เช้านี้ CPALL ดิ่งสวน SET ที่ปิดบวก 5.7 จุด รับงบ Q2/65 ต่ำกว่าตลาดคาด 11% ขณะที่โบรกฯแห่หั่นเป้ากำไรปี 65 ทันที คาดทั้งปีเหลือโตราว 11 – 19% แต่ยังมอบวกต่อผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง มั่นใจกำไรสุทธิพลิกโตทั้ง YoY – QoQ หลังรับอานิสงส์เปิดประเทศเต็มที่ แถมอัพไซด์ยังเปิดกว้าง !
*** เช้านี้ดิ่งต่ำสุด 2.85% รับงบต่ำคาด 11%
ราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ช่วงเช้าวันนี้ (11 ส.ค.65) ร่วงไปทำจุดต่ำสุดที่ราคา 59.50 บาท ลดลง 2.85% ก่อนปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 60 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -2.04% มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 175.14% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส ระบุสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้น CPALL เช้านี้ ปรับตัวลงต่ำสุด 2.85% สวนทางดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่ปิดภาคเช้าบวก 5.7 จุด หรือ 0.35% เนื่องจากกำลังได้รับ Sentiment เชิงลบ จากการประกาศงบการเงินไตรมาส 2/65 ที่มีกำไรสุทธิ 3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 37% จากปีก่อน แต่ต่ำกว่าตลาดคาดถึง 11%
เหตุผลหลักที่ทำให้กำไรสุทธิของ CPALL ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง เป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด เนื่องจากสัดส่วนการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นต่ำปรับตัวขึ้น รวมทั้งต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น จึงไปหักล้างยอดขายที่เติบโตขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้กำไรปกติอ่อนตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
*** โบรกฯหั่นเป้ากำไรทันที หลังงบต่ำคาด
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ลงจากเดิม 11% เหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากปีก่อน มีสาเหตุหลักจากผลประกอบการของ MAKRO ลดลง ตามอัตราเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยจ่ายที่เร่งตัวขึ้น สอดคล้องกับการลดลงส่วนหนึ่งของรายได้ CPALL
เช่นเดียวกับ บล.เอเซีย พลัส ที่ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ลงจากเดิมอีก 8.6% เหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อน สะท้อนจากการปรับลดสมมตฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 65 ลงเหลือ 21.9% (เดิมคาด 22.5%) เพราะการปรับขึ้นราคาสินค้าของกลุ่ม MAKRO ทำได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ ประกอบกับ ต้นทุนค่าขนส่งยังปรับตัวขึ้นสูงตามภาวะสงครามรัสเซีย – ยูเครน
นอกจากนี้ ยังได้ปรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sale) ปี 65 ขึ้นเป็น 20.3% (เดิมคาด 20.2%) เนื่องจากค่าใช้จ่ายลงทุนโครงการ MAKNET (แพลตฟอร์มตลาดค้าส่งออนไลน์), ค่าใช้จ่ายรีแบรนด์ และ Renovate ของธุรกิจ MAKRO มีแนวโน้มสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
โดยสรุป มีนักวิเคราะห์ 3 ราย ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิปี 65 (ลบ.) |
%chg YoY |
คิงส์ฟอร์ด |
15,554 |
19 |
เอเชีย พลัส |
14,643 |
13 |
เคจีไอ |
14,393 |
11 |
*** แต่กูรูมั่นใจ ครึ่งปีหลังกลับมาโตแกร่ง
บล.เอเซีย พลัส มองว่า กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังของ CPALL มีแนวโน้มพลิกกลับมาเติบโตได้ทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน เนื่องจากรายได้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลักๆมาจากยอดขายสาขาที่อยู่ในพื้นที่การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว หลังรัฐบาลเปิดประเทศเต็มที่มากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ยังคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น มีแนวโน้มทำได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ตามสัดส่วนการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น อาทิ กลุ่มสินค้า Personal Care (ชิ้นเล็ก) เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งยังมีการจัดโปรโมชั่นกับกลุ่มสินค้าอาหาร (Ready to eat) ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยลดลง ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย
สอดคล้องกับ บล.คิงส์ฟอร์ด ที่มองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ของ CPALL มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามจำนวน Traffic คนเดินทางประจำวัน รวมทั้งการเดินทางข้ามจังหวัดที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และไตรมาสก่อน หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มากขึ้น
ทั้งนี้ หากพิจารณาเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา Google COVID-19 Community Mobility Reports แสดงผลการเคลื่อนไหวของประชากรในหมวด retail&recreation ติดลบเพียงเลขหลักเดียว ขณะที่เมื่อเทียบกับปีก่อน ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่ -33% อีกทั้งรายได้ของ Lotus’s ในส่วนการให้เช่าพื้นที่ เริ่มเห็นการฟื้นตัว หลังโควิด-19 เริ่มคลายความกังวล
*** โบรกฯชี้หุ้นน่าสนใจ เหตุงบกำลังฟื้น
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า แม้จะเพิ่งปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ CPALL ลงก็ตาม แต่ยังมองการลงทุนในหุ้น CPALL ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ที่ถูกปรับลง ยังมีอัพไซด์อีกราว 16% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของเราที่ประเมินไว้ 71 บาท/หุ้น
อีกทั้งผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจนทั้งเทียบปีก่อน และไตรมาสก่อน ประกอบกับ กำไรสุทธิระยะยาวในปี 66 – 67 จะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติ (ก่อนเกิดโควิด-19) โดยคาดกำไรสุทธิปี 66 – 67 จะอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 33% จากปีก่อน และ 2.4 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 25% จากปีก่อน ตามลำดับ
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ที่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" CPALL แม้ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบค่าใช้จ่าย และภาระดอกเบี้ยสูง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ MAKRO กำลังอยู่ระหว่างเปลี่ยนแหล่งที่มาเงินทุน ซึ่งจะลดแรงกดดันด้านดอกเบี้ยจ่ายได้ อีกทั้งยังคาดว่า ยอดขายจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามกิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัว ช่วยสนับสนุนธุรกิจทั้งร้านสะดวกซื้อ และ MAKRO ซึ่งจะเห็นภาพชัดมากขึ้นในปี 66
*** ส่วนใหญ่ยังแนะนำ"ซื้อ" แต่หั่นเป้าราคา
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำ"ซื้อ" แต่ปรับลดราคาเป้าหมายของ CPALL ลงจากเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการกำไรสุทธิที่ปรับลงใหม่ แต่คาดว่า ผลการดำเนินงานต่อจากนี้ จะกลับมาเติบโตโดดเด่น หลังได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเมือง และนักท่องเที่ยวต่างประเทศฟื้นตัว
บล. |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสมใหม่ (บ.) |
ราคาเหมาะสมเดิม (บ.) |
หยวนต้า |
ซื้อ |
75.00 |
75.00 |
เคจีไอ |
ซื้อ |
74.00 |
80.00 |
คิงส์ฟอร์ด |
ซื้อ |
74.00 |
74.00 |
เอเชีย พลัส |
ซื้อ |
71.00 |
73.50 |
ราคาเฉลี่ย |
73.50 |
75.62 |
ภายใต้ราคาเหมาะสมใหม่ของ CPALL ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดลง แต่ราคาหุ้น CPALL ที่ซื้อขาย ณ ปัจจุบัน ยังมีอัพไซด์ค่อนข้างสูงราว 22% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมเฉลี่ยของโบรกเกอร์ อีกทั้งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของ CPALL โดยคาดว่า กำไรสุทธิจะอยู่ในระดับสูงกว่าครึ่งปีแรก ...