พบ 4 หุ้น mai ย้ายเทรด SET สูงสุดรอบ 3 ปี แถมเตรียมขยับอีก 2 บจ.

สแกนหุ้นย้ายจาก mai ขึ้นเทรด SET ปีนี้ มีแล้ว 4 บริษัท ส่วนใหญ่ต้องการดึงดูดนักลงทุนเพิ่มขึ้น แถมจ่อย้ายอีกอย่างน้อย 2 บจ.ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี จากปี 65 - 66 ทั้งปีย้ายขึ้นกระดานหลักปีละ 3 บริษัทเท่านั้น แต่พบราคาหุ้นหลังย้ายขึ้น SET กลับไม่ได้ตอบสนองเชิงบวก ติดลบเฉลี่ย 32% สูงสุดถึง 63% มีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่ผลตอบแทนราคาหุ้นเป็นบวก !

*** PROUD บริษัทล่าสุดย้ายขึ้นเทรด SET

บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เป็นบริษัทจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทล่าสุด ที่ได้ทำการย้ายขึ้นไปซื้อขายบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในโหมดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่งมีผลเมื่อ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเหตุผลในการอัปเกรดกระดานซื้อขายในครั้งนี้ เพื่อต้องการดึงดูดความสนใจของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหุ้น PROUD มากขึ้น 

*** เกือบ 8 เดือนปีนี้ บจ.ย้ายเทรด SET แล้ว 4 บริษัท

ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านโปรแกรม SETSMART ที่ได้มีการย้ายกระดานซื้อขายจาก mai ไป SET ตั้งแต่ต้นปี (YTD) พบว่ามีทั้งหมด 4 บริษัท (รวม PROUD แล้ว) ประกอบด้วย
 

บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO เป็นบริษัทแรกในปีนี้ ที่ย้ายจาก mai ขึ้นบนกระดาน SET ในโหมดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีผล 17 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์ดึงดูดความสนใจนักลงทุนสถาบันมากขึ้น

ส่วนอีก 2 บริษัท ที่เหลือ ประกอบด้วย บมจ.สยามอีสต์ โซลูชั่น (SE) ที่ย้ายจาก mai ขึ้น SET ในโหมดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ตั้งแต่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากการหาพันธมิตรใหม่ และ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) ที่เพิ่งย้ายขึ้นกระดาน SET ในโหมดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ เมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับเข้าสู่แหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดการณ์ว่า จะมีอีกอย่างน้อย 2 บริษัท ที่จะย้ายจาก mai ขึ้น SET นำโดย บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ที่มีเป้าหมายย้ายขึ้นกระดาน SET ให้เสร็จสิ้นภายในช่วงไตรมาส 3/67  และ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ที่มีเป้าหมายย้ายขึ้นกระดาน SET ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้

*** สถิติปี 65 - 66 บจ.ย้ายขึ้น SET ปีละ 3 บริษัทเท่านั้น
 
ขณะเดียวกัน หลังผ่านไปเกือบ 8 เดือนของปี 67 มีบริษัทจาก mai ย้ายขึ้นกระดาน SET สำเร็จแล้ว 4 บริษัท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงสุดในรอบ 3 ปี เพราะในช่วงปี 65 และ 66 มีบริษัทจาก mai ที่ย้ายขึ้นสู่กระดาน SET ปีละ 3 บริษัท เท่ากันทั้ง 2 ปี 

โดยปี 66 บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เป็นบริษัทแรกในปีนั้นที่ย้ายจากกระดาน mai สู่ SET ในโหมดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มีผลตั้งแต่ 30 มี.ค.66 มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และต้องการขยายฐานนักลงทุนโดยมองว่า การย้ายขึ้นสู่ SET จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้น PJW มากขึ้น 

และต่อมาจาก PJW ในปีนั้น คือ บมจ.ซีออยล์ (SEAOIL) ที่ย้ายขึ้นกระดาน SET ในโหมดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค มีผล 26 มิ.ย.66 มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเพิ่มโอกาสธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และ บริษัทสุดท้ายที่ย้ายขึ้นบนกระดาน SET ในปี 66 คือ บมจ.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส (ICN) มีผล 18 ต.ค.66 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ขณะที่ ในปี 65 ก็มีบริษัทจาก mai ย้ายขึ้นกระดาน SET จำนวน 3 บริษัท เช่นกัน โดย บมจ.อินฟราเซท (INSET) เป็นบริษัทแรกในปีดังกล่าวที่ย้านขึ้นกระดาน SET ในโหมดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีผล 11 มี.ค.65 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสธุรกิจ

ส่วนอีก 2 บริษัทที่ย้ายขึ้นกระดาน SET ปี 65 ประกอบด้วย บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) ที่ย้ายขึ้น SET ในโหมดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง มีผล 15 มิ.ย.65 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และ บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) ที่ย้ายขึ้น SET ในโหมดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ มีผล 5 ก.ค.65 มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติ

*** หลังย้ายเทรด SET พบราคาทรุดเฉลี่ย 32%

ทั้งนี้ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจราคาหุ้นของทั้ง 10 บริษัทดังกล่าว (เฉพาะบริษัทที่ย้ายขึ้น SET สำเร็จแล้ว) นับตั้งแต่ย้ายจากกระดาน mai สู่ SET วันแรก จนถึงราคาหุ้นล่าสุด (13 ส.ค.ที่ผ่านมา) พบว่า ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงเฉลี่ย 32% ประกอบด้วย
 

10 บริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ย้ายขึ้นเทรดบนกระดาน SET สำเร็จแล้ว ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าว ส่วนใหญ่ปรับตัวลงถึง 9 บริษัท โดยมีเพียง 1 บริษัท เท่านั้น ที่ราคาหุ้นหลังย้ายขึ้นเทรด SET เทียบราคาหุ้นล่าสุด สามารถปรับตัวขึ้นได้

โดย บมจ.อินฟราเซท (INSET) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวปรับตัวลงมากที่สุดถึง 63.89% รองลงมา คือ บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO ที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวปรับตัวลง 61.05%

นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 บริษัท ที่ราคาหุ้นในช่วงดังกล่าว ปรับตัวลงมากกว่า 30% ประกอบด้วย บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 38.81%, บมจ.ซีออยล์ (SEAOIL) ราคาหุ้นปรับตัวลง 37.72% , บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) ราคาหุ้นปรับตัวลง 32.34% และ บมจ.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส (ICN) ราคาหุ้นปรับตัวลง 31.65% 

ส่วน บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เป็นบริษัทเดียวที่หลังย้ายขึ้นกระดาน SET แล้ว ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในแดนบวก โดยผลตอบแทนราคาหุ้น IP ในช่วงดังกล่าว บวก 1.16%