เช้านี้ OSP ดีดทำนิวไฮรอบ 7 เดือน หลังอุตุฯคาดปีนี้ร้อนกว่าปกติ หนุนกลุ่มเครื่องดื่มบวกยกแผง ขณะที่โบรกฯประเมินงบ Q4/65 เป็นจุดเริ่มต้นฟื้นตัว แถมต้นทุนผลิตจ่อลดลงตั้งแต่ Q1/66 หลังคาดปิดเตาหลอมราว 4 – 6 เดือน ดัน GPM ฟื้น หนุนต้องอัพเป้ากำไรปี 66 คาดพลิกโตราว 20 – 22% แต่การลงทุนช่วงนี้ยังน่าสนใจหรือไม่ ? ต้องติดตาม !
*** นิวไฮ 7 เดือน รับอุตุฯคาดปีนี้ร้อนกว่าปกติ
ราคาหุ้น บมจ.โอสถสภา (OSP) เช้านี้ (16 ก.พ.66) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 33 บาท เพิ่มขึ้น 14.78% จากวันทำการก่อนหน้า ทำราคาหุ้นสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) รอบ 7 เดือน ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.5 บาท หรือ 8.7% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 1,271.05% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น OSP เช้านี้ ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮรอบ 7 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวก หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศให้ประเทศไทยเข้าช่วงฤดูร้อนปลาย ก.พ.นี้ คาดหมายจะเป็นอีกปีที่ร้อนกว่าปกติ (ช่วงพีค เม.ย. - พ.ค.ที่ราว 40 - 43 องศา) เป็นบวกต่อกลุ่มเครื่องดื่ม และสร้าง Upside risk บนโครงสร้างเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว และต้นทุนเริ่มลดลง
*** แถมโบรกฯประเมินงบ Q4/65 เริ่มฟื้นตัว
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ OSP ยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากปีก่อนที่ฐานกำไรอยู่ในระดับสูง แต่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนได้ โดยประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 319 ล้านบาท เติบโตขึ้น 31% จากไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากรายได้ขยายตัว 2% จากไตรมาสก่อน
หลัก ๆ มาจากกลุ่มสินค้า personal care ที่ขยายตัวได้ดี และกลุ่มเครื่องดื่มที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว อีกทั้ง อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังขยายตัวจากไตรมาสก่อน ตามการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น และปริมาณการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่มองว่า กำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ของ OSP มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 308 ล้านบาท เติบโตขึ้น 27% จากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ ส่วนแบ่งรายได้เครื่องดื่มชูกำลัง ยังเห็นสัญญาณฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
อีกทั้ง ประเมินว่า GPM จะเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 29.8% เทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 29.3% หลังต้นทุนการผลิตลดลง และวอลุ่มขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคงที่จากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท
*** คาด Q1/66 ต้นทุนเริ่มลด หลังปิดเตาหลอม
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ต้นทุนในการผลิตของ OSP มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป หลังบริษัทมีการปิดเตาหลอมที่เดินเครื่องเดินความจำเป็นลงเพื่อปรับปรุงคุณภาพ โดยปัจจัยดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะทำให้ GPM ในช่วงไตรมาส 1/66 ของ OSP เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน อย่างน้อย 50 bps
สอดคล้องกับ บล.ทิสโก้ ที่ประเมินว่า ต้นทุนของ OSP มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นไป ตามต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ natural gas ที่เริ่มลดลง และมีการปิดซ่อมโรงงานขวดแก้ว (คิดเป็น 10 – 15% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) ประมาณ 4 – 6 เดือน (เริ่มตั้งแต่ ม.ค.66 เป็นต้นไป) ส่งผลให้ต้นทุนคงที่ส่วนเกินลดลง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น
*** กูรูอัพเป้ากำไรปี 66 คาดพลิกโต 20 - 22%
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ OSP ขึ้นจากเดิมอีก 4% เป็น 2.29 พันล้านบาท พลิกกลับมาเติบโตขึ้น 20% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจาก GPM ที่ฟื้นตัวไวกว่าคาด จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง – ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง และปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รายได้รวมมีแนวโน้มเติบโตขึ้น 7% จากปีก่อน จากรายได้เครื่องดื่มในประเทศ เติบโตขึ้น 7% จากปีก่อน อีกทั้ง OSP จะมีการรับรู้รายได้จากเครื่องดื่ม M-150 ราคาใหม่ 12 บาท (เดิม 10 บาท) เต็มปี ประกอบกับ รายได้ต่างประเทศ มีแนวโน้มขยายตัว 8% จากปีก่อน
สอดคล้องกับ บล.ทิสโก้ ที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ของ OSP ขึ้นจากเดิมอีก 5% เป็น 2.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 22% จากปีก่อน หลังคาดอัตรามาร์จิ้นจะดีขึ้นตามยอดขาย อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบเริ่มลดลง โดยเฉพาะ natural gas ที่ลดลง 7 – 10% ตั้งแต่ต้นไตรมาส (QTD) อีกทั้ง รายได้ต่างประเทศมีแนวโมเติบโตขึ้น 10% จากปีก่อน หลังปรับโครงสร้างธุรกิจในเมียนมาเป็นหลัก
*** แต่โบรกฯแนะลงทุนหลังงบ Q4/65 ออก
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำทยอยสะสมหุ้น OSP หรือเข้าซื้อหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 4/65 สำหรับถือลงทุนระยะกลาง – ยาว มากกว่าเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้น เพราะแนวโน้มกำไรของ OSP จะทยอยดีขึ้นรายไตรมาส และไปเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 66 โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรด P/E ปี 66 ที่ 30.4 เท่า และยังมีโอกาสถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการขึ้นได้
ส่วน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เสริมว่า การบริโภคในประเทศปี 66 มีแนวโน้มฟื้นตัวไวกว่าคาด หลังเศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จึงทำให้เราปรับคำแนะนำการลงทุนของหุ้น OSP ขึ้นเป็นถือ (จากเดิมแนะนำ ขาย)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ 5 ราย ได้ให้คำแนะนำการลงทุนหุ้น OSP ไว้ดังนี้
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
ซีจีเอสฯ | ซื้อ | 34.00 |
หยวนต้า | ซื้อเก็งกำไร | 32.50 |
โนมูระฯ | ซื้อเก็งกำไร | 31.00 |
ฟิลลิป | ทยอยซื้อ | 30.50 |
ดาโอ | ถือ | 27.00 |
ราคาเฉลี่ย | 31.00 |
แม้ผลการดำเนินงานของ OSP มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/65 แต่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังมองว่าการฟื้นตัวในช่วงดังกล่าว ยังอยู่ห่างไกลจากระดับปกติ โดยให้น้ำหนักการฟื้นตัวที่โดดเด่นจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป บางส่วนจึงให้กลยุทธ์รอเข้าซื้อหลังงบไตรมาส 4/65 ออก และถือระยะยาว
นอกจากนี้ ราคาหุ้น OSP ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังเหลืออัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกเพียง 1% เท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ หลังราคาหุ้นเช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุกว่า 15% ด้วยกัน ...