เช้านี้หุ้น BDMS แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ แต่โบรกฯประเมินกำไร Q3/65 จ่อโตทั้ง YoY – QoQ หลังคาดรายได้ผู้ป่วย Non-COVID ฟื้นตัวชดเชยรายได้ COVID วูบตามการระบาดเบาลง มองกำไร Q4/65 ยังฟื้น YoY ต่อเนื่อง หลังคาดผู้ป่วยต่างประเทศใกล้แตะระดับปกติ แถมอัพไซด์ยังเปิดกว้าง !
*** เช้านี้แกว่งตัวแคบ แม้งบจ่อโตแจ่ม
ราคาหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เช้านี้ (11 ต.ค.65) เคลื่อนไหวกรอบแคบ โดยราคาหุ้นดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 29.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.72% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 29 บาท เท่ากับราคาปิดวันทำการก่อนหน้า มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 38.79% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
*** กูรูคาดกำไร Q3/65 โตทั้ง YoY - QoQ
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ BDMS ไว้ที่ 2.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน และเติบโตขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากรายได้การให้บริการที่จะเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 2.3 หมื่นล้านบาท อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ตามสัดส่วนผู้ป่วยต่างประเทศ (มาร์จิ้นสูง) ฟื้นตัว
ขณะที่ กำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน เป็นเพราะทุกส่วนธุรกิจทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน หลังผู้ป่วยมีแนวโน้มมากขึ้น จากการเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งผู้ป่วยต่างประเทศ ยังเพิ่มขึ้นกว่า 18% จากไตรมาสก่อน จนสามารถชดเชยสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ที่ปรับตัวลงเหลือ 8% ของรายได้รวมทั้งหมด (ไตรมาสก่อน สัดส่วน 12%)
เช่นเดียวกับ บล.กรุงศรี ที่ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ BDMS ไว้ที่ 2.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน หนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศ และรายได้ Non-COVID ฟื้นตัว ตามการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ RSV และไข้เลือดออกระบาด ประกอบกับ มีการเปิดประเทศด้วย
ทั้งนี้ BDMS ประเมินว่า รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศไตรมาส 3/65 จะเพิ่มขึ้นทุกชาติ โดยรายได้จากกลุ่ม CLMV, กาตาร์ และ รัสเซีย กลับไปอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว ขณะที่รายได้จากกลุ่มตะวันออกกลาง และจีน ฟื้นตัวขึ้นเป็น 60% และ 80% ของก่อนโควิด-19 ตามลำดับ
*** งบ Q4/65 ชะลอตามฤดูกาล แต่ยังโต YoY
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ BDMS มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากไตรมาส 3/65 ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเห็นภาพการเติบโตจากปีก่อนในอัตราเร่ง หลักๆ คาดว่ามาจากรายได้ให้บริการหลัก (ไม่เกี่ยวกับโควิด-19) และ Gross Margin ที่คาดจะทำได้ดีขึ้น
สาเหตุหลักเป็นเพราะสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศ (30% ของรายได้รวม) ที่ปรับตัวขึ้น ตามภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับ มีการบริหารต้นทุนแพทย์/พยาบาล ดีต่อเนื่อง อีกทั้ง การให้ส่วนลดค่าห้องพยาบาล และค่ายารักษาโรค ที่เริ่มทยอยลดลงต่อเนื่อง โดยคาดจะทำให้กำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 49% จากปีก่อน
ขณะที่ นักวิเคราะห์อีก 2 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ BDMS ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
กรุงศรี |
11,354 |
43 |
ฟินันเซียฯ |
11,346 |
42 |
*** โบรกฯมองระยะยาวยังโตอย่างมั่นคง
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ยังคงแนะนำซื้อหุ้น BDMS เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่ยังสามารถเติบโตจากปีก่อนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 65 อีกทั้ง การเติบโตระยะยาว ยังมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิปี 65 – 66 เติบโตเฉลี่ย 26%
อีกทั้ง ยังมีอัพไซด์ ที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ อาทิ โครงการ BDMS Silver Wellness (ศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร) และร้านขายยารูปแบบใหม่ ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง BDMS และ COM7 เป็นต้น
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เลือก BDMS เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากมองว่า กำไรสุทธิปี 65 – 66 ของ BDMS ยังสามารถเติบโต Outperform กลุ่มได้ เพราะจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ขณะที่ ผลการดำเนินงานปี 66 ของโรงพยาบาลต่างๆ มีแนวโน้มหดตัวลงจากปี 65 ตามสัดส่วนรายได้โควิด-19 ลดลง
*** ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ"
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำซื้อ แม้มองว่า BDMS จะได้รับผลกระทบจากรายได้โควิด-19 ลดลงบ้าง แต่คาดว่า จะมีปัจจัยผู้ป่วย Non-COVID ฟื้นตัวชดเชยปัจจัยดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างประเทศ ที่มีมาร์จิ้นสูง เริ่มฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานปกติ เติบโตระยะยาวอย่างมั่นคง
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม (บ.) |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
34.25 |
หยวนต้า |
ซื้อ |
34.20 |
กรุงศรี |
ซื้อ |
34.00 |
ดีบีเอสฯ |
ซื้อ |
34.00 |
ฟินันเซียฯ |
ซื้อ |
33.00 |
ราคาเฉลี่ย |
33.89 |
แม้ว่าราคาหุ้น BDMS จะปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปี (YTD) ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาราว 26% แต่ราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังเหลืออัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกราว 15% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ อีกทั้ง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่า ภาพการเติบโตของกำไรปี 66 ยังมีแนวโน้มโดดเด่นกว่ากลุ่มอีกด้วย ....