปีนี้ยังไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนักด้วย จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนกัน
ด้าน"เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เสริมว่า หลาบบริษัทที่ทำราคาขายไอพีโอส่วนใหญ่ปีนี้ มีมูลค่าค่อนข้างแพง ประกอบกับ ภาวะตลาดหุ้นปีนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน จึงทำให้ผลตอบแทนในกระดานไม่ดีตามสถิติดังกล่าว
*** แนะเลือกหุ้น ต้องดูพื้นฐาน - Valuation !
"ณรงค์เดช จันทรไพศาล" กลับมากล่าวต่อว่า การเลือกลงทุนหุ้นไอพีโอ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก และประเมินการเติบโตในอนาคตว่ามีโอกาสทำได้ตามคำชี้ชวนหรือไม่ อีกทั้ง ยังต้องพิจารณาราคาเสนอขายด้วย ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ?
สอดคล้องกับ "เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม" ที่ปิดท้ายว่า การเลือกลงทุนหุ้นไอพีโอควรพิจารณามูลค่า (Valuation) ของหุ้นเป็นสำคัญ โดยนักลงทุนอาจเปรียบเทียบกับหุ้นในลักษณะเดียวกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเห็นความถูก - แพง ของหุ้นไอพี่โอที่ตนเองกำลังให้ความสนใจ จึงจะเป็นคำตอบว่า ควรซื้อหุ้นตัวนั้นหรือไม่ ?