เปิดสถิติ 23 บจ.ใช้แผนซื้อหุ้นคืนช่วง 3 ปีหลัง วงเงินรวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท หลังหุ้นลงจนหน้าเก็บ แต่กลับช่วยได้ไม่มาก เกินครึ่งราคาทรุดต่อ ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 2.7% ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก พบมีแค่ 5 บริษัทเท่านั้นที่ซื้อครบตามเป้า
*** MAJOR ประกาศทุ่ม 1 พันลบ. ซื้อหุ้นคืน 72 ลห.
ล่าสุด บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทฯ เพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 1 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 72 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.05% ซึ่งไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่ 16 ต.ค.66 - 15 ม.ค.67
*** สถิติ 3 ปีหลัง มี 23 บจ.แห่ซื้อคืน วางเป้ารวม 1.4 หมื่นลบ.
ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้สำรวจข้อมูลย้อหลัง 3 ปี (ตั้งแต่ต้นปี 64) พบว่า ในช่วงดังกล่าวมี 23 บริษัท ที่ประกาศโครงการรับซื้อหุ้นคืน โดยทั้งหมดตั้งงบซื้อหุ้นคืนรวมกันกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
3 ปีหลัง 23 บจ.แห่ซื้อหุ้นคืน แต่ราคาหุ้นทรุดเฉลี่ย 2.7% |
ชื่อย่อหุ้น | เป้าหมายซื้อคืน (ลห.) | วงเงิน (ลบ.) | ซื้อทั้งหมด (ลบ.) | ช่วงราคา (บ.) | มูลค่า (ลบ.) | ช่วงเวลาซื้อคืน |
WP* | 15.5 | 60 | 0.34 | 3.68 - 3.8 | 1.28 | 9 ต.ค.66 - 8 มี.ค.67 |
TACC* | 11 | 50 | 2.8 | 4.32 - 4.98 | 13.3 | 17 ส.ค.66 - 16 ก.พ.67 |
III* | 25 | 300 | 6.09 | 11.1 - 12.4 | 72.68 | 15 ส.ค.66 - 14 ก.พ.67 |
GENCO* | 112.22 | 8 | 9.07 | 0.54 - 0.59 | 5.05 | 21 ก.ค.66 - 20 ม.ค.67 |
KOOL* | 72.27 | 36 | 72.27 | 0.44 - 0.47 | 32.03 | 19 พ.ค.66 - 17 พ.ย.66 |
NV* | 30 | 70 | 24.01 | 2.24 - 2.9 | 69.99 | 18 พ.ค. - 17 พ.ย.66 |
ITNS* | 11 | 38.5 | 11 | 3.3 - 3.5 | 38.08 | 15 พ.ค.66 - 12 ต.ค.66 |
JMART | 16 | 400 | 7.73 | 13.4 - 19.1 | 128.96 | 15 พ.ค. - 31 ส.ค.66 |
SABUY | 87.2 | 1,090 | 87.2 | 11.1 - 12.8 | 1,042 | 8 พ.ค. - 14 ก.ค.66 |
ASEFA | 17 | 70 | 15.7 | 3.84 - 4.14 | 59.85 | 1 มี.ค. - 31 ส.ค.66 |
LEE | 90 | 240 | 8.99 | 2.26 - 2.44 | 20.71 | 2 มี.ค. - 1 ก.ย.66 |
WICE | 13 | 170 | 10.09 | 7.95 - 8.85 | 96.44 | 19 ม.ค. - 18 ก.ค.66 |
TU | 200 | 3,000 | 200 | 13.5 - 16 | 2,976 | 3 ม.ค.66 - 30 มิ.ย.66 |
SINGER | 13.89 | 640 | 13.89 | 17.3 - 30 | 337.61 | 23 ธ.ค.65 - 23 มี.ค.66 |
CPF | 200 | 5,000 | 163.9 | 19.2 - 21.5 | 3,507 | 19 ธ.ค.65 - 18 มิ.ย.66 |
SMT | 60 | 240 | 7.09 | 4.12 - 5.2 | 35.14 | 26 ต.ค.65 - 25 เม.ย.66 |
AMR | 10 | 50 | 9.29 | 3.6 - 4.14 | 37.33 | 20 ก.ย.65 - 17 มี.ค.66 |
LEO | 5 | 65 | 4.93 | 12.6 - 13.7 | 64.97 | 30 ส.ค.65 - 28 ก.พ.67 |
ACE | 400 | 1,000 | 100 | 2.52 - 2.76 | 268 | 1 ก.ค.65 - 30 ธ.ค.65 |
COM7 | 30 | 1,000 | 15 | 27.5 - 34.25 | 484.29 | 30 พ.ค.65 - 29 พ.ย.65 |
SPC | 6.3 | 380 | 1.68 | 67.5 - 71 | 113.43 | 1 ธ.ค.64 - 31 พ.ค.65 |
IMH | 3 | 50 | 1 | 11 - 15.3 | 13.28 | 14 ก.ย.64 - 11 มี.ค.65 |
SKR | 70 | 500 | 6.5 | 9.95 - 12.5 | 71.61 | 26 เม.ย.64 - 25 ต.ค.64 |
ที่มา : SETSMART ณ 11 ต.ค.66 *ยังไม่สิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืน |
23 บริษัทดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นหุ้นนอกดัชนี SET100 จำนวน 18 บริษัท และเป็นบริษัทในดัชนี SET100 จำนวน 5 บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ติดโผมากสุด จำนวน 4 บริษัท รองลงมา คือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ติดโผจำนวน 3 บริษัท
*** "CPF" ทุ่มงบซื้อหุ้นคืนสูงสุดถึง 5 พันลบ.
บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เป็นบริษัทที่วางงบซื้อหุ้นคืนมากที่สุดถึง 5 พันล้านบาท จากการประกาศรับซื้อหุ้นคืน 200 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 19 ธ.ค.65 - 18 มิ.ย.66 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า CPF ไม่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้าหมาย โดยซื้อคืนเพียง 163.9 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 19.2 - 21.5 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 3.5 พันล้านบาท
รองลงมา คือ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ที่วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 3 พันล้านบาท มีเป้าหมายซื้อหุ้นคืน 200 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 3 ม.ค. - 30 มิ.ย.66 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า TU สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้า 200 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 13.5 - 16 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 2.97 พันล้านบาท
*** มีอีก 3 บจ. ทุ่มงบซื้อหุ้นคืน 1 พันลบ. ขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 บริษัท ที่ช่วงดังกล่าว ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืนโดยใช้งบ 1 พันล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 1.09 พันล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 87.2 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 8 พ.ค. - 14 ก.ค.66 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า SABUY สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้า 87.2 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 11.1 - 12.8 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 1.04 พันล้านบาท
ขณะที่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 1 พันล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 30 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 30 พ.ค.65 - 29 พ.ย.65 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า COM7 สามารถซื้อหุ้นคืนได้เพียง 15 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 27.5 - 34.25 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 484.29 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) ที่วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 1 พันล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 400 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 1 ก.ค.65 - 30 ธ.ค.65 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า ACE สามารถซื้อหุ้นคืนได้เพียง 100 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 2.52 - 2.76 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 268 ล้านบาท
*** มีอีกแค่ 3 บจ.เท่านั้น ซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้า
ทั้งนี้ 23 บจ.ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนในช่วงดังกล่าว มีเพียง 5 บริษัทเท่านั้น ที่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้าหมาย ซึ่งนอกจาก TU และ SABUY ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว มีอีก 3 บริษัท
คือ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 640 ล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 13.89 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 23 ธ.ค.65 - 23 มี.ค.66 ซึ่งเมื่อจบโครงการปรากฏว่า SINGER สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้า 13.89 ล้านหุ้น ที่ช่วงราคา 17.3 - 30 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินที่ใช้ซื้อหุ้นคืน 337.61 ล้านบาท
ด้าน บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) วางงบซื้อหุ้นคืนจำนวน 36 ล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 72.27 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 19 พ.ค. - 17 พ.ย.66 โดย KOOL สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้าหมาย 72.27 ล้านหุ้นได้ก่อนกำหนดสิ้นสุดโครงการ 17 พ.ย.66 ที่ช่วงราคา 0.44 - 0.47 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 32.03 ล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) ที่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ตามเป้าหมายก่อนสิ้นสุดโครงการเช่นกัน หลังวางงบ 38.5 ล้านบาท ตั้งเป้าซื้อหุ้นคืน 11 ล้านหุ้น ตั้งแต่ 15 พ.ค. - 12 ต.ค.66 โดย ITNS ซื้อหุ้นคืนที่ช่วงราคา 3.3 - 3.5 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 38.08 ล้านบาท
*** หลังรับซื้อหุ้นคืน ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ย 2.7%
ทั้งนี้ หากอ้างอิงราคาหุ้นของทั้ง 23 บริษัท ตั้งแต่ประกาศรับซื้อหุ้นคืน - ราคาหุ้น ณ วันสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืน พบว่าส่วนใหญ่ผลตอบแทนราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวติดลบถึง 16 บริษัท ส่งผลให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยติดลบ 2.7% ดังนี้
ตารางแสดงผลตอบแทนราคาหุ้นหลังสิ้นสุดโครงการ |
ชื่อย่อหุ้น | ราคาเริ่มโครงการ (บ.) | ราคาสิ้นสุดโครงการ (บ.) | %chg |
SINGER | 28.75 | 18 | -37.39 |
SABUY | 11.3 | 8.6 | -23.89 |
TU | 16.9 | 12.9 | -23.67 |
WICE | 11.4 | 8.75 | -23.25 |
NV* | 2.78 | 2.32 | -16.55 |
COM7 | 38 | 31.75 | -16.45 |
LEO | 6.45 | 5.5 | -14.73 |
CPF | 24.4 | 21.1 | -13.52 |
AMR | 4.54 | 3.98 | -12.33 |
SMT | 4.56 | 4.18 | -8.33 |
III* | 12.2 | 11.2 | -8.20 |
TACC* | 4.98 | 4.58 | -8.03 |
KOOL* | 0.45 | 0.42 | -6.67 |
ACE | 2.84 | 2.7 | -4.93 |
GENCO* | 0.57 | 0.55 | -3.51 |
ITNS* | 3.46 | 3.34 | -3.47 |
LEE | 2.42 | 2.44 | 0.83 |
WP* | 3.7 | 3.82 | 3.24 |
SPC | 62 | 70 | 12.90 |
ASEFA | 3.56 | 4.1 | 15.17 |
JMART | 20.3 | 24 | 18.23 |
SKR | 8.05 | 12.4 | 54.04 |
IMH | 14.2 | 22.5 | 58.45 |
ที่มา : Efin stock pickup *ยังไม่สิ้นสุดโครงการ ใช้ราคาปิด 10 ต.ค.66 |
โดย บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เป็นบริษัท ที่ผลตอบแทนราคาหุ้นระหว่างโครงการรับซื้อหุ้นคืนติดลบมากที่สุดถึง 37.39% รองลงมา คือ บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ที่ผลตอบแทนช่วงดังกล่าวติดลบ 23.89%
นอกจากนี้ ยังมีอีกถึง 7 บริษัท ที่ผลตอบแทนราคาหุ้นช่วงดังกล่าวติดลบมากกว่า 10% ประกอบด้วย บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ที่ผลตอบแทนติดลบ 23.67%, บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) ผลตอบแทนติดลบ 23.25%, บมจ.โนวา ออร์แกนิค (NV) ผลตอบแทนติดลบ 16.55%
บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ผลตอบแทนติดลบ 16.45%, บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ผลตอบแทนติดลบ 14.73%, บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ผลตอบแทนติดลบ 13.52% และ บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) ผลตอบแทนติดลบ 12.33%