เช้านี้ NEX บวกสูงสุด 3.42% ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่น หลังครม.เคาะเปลี่ยนรถเมล์เอกชนเป็นรถ EV ขณะที่โบรกฯประเมินงบ Q4/65 พลิกกำไรราว 300 – 400 ลบ. ตามยอดส่งมอบรถ EV สูงขึ้น มองกำไรปี 66 จ่อทะลุ 1 พันลบ. หลังยอดส่งมอบถูกคาดโตแรงต่อ แถมมีฐานลูกค้าใหม่รอการเข้าถึง ชี้ Valuation หุ้นยังไม่แพง !
*** บวกสูงสุด 3.42% รับครม.ดันรถเมล์ EV
ราคาหุ้น บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) ช่วงเช้าวันนี้ (1 ก.พ.66) ดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 18.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.42% จากวันทำการก่อนหน้า ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 18 บาท เพิ่มขึ้น 0.5 บาท หรือ 2.86% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 122.26% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น NEX เช้านี้ ปรับตัวขึ้นสูงสุด 3.42% เนื่องจากกำลังได้รับปัจจัยหนุน หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ หนังสื่อการอนุญาตให้ดำเนินโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชน เป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
*** ยอดส่งรถ EV พุ่ง ดันงบ Q4/65 พลิกกำไร
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 จะสามารถพลิกกลับมารายงานกำไรสุทธิได้ราว 300 – 400 ล้านบาท (ต่อจากไตรมาสก่อนที่พลิกกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท ในรอบ 10 ไตรมาส) เทียบปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 16 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานเปิดเต็มไตรมาส
อีกทั้งการส่งมอบรถบัสไฟฟ้า (EV) จะเพิ่มขึ้นเป็น 779 คัน จากไตรมาสก่อนที่ส่งมอบจำนวน 221 คัน นอกจากนี้ ยังคาดว่า NEX จะมีส่วนแบ่งกำไรจาก Absolute Assembly ประมาณ 389 ล้านบาท เทียบไตรมาสก่อนที่ยังรับรู้ขาดทุน 6 ล้านบาท หลังโรงงานสามารถเปิดดำเนินการได้เต็มไตรมาส
เช่นเดียวกับ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ที่มองว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ของ NEX ยังมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง จากการส่งมอบรถบัส EV ในสัดส่วนที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีการส่งมอบรถบรรทุก EV ไม่ต่ำกว่า 110 คัน
*** โบรกฯชี้ปี 66 มีคำสั่งซื้อรอมอบอีกเพียบ
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า NEX ยังมีคำสั่งซื้อรถบัส EV ในช่วงปลายปี 65 – ปี 66 อีกไม่ต่ำกว่า 3 พันคัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. ที่มีแผนจะส่งมอบอีก 3 พันคัน และ บขส. อีกราว 400 คัน รวมทั้งยังมีโอกาสได้คำสั่งซื้อเพิ่มทั้งจากหน่วยงานรัฐ และเอกชนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังประเมินว่า NEX จะมีการส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 100 คัน/เดือน หลังจากช่วงไตรมาส 4/65 ส่งมอบไปไม่ต่ำกว่า 110 คัน
*** จับตา ! ยังมีฐานลูกค้าใหม่รอการขยาย
บล.บัวหลวง ระบุว่า ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าหลักของ NEX เป็นกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ เช่น ผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง และบริษัทโลจิสติกส์ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป ประเมินว่า NEX ยังมีความสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมจากฐานปัจจุบันได้
โดยเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้สูง คือ หน่วยงานของรัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานดังกล่าวมีรถหัวลาก และรถบรรทุกขนาดเล็กจำนวนมากที่ใช้น้ำมันเบนซิน หรือดีเซล
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานเหล่านี้เปลี่ยนรถเก่า ไปเป็นรถ EV ตามคำมั่นสัญญาลดการปล่อยมลพิษ และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างประเทศให้เป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า จึงคาดว่ามีโอกาสสูงที่องค์กรเหล่านี้จะเข้ามาเป็นลูกค้าของ NEX ในระยะถัดไป
*** กำไรปี 66 จุดเริ่มต้นโตก้าวกระโดด
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ NEX ไว้ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 890% จากปีก่อน มีปัจจัยหนุนจากการส่งมอบรถบัส EV และรถบรรทุกไฟฟ้า รวมกว่า 4 พันคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ส่งมอบได้ราว 1.1 พันคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งมอบให้ ขสมก.
ขณะที่ กำไรสุทธิปี 67 – 68 มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี จากการประมาณการส่งมอบรถ EV เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 พันคัน และ 6.7 พันคัน ตามลำดับ นอกจากนั้น กำไรสุทธิในอนาคต ยังมีโอกาสเกิดอัพไซด์ จากแผนขยายโรงงานเพื่อผลิตรถกระบะไฟฟ้า กำลังการผลิต 5 หมื่นคัน/ปี ใช้งบลงทุนราว 5 – 6 พันล้านบาท
ส่วน บล.บัวหลวง ประเมินกำไรสุทธิปี 66 ของ NEX ไว้ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 507% จากปีก่อน หนุนโดยการดำเนินงานของโรงงานเต็มปีครั้งแรก ซึ่งจะมีปริมาณการผลิตอยู่ที่ราว 5 พันคัน/ปี โดยปีนี้ NEX ตั้งเป้าขายรถบัส และมินิบัสรวม 3 พันคัน โดยมีคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้วราว 2.7 พันคัน ส่วนที่เหลืออีก 2 พันคัน จะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าประเภทใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบัน NEX มีความสารมารผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้ 15 คัน/วัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเริ่มต้นที่ 10 คัน/วัน อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรของ NEX เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทย (ปี 65 ใช้ชิ้นส่วนนำเข้า 40 – 50%) จะช่วยลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และซัพพลายเชนมีความปลอดภัยมากขึ้น
*** โบรกฯมอง Valuation หุ้นยังไม่แพง
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มูลค่า (Valuation) ณ ปัจจุบัน ของ NEX ยังไม่แพง สะท้อนจากการเทรด P/E ปี 66 ที่ระดับ 27 เท่า ซึ่งเรามองว่าสมควรเทรดพรีเมี่ยม จากกำไรในระยะถัดไปที่มีแนวโน้มเติบโตสูง อีกทั้งยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้นเติบโต โดยหากเทียบ PEG ปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 0.8 เท่า สะท้อนว่า มูลค่าหุ้นยังถูกนั่นเอง
*** ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"
จาการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" เนื่องจากมองว่าผลการดำเนินงานของ NEX กำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 66 – 68 มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเร่ง ตามการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเริ่มต้นของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งมวลชนในประเทศ
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสม (บ.) |
บัวหลวง | ซื้อ | 24.00 |
ดาโอ | ซื้อ | 24.00 |
ธนชาต | ซื้อ | 22.00 |
ราคาเฉลี่ย | 23.33 |
หากอ้างอิงข้อมูลจากโบรกเกอร์ดูเหมือนว่า ผลการดำเนินงานของ NEX กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคการเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว โดย NEX มีความได้เปรียบคู่แข่งในระยะยาว จากการเป็นผู้ผลิตไทยที่มีโรงงานแบตเตอรี่เอง จึงทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ในแง่ Valuation หุ้นของ NEX ถือว่ายังค่อนข้างน่าสนใจ สะท้อนจากราคาหุ้นที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังเหลืออัพไซด์ให้นักลงทุนได้ลุ้นอีกราว 29% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ ...